
SHORT CUT
ในทุกๆ ปี มีพลาสติก 11 ล้านตัน ไหลลงสู่มหาสมุทร เทียบเท่ากับขยะพลาสติกเต็มรถบรรทุก 2,000 คันลงในมหาสมุทรทั่วโลกทุกวัน แล้วใครบ้างที่ต้องรับผิดชอบต่อขยะเหล่านี้
เชื่อไหมว่าภายในปี 2050 อาจมีพลาสติกในมหาสมุทรของโลกมากกว่าจำนวนของปลา ซึ่งพลาสติกเหล่านี้นับเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตอีกนับไม่ถ้วน ตั้งแต่กระบวนการผลิตที่ส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ไปจนถึงกระบวนการกำจัดเมื่อมันกลายเป็นขยะที่ส่วนใหญ่จะถูกกำจัดอย่างไม่เหมาะสมจนก่อมลพิษ หรือเลวร้ายกว่านั้นคือถูกปล่อยทิ้งขว้างจนไหลออกสู่ทะเล กลายเป็นขยะปริมาณมหาศาลในมหาสมุทร
และนี่คือ 10 อันดับ ประเทศที่ยังคงเผชิญปัญหาการจัดการขยะ จนทำให้มีขยะพลาสติกถูกปล่อยลงสู่ทะเลมากที่สุด ในช่วงปี พ.ศ. 2553 ถึง พ.ศ. 2562
10) มาเลเซีย – 332,756 ตัน
ในปัจจุบันมีผู้ผลิตพลาสติกประมาณ 1,300 รายดำเนินกิจการในมาเลเซีย โดยการผลิตพลาสติกมีอัตราการเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ในรอบกว่าสองทศวรรษ
อย่างไรก็ตาม ขยะพลาสติกในประเทศยังขาดการจัดการที่ดี งานวิจัยชิ้นหนึ่งประเมินว่ามาเลเซียสร้างขยะพลาสติกที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างเพียงพอถึง 0.94 ล้านตันซึ่งในจำนวนนี้อาจมีขยะพลาสติกรั่วไหลลงสู่ทะเลราว 0.14-0.37 ล้านตัน
9) ไทย – 338,685 ตัน
ในแต่ละปี ประเทศไทยสูญเสียเงินมากถึง 1.2 แสนล้านบาท จากปัญหาพลาสติกที่ถูกทิ้ง เมื่อเทียบกับการนำไปรีไซเคิลเป็นวัสดุมีค่าอื่นๆ และสุดท้าย ไทยยังคงมีขยะพลาสติกที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างน้อย 50,000 ตัน ลงเอยในมหาสมุทรในแต่ละปี
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ ไทยได้สั่งห้ามการนำเข้าขยะพลาสติก ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากสถานะเดิมที่เคยเป็น 'พื้นที่ทิ้งขยะ' ของต่างชาติ
8) ตุรกี – 354,441 ตัน
หลังจีนบังคับใช้กฎหมายห้ามนำเข้าขยะพลาสติก ตุรกีก็กลายเป็นศูนย์กลางการรีไซเคิลขยะของยุโรป จนมีขยะพลาสติกกว่า 200,000 ตัน ส่งเข้าประเทศ เทียบเท่ากับรถบรรทุกขยะหนึ่งคันในทุกๆ หกนาที อีกทั้งพลาสติกจำนวนมากกลับสกปรกเกินกว่าที่จะนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นหรือเผาเป็นเชื้อเพลิงได้
7) เวียดนาม – 484,457 ตัน
การจัดการขยะระดับชาติที่ย่ำแย่ในเวียดนาม ส่งผลให้ขยะมักถูกกำจัดโดยการทิ้งหรือเผาในที่โล่ง โดยมีเพียงขยะบางส่วนเท่านั้นที่นำไปรีไซเคิล วิธีการดังกล่าวก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศและเพิ่มปริมาณขยะในทะเล
6) ไนจีเรีย – 496,841 ตัน
ไนจีเรียจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีมลพิษด้านพลาสติกสูงที่สุดของโลก เนื่องจากระบบการจัดการขยะที่ไม่เพียงพอ รวมถึงการนำเข้าขยะพลาสติกจากประเทศอื่น ซึ่งมักลงเอยด้วยการถูกเผา ทิ้งลงในมหาสมุทร หรือทิ้งลงในแหล่งน้ำ
5) อินโดนีเซีย – 599,020 ตัน
อินโดนีเซียมีแม่น้ำมากกว่า 4,000 สายแต่หลายสายจัดอยู่ในกลุ่มแม่น้ำที่มีมลพิษมากที่สุดในโลก มลพิษพลาสติกทางทะเลของอินโดนีเซียส่วนใหญ่เกิดจากอุปกรณ์ประมง เช่น อวนลอย อวนลาก และภาชนะพลาสติก
4) บราซิล – 639,665 ตัน
ในแต่ละปี บราซิลผลิตพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งประมาณ 500,000 ล้านชิ้น ขณะที่ระบบการจัดการขยะในประเทศยังคงย่ำแย่ รวมถึงระบบบำบัดน้ำเสียที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้มีอัตราการทิ้งขยะมูลฝอยและขยะพลาสติกลงสู่ทะเลเป็นปริมาณมาก
3) อินเดีย – 966,447 ตัน
60% ของขยะพลาสติกของอินเดียมักจะลงเอยในแม่น้ำและแหล่งน้ำชายฝั่ง ซึ่งทำให้แม่น้ำคงคากลายเป็นหนึ่งในแม่น้ำที่มีมลพิษมากที่สุด และเป็นเส้นทางปล่อยพลาสติกลงสู่มหาสมุทรอินเดีย ประมาณ 10,050 ตัน ต่อปี
2) ฟิลิปปินส์ – 1,695,260 ตัน
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฟิลิปปินส์มีการบริโภคพลาสติกจำนวนมหาศาล คือความยากจนที่ทำให้ชาวบ้านต้องซื้อสินค้าในปริมาณน้อยเช่น แทนที่จะซื้อแชมพูขวดพลาสติกเพียงขวดเดียว หลายคนกลับซื้อแชมพูแบบซองพลาสติกขนาดเล็กหลายซองซึ่งมีราคาที่ดึงดูดใจมากกว่า ก่อให้เกิดขยะนับฃ้านชินในแต่ละวัน จนได้รับฉายาว่าเศรษฐกิจซองพลาสติก
1) จีน – 2,683,631 ตัน
จีนเป็นผู้ผลิตพลาสติกรายใหญ่ที่สุดของโลก และยังเป็นประเทศที่มีปริมาณขยะพลาสติกไหลลงสู่มหาสมุทรมากที่สุด ในปี พ.ศ. 2563 เพียงปีเดียว จีนผลิตขยะพลาสติกประมาณ 60 ล้านตันแต่มีเพียง 16 ล้านตันเท่านั้นที่ถูกนำไปรีไซเคิล
อีกสาเหตุคือการเติบโตอย่างรวดเร็วของอีคอมเมิร์ซและบริการจัดส่ง ที่ทำให้บรรจุภัณฑ์พลาสติกมีปริมาณเพิ่มขึ้น ล่าสุดรัฐบาลจีนจึงได้กำหนดแผนนโยบายยุติการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง กำหนดเป้าหมายการลดขยะพลาสติกในหลุมฝังกลบ และเพิ่มขีดความสามารถของสถานที่เผาขยะด้วย