เฮอริเคนเมลิสซา ขึ้นแท่น "พายุที่รุนแรงที่สุดในโลก" ในปีนี้

"พายุเมลิสซา" ที่ก่อตัวขึ้นในมหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้สร้างความตื่นตระหนกด้วยการทวีความรุนแรงจนเปลี่ยนจากพายุโซนร้อนขึ้นเป็นเฮอริเคน ระดับ 4 อย่างรวดเร็วเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก่อนจะทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องเป็นเฮอริเคน ระดับ 5 กลายเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดในโลกที่ก่อตัวขึ้นในปีนี้

ความน่ากลัวของพายุเมลิสซาคือมัน 'เคลื่อนตัวช้า'
ในขณะที่พายุโซนร้อนหลายลูกมักจะเคลื่อนตัวข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกด้วยความเร็วคงที่ แต่พายุเฮอริเคนเมลิสซาได้เคลื่อนตัวด้วยความเร็วที่ช้ากว่าปกติ และเกือบจะหยุดนิ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจาเมกา 

นั่นคือสาเหตุที่สร้างความหวาดหวั่น เพราะพายุที่เคลื่อนตัวช้าจะมีโอกาสสะสมความชื้น โดยเฉพาะการได้เติมพลังงานจากน้ำที่อุณหภูมิอบอุ่นของทะเลแคริบเบียน ซึ่งเปรียบเหมือนเชื้อเพลิงช่วยให้มันทวีความรุนแรงได้มากและเร็วกว่าเดิม

มีพายุเพียงไม่กี่ลูกเท่านั้นที่เคยถูกบันทึกว่ามีความรุนแรงขนาดนี้ โดนก่อนหน้านี้มีเฮอริเคนมาเรีย ที่สร้างความเสียหายให้กับบางส่วนของเปอร์โตริโกในปี 2017 เฮอริเคนแคทรีนา ที่ก่อให้เกิดน้ำท่วมเมืองนิวออร์ลีนส์และสร้างความเสียหายให้กับชายฝั่งมิสซิสซิปปี้ในปี 2005 และเฮอริเคนแอนดรูว์ในปี 1992 ซึ่งสร้างเส้นทางแห่งการทำลายล้างไปทั่วฟลอริดา

นักพยากรณ์อากาศคาดการณ์ว่า ศูนย์กลางของพายุเมลิสซาน่าจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้หรือผ่านประเทศจาเมกาโดยตรงจนถึงวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น จากนั้นจะเคลื่อนตัวผ่านคิวบาตะวันออกเฉียงใต้ในคืนวันอังคาร และเคลื่อนตัวเข้าสู่บาฮามาสตะวันออกเฉียงใต้ในวันพุธ  

ขณะที่ประชาชนเกือบ 900,000 คนในหลายพื้นที่ทางตะวันออกของคิวบา รวมถึงกวนตานาโม กรานมา ซานติอาโกเดคิวบา โอลกิน และลาสตูนัส ได้รับคำสั่งอพยพออกจากบ้านก่อนที่พายุเฮอริเคนเมลิสซาจะพัดถล่ม

นอกจากนี้ยังคาดว่าเฮอริเคนเมลิสซาจะก่อให้เกิดลมกระโชกแรงและฝนตกหนักในเฮติ สาธารณรัฐโดมินิกัน จาเมกา และคิวบา ซึ่งจะทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มที่อันตรายถึงชีวิต โดยตอนนี้มีผู้เสียชีวิตในเฮติอย่างน้อย 3 รายแล้ว ซึ่งมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับฝนที่ตกหนัก

สภาพภูมิอากาศทำให้จาเมกาเสี่ยงต่อพายุเป็นพิเศษ
จาเมกาซึ่งกำลังเตรียมรับมือกับพายุที่อาจจะสร้างประวัติศาสตร์ในรูปแบบของพายุเฮอริเคนเมลิสซา นับเป็นประเทศที่มีความเปราะบางเป็นพิเศษต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

อีกทั้งประชากรส่วนใหญ่ของจาเมกายังอาศัยอยู่ในพื้นที่ชายฝั่งที่ราบต่ำ และนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 ระดับน้ำทะเลก็สูงขึ้นประมาณ 4 นิ้ว หรือ 10 เซนติเมตร โดยงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างความเสียหายมหาศาลได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพายุเฮอริเคนสามารถพัดพาน้ำชายฝั่งเข้าไปยังแผ่นดิน