ประเพณีล่าและสังหารหมู่วาฬนับร้อยตัว ณ หมู่เกาะแฟโร โศกนาฏกรรมที่ยังดำรงอยู่ในนาม วัฒนธรรม เมื่อการล่าวาฬ ถูกตั้งคำถามว่าโลกยุคนี้ ยังจำเป็นต้องล่าวาฬอยู่หรือไม่?
องค์กรพิทักษ์สัตว์โลก (World Animal Protection) รายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีวาฬนำร่องจำนวน 246 ตัวถูกฆ่า พวกมันถูกต้อนเข้าอ่าวเลย์นาร์ ณ หมู่เกาะแฟโร เขตปกครองตนเองของเดนมาร์ก พวกมันถูกรุมฆ่าอย่างทารุณด้วยมีดปลายแหลมที่เรียกว่า “แลนซ์ไนฟ์”
นอกจากนี้ ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ในจำนวนวาฬทั้งหมด มีราว ๆ 30 กว่าตัว เป็นแม่วาฬกำลังตั้งท้อง และยังมีลูกเล็ก ๆ อีกจำนวนมากไม่สามารถระบุจำนวนได้ชัดเจน ถูกฆ่าในครั้งนี้ด้วย ด้วยเหตุนี้ องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศเดนมาร์ก จึงได้ออกมาแถลงการณ์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีของหมู่เกาะแฟโร ยุติการล่าอันโหดร้ายนี้ทันที
วาฬฝูงใหญ่แสดงอาการหวาดกลัวอย่างรุนแรง เมื่อถูกเรือติดเครื่องยนต์ไล่ล่านานเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมง ก่อนถูกต้อนสู่น้ำตื้นในอ่าวและถูกลากขึ้นฝั่ง บางตัวถูกเกี่ยวด้วยตะขอโลหะที่แทงเข้ารูหายใจ ซึ่งเป็นบริเวณที่ไวต่อความรู้สึก เมื่อวาฬถูกฆ่าริมฝั่ง น้ำทะเลบริเวณโดยรอบจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม มีรายงานว่า วาฬหลายตัวตายลงอย่างช้า ๆ ทั้งจากเลือดที่ทะลักไม่หยุด หรือการจมน้ำทะเลที่นองไปด้วยเลือดเนื้อของพี่น้องวาฬ
จากภาพวิดีโอของ Sea Shepherd Global เผยให้เห็นว่า ระยะเวลาในการฆ่าแต่ละครั้งใช้เวลานานถึง 30 นาที ภาพที่เห็นสร้างความหดหู่ วาฬแต่ละตัวมีบาดแผลฉกรรจ์ แม่วาฬที่กำลังตั้งตั้งท้องหลายตัว รวมถึงลูกวาฬที่เหมือนเพิ่งเกิดถูกโยนทิ้งลงถังขยะ เหตุการณ์ครั้งนี้ได้นำไปสู่การร่วมประณามการล่านี้ว่า เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนและไร้มนุษยธรรม รวมไปถึงการตั้งคำถามตัวโตๆด้วยว่า ยุคนี้แล้ว เรายังจำเป็นต้องล่าวาฬอยู่หรือไม่?
อนึ่ง วัฒนธรรมล่าวาฬหมู่เกาะแฟโร ถือเป็นวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงและเป็นประเพณีที่สืบต่อกันมานานหลายศตวรรษ จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์คาดว่า การล่าวาฬบนหมู่เกาะแฟโร เริ่มตั้งแต่ยุคแรกของการตั้งถิ่นฐานของชาวนอร์ส (ค.ศ.800-900) ในยุคไวกิ้ง คนยุคนั้นล่าวาฬเพื่อนำไปกิน และนำไปจ่ายภาษีให้กับกษัตริย์ในยุคนั้น แต่อย่างไรก็ตาม ผู้คนยังสืบทอดประเพณีนี้มาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าจะมีข้อกฎหมายควบคุมอยู่บ้าง แต่การล่าวาฬจำนวนมาก ๆ แบบนี้ยังคงดำเนินต่อและถูกตั้งข้อสังเกตว่าสุดท้ายนี้ ประเพณีนี้ทำไปเพื่ออะไร ในเมื่อผู้คนไม่นิยมบริโภควาฬมากเหมือนแต่ก่อนแล้ว
กิตเต้ บุคฮาเว (Gitte Buchhave) ผู้อำนวยการองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศเดนมาร์ก กล่าวว่า “มันน่าเหลือเชื่อและน่าประหลาดใจที่เรายังคงเห็นการฆ่าสัตว์จำนวนมากด้วยวิธีสุดโหดแบบนี้ในยุคปัจจุบัน”
“แม้ว่าจะอ้างว่าเป็นส่วนของวัฒนธรรม ก็ไม่มีสิทธิ์ใดจะมาทำลายสัตว์ที่มีชีวิตและความรู้สึกเช่นนี้ วัฒนธรรมไม่ควรถูกใช้เป็นข้ออ้างในการกระทำอันโหดร้าย”
“เราพยายามพูดคุยกับทางการมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ต้องเรียกร้องให้แก้เร่งด่วน พฤติกรรมเช่นนี้ไม่ควรมีที่ยืนในสังคมสมัยใหม่ และแม้แต่ประชาชนชาวแฟโรเองก็เริ่มตั้งคำถามกับประเพณีนี้แล้ว ถึงเวลาแล้วที่การฆ่าเหล่านี้ควรถูกเก็บไว้ในประวัติศาสตร์ ไม่ใช่โลกยุคปัจจุบัน”