svasdssvasds

วลีเด็ดการเมือง! ‘หญ้าหวาน’ปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าน้ำตาลอ้อย 90%

วลีเด็ดการเมือง! ‘หญ้าหวาน’ปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าน้ำตาลอ้อย 90%

รู้จัก! 'หญ้าหวาน' ปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าอ้อย 90% ลดการใช้ที่ดิน-น้ำ แต่หวานมากกว่าน้ำตาลทราย ถูกนำมาใช้เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล

SHORT CUT

  • “หญ้าหวาน” ถูกนำมาใช้เป็น สารให้ความหวานแทนน้ำตาล เนื่องจากใบของหญ้าหวานให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลถึง 10-15 เท่า
  • ล่าสุด มีวลีเด็ด "คนธัญบุรีกินหญ้าหวาน"  หลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และ นายกเทศมนตรี ของจังหวัดปทุมธานีที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ จนทำให้หลายคนเริ่มมาสนใจหญ้าหวาน
  • โดยการใช้สตีวิออลไกลโคไซด์ และผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่คล้ายกันอาจ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้

รู้จัก! 'หญ้าหวาน' ปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าอ้อย 90% ลดการใช้ที่ดิน-น้ำ แต่หวานมากกว่าน้ำตาลทราย ถูกนำมาใช้เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล

"คนธัญบุรีกินหญ้าหวาน" วลีเด็ด วลีดัง การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และ นายกเทศมนตรี ของจังหวัดปทุมธานีที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ จนทำให้หลายคนเริ่มมาสนใจหญ้าหวาน ว่ามันเป็นหญ้ายังไง ปลูกที่ไหน สรรพคุณยังไงทำไมการเมืองท้องถิ่นถึงนำมาพูดเป็นวลีเด็ด ล่าสุด #กรุงเทพธุรกิจ เปิดเผยโดยอ้างอิงงานวิจัย ว่า “หญ้าหวาน” ถูกนำมาใช้เป็น สารให้ความหวานแทนน้ำตาล เนื่องจากใบของหญ้าหวานให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลถึง 10-15 เท่า แต่ความหวานนี้ไม่ก่อให้เกิดพลังงาน (0 แคลอรี/กรัม) จึงถือว่าเป็นพืชที่มีประโยชน์กับสุขภาพ ยิ่งไปกว่านั้นหญ้าหวานยังดีกับโลกด้วย

โดยนักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยเซอร์รีย์ ทำการประเมิน วงจรชีวิตของ “สตีวิออลไกลโคไซด์” (Steviol glycoside) สารให้ความหวานที่สกัดจากหญ้าหวาน ซึ่งพบว่า ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับน้ำตาล ทั้งในการลดการใช้ที่ดิน และการใช้น้ำได้เมื่อเทียบกับระดับความหวานที่ผลิตได้ในระดับเดียวกัน

ทั้งนี้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล” (Non-nutritive sweeteners) เป็นสารที่สังเคราะห์ขึ้นมา ไม่ได้เกิดจากผลผลิตมาจากธรรมชาติ หรือบางส่วนอาจเกิดขึ้นเองจากพืช เช่น สตีวิออลไกลโคไซด์ สามารถสร้างรสชาติเหมือนน้ำตาลได้ แต่ไม่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นฟันผุ โรคอ้วน หรือโรคเบาหวาน โดยสารเหล่านี้สามารถให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลหลายเท่า ตัวอย่างเช่น สตีวิออลไกลโคไซด์ 4 กรัมให้ความหวานเทียบเท่ากับน้ำตาล 1,000 กรัม นั่นแปลว่าหวานกว่า 250 เท่า

พร้อมกันนี้มีการอ้างถึง ดร.เจมส์ ซัคคลิง หัวหน้าคณะผู้จัดทำผลการศึกษาวิจัยในศูนย์สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนของมหาวิทยาลัยเซอร์รีย์ กล่าวว่า การใช้สตีวิออลไกลโคไซด์ และผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่คล้ายกันอาจ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ พืชที่นำไปผลิตเป็นน้ำตาล ทั้งอ้อย และบีตรูตเป็นพืชที่ใช้น้ำ และพื้นที่ในการเพาะปลูกจำนวนมาก โดยเฉพาะอ้อยที่เป็นพืชทางการเกษตรที่ผลิตมากที่สุดในโลก โดยให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 15% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

ทั้งนี้ตามรายงานของ Spoonshot ซึ่งเป็นผู้ให้บริการการวิเคราะห์ข้อมูลด้วย AI ได้ พบว่า ปริมาณการใช้น้ำเฉลี่ยทั่วโลกสำหรับการผลิตน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ 1 กิโลกรัมจากอ้อยอยู่ที่ประมาณ 1,782 ลิตร สำหรับน้ำตาลที่ได้จากหัวบีตรูต ต้องใช้น้ำประมาณ 920 ลิตร

นอกจากนี้ Spoonshot ยังระบุ พืชที่ใช้ทำน้ำตาลมีแนวโน้มที่จะไม่สามารถเติบโตได้ในยุคที่ปัญหาสิ่งแวดล้อม และสภาพอากาศเป็นปัญหาที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญ สตีวิออลไกลโคไซด์อาจเป็นทางออกที่ดีสำหรับการักษาโลกใบนี้ และการศึกษายังพบอีกว่า ใบหญ้าหวานที่ปลูกในยุโรป พบว่าศักยภาพในการทำให้โลกร้อนของ RA60 อยู่ที่ 20.25 กก./CO2e/กก. เมื่อพิจารณาจากมวล และ 0.081 กก./CO2e/กก. เมื่อพิจารณาจากความหวานที่เทียบเท่ากัน

ทั้งนี้ว่าการสกัด RA60 เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก รองลงมาคือ การเพาะปลูกหญ้าหวาน การแปรรูปใบ และการขยายพันธุ์ต้นกล้า ทั้งนี้หากตัดองค์ประกอบการขนส่งระหว่างประเทศออกไป ศักยภาพในการทำให้โลกร้อนจะลดลง 18.8% เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำตาลโดยพิจารณาจากความหวานที่เทียบเท่ากัน RA60 มีผลกระทบต่อศักยภาพในการทำให้โลกร้อนเพียง 5.7-10.2% มีผลกระทบต่อการใช้ที่ดินประมาณ 5.6- 7.2% และต่ำกว่าในหมวดหมู่ผลกระทบอื่นๆ ส่วนใหญ่ หากเปรียบเทียบทั้งหมดแล้ว พบว่าสตีวิออลไกลโคไซด์ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกเพียงประมาณ 10% ของก๊าซเรือนกระจกที่การผลิตน้ำตาล

ที่มา:กรุงเทพธุรกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

 

 

 

 

 

related