svasdssvasds

วิกฤต "ประมงเกินขนาด" อาจทำให้ทะเลญี่ปุ่นไร้ปลาภายในปี 2050

วิกฤต "ประมงเกินขนาด" อาจทำให้ทะเลญี่ปุ่นไร้ปลาภายในปี 2050

ญี่ปุ่นเผชิญหน้าวิกฤต Overfishing หรือ การทำประมงเกินขนาด เมื่ออุตสาหกรรมประมงจับปลาขึ้นมามากเกินไป ทำให้สัตว์น้ำฟื้นตัวไม่ทัน อาจทำให้ทะเลญี่ปุ่นไร้ปลาในปี 2050

SHORT CUT

  • ญี่ปุ่นเผชิญวิกฤตขาดแคลนสัตว์น้ำ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าปัญหามาจากการทำประมงเกินขนาด (Overfishing)
  • การประมงเกินขนาด คือการจับปลามากเกินไป ทำให้ประชากรสัตว์น้ำไม่สามารถฟื้นตัวได้
  • นอกจากนี้ มาตรการที่เข้มงวดจากองค์กรระหว่างประเทศที่เคยฟื้นฟูทูน่าครีบน้ำเงินให้กลับมาสมบูรณ์ ปัจจุบันใช้ไม่ได้ผล เพราะทำให้รายได้ชาวประมงลดลง 
  • ดังนั้น จึงมีการเสนอว่า ควรปฏิรูปการประมงญี่ปุ่นเสียใหม่ ให้เหมาะสม ลดขนาดอุตสาหกรรมลง ให้ธรรมชาติฟื้นตัวกลับมา

ญี่ปุ่นเผชิญหน้าวิกฤต Overfishing หรือ การทำประมงเกินขนาด เมื่ออุตสาหกรรมประมงจับปลาขึ้นมามากเกินไป ทำให้สัตว์น้ำฟื้นตัวไม่ทัน อาจทำให้ทะเลญี่ปุ่นไร้ปลาในปี 2050

รายงานจากเว็บไซต์ Livedoor News ซึ่งเป็นสำนักข่าวออนไลน์ของญี่ปุ่นเผยว่า อุตสาหกรรมประมงในญี่ปุ่นกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตขาดแคลนสัตว์น้ำ จนทำให้มูลค่าตลาดประมงญี่ปุ่นตกต่ำ

หากย้อนกลับไปดูสถิติการจับปลา ปริมาณการจับปลาในญี่ปุ่นลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่จุดสูงสุดที่จับปลาได้มากถึง 12.82 ล้านตันต่อปี ในปี 1980 แต่ปัจจุบัน ผ่านมาแล้ว 40 ปี จำนวนปลาเหลือให้จับไม่ถึงหนึ่งในสาม เหลือราว ๆ 3.63 ล้านตันต่อปี ในปี 2024 ซึ่งหากปริมาณการจับปลาของญี่ปุ่นยังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ อาจทำให้ปริมาณการจับปลาเหลือศูนย์ภายในปี 2050

Cr.Livedoor News

เดิมที ญี่ปุ่นถือว่าเป็นวาฬตัวใหญ่ที่สุดในน่านน้ำทั่วโลก มีปริมาณการจับปลามากที่สุดในโลกในช่วงปี 1980 แต่ปัจจุบัน ญี่ปุ่นกำลังอยู่ในช่วงขาลง สวนทางกับนานาประเทศที่ผลผลิตประมงกำลังเพิ่มสูงขึ้น ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า ปัญหาหลักมาจากการทำประมงเกินขนาด (Overfishing) ที่ยังไม่สามารถแก้ไขให้ยั่งยืนได้

เมื่อ Overfishing เกิดขึ้นในน่านน้ำญี่ปุ่น

โทชิโอะ คัตสึกาวะ รองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทะเลโตเกียว เผยว่า “ปัจจุบัน ทรัพยากรธรรมชาติญี่ปุ่นถูกทำการประมงมากเกินไป ทำให้ไม่มีปลาเหลืออยู่และแทบไม่มีพื้นที่สำหรับการเติบโต ในขณะเดียวกัน การจับปลาทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ แต่ญี่ปุ่น การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำกลับมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา”

วิกฤต \"ประมงเกินขนาด\" อาจทำให้ทะเลญี่ปุ่นไร้ปลาภายในปี 2050

โคบายาชิ ฟูมิอากิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม ชี้ให้เห็นถึงความท้าทาย โดยเผยว่าญี่ปุ่น “ไม่มีการควบคุมการประมง” และการที่ไม่มีกฎระเบียบที่ชัดเจนของภาคธุรกิจในอุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ จึงทำให้ปัญหาประมงคาราคาซังแบบนี้ หากปัญหาเหล่านี้ได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสม จะทำให้อุตสาหกรรมประมงที่ทำกำไรได้ เกิดขึ้นในภูมิภาคต่าง ๆ อย่างแน่นอน

Cr.Reuters

รูปแบบการประมงญี่ปุ่นในปัจจุบัน มีการกำหนดขีดจำกัดสำหรับปลาแต่ละชนิด ดังนั้น เนื่องจากปลาเป้าหมายมีน้อยลง และขีดจำกัดที่สูงเกินไป หลายข้อโต้แย้งจึงหันไปเพ่งเล็ง “การทำประมงเกินขนาด

ญี่ปุ่นมีโควตาในการจับปลาเฉกเช่นเหมือนต่างประเทศ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการประมง แต่แม้จะพยายามอย่างหนักก็ไม่บรรลุเป้าหมาย เนื่องจากมาตรการนั้นกำหนดให้โควตาจับปลาในปริมาณที่มากกว่าการจับจริงประมาณสองเท่า ทำให้การจับปลาในจำนวนมากเกินไปยังคงดำเนินต่อ จนสัตว์น้ำไม่สามารถฟื้นฟูประชากรได้ทัน

โคบายาชิเสริมว่า ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในการเพิ่มจำนวนปลาทูน่า เนื่องจากมีการเพิ่มมาตรการที่เข้มงวดในการทำประมง โดยองค์กรระหว่างประเทศที่ชื่อว่า คณะกรรมาธิการประมงแห่งมหาสมุทรแปซิฟิกกลางและตะวันตก (Western & Central Pacific Fisheries Commission - WCPFC) ที่ได้กำหนดขีดจำกัดการจับปลาทูน่าครีบน้ำเงินไว้อย่างจำกัด ส่งผลให้ปลาทูน่าครีบน้ำเงินซึ่งเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ฟื้นตัวกลับมามีผลผลิตได้ในช่วงปี 2017-2023 แต่หลังจากนั้นญี่ปุ่นประสบปัญหาขาดโควตา จึงทำให้มาตรการกำหนดโควตานั้นถูกยกเลิกไป

พิธีเปิดงานประมูลปลาทูน่าครีบน้ำเงินในญี่ปุ่น Cr.Viory

ดังนั้นสิ่งที่ไม่ไว้วางใจคือ นักการเมืองและชาวประมงบางกลุ่มที่หลีกเลี่ยงจะไม่ทำตามกติกา เพราะมาตรการที่เข้มงวดในการลดปริมาณการจับปลาดังกล่าวนั้นส่งผลต่อรายได้ของชาวประมงที่ลดลงตามไปด้วย

อายุมุ คาตาโนะ ซีอีโอของ Fisk Japan ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการทรัพยากรประมงระดับโลกและบริษัทที่ให้คำปรึกษาด้านการประมงยั่งยืนเผยว่า เวลาญี่ปุ่นซื้อปลามาจากทั่วโลก จะสังเกตได้ว่าแทบไม่มีปลาชนิดใดเลยที่ไม่มีโควต้าการจับ แต่ละประเทศมี TAC (Total Allowable Catch) หรือ "ปริมาณการจับปลาสูงสุดที่อนุญาต" แทบจะไม่แตกต่างกันเลย ซึ่งญี่ปุ่นเองก็ได้นำ TAC นี้มาใช้เหมือนกันในปี 1996 แต่วิธีดำเนินการนั้นค่อนข้างแปลก ส่งผลให้แม้แต่ปลาตัวเล็กก็ถูกจับได้ และในเวลาต่อมาปลาเหล่านั้นก็หายไป

วิกฤต \"ประมงเกินขนาด\" อาจทำให้ทะเลญี่ปุ่นไร้ปลาภายในปี 2050

อายุมุ เสริมว่า ญี่ปุ่นมีเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก แต่เนื่องจากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้นอร์เวย์แซงหน้าไปในปี 2021 และถูกเกาหลีใต้แซงหน้าไป แม้ว่าเกาหลีใต้จะมีเขตเศรษฐกิจจำเพาะเพียงแค่หนึ่งในสิบของญี่ปุ่น

ข้อเสนอแก้วิกฤตประมงเกินขนาดญี่ปุ่น

โทชิโอะ คัตสึกาวะ เสนอว่า “เราจำเป็นต้องลดปริมาณการจับปลาลงชั่วคราวให้อยู่ในระดับที่ทรัพยากรทางทะเลสามารถฟื้นตัวได้ เราจำเป็นต้องลดจำนวนเรือ ลดการผลิต  ให้การสนับสนุนการจ้างงานและมาตรการอื่น ๆ เพื่อลดขนาดอุตสาหกรรมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม”

นอกจากนี้ เชื่อว่าการพักฟื้นช่วยได้ ยกตัวอย่าง เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่น ทำให้อุตสาหกรรมประมงในซันริกุลดลงชั่วคราว แต่หลังจากนั้น ปลาเริ่มเพิ่มขึ้น ดังนั้น มองว่า การพักฟื้นทะเลสักสองสามเดือนจะช่วยได้ แต่แค่ปัจจุบันยังไม่มีศักยภาพมากพอที่จะทำเช่นนั้น

อายุมุ คาตาโนะ บอกว่า “ปัญหาใหญ่สุดคือเราไม่ได้บริหารทรัพยากรโดยอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ พระราชบัญญัติการประมงที่ได้รับการแก้ไขในปี 2020 การบังคับใช้หละหลวม เราจำเป็นต้องตั้งเป้าหมายที่จะนำระบบการจัดการทรัพยากรที่ทัดเทียมกับยุโรปเหนือและเทียบเท่ากับมาตรฐานสากลมาใช้ อย่างไรก็ตาม สังคมไม่เข้าใจเรื่องนี้และลงเอยด้วยการต่อต้าน”

โคบายาชิ ฟูมิอากิ เสนอว่า “ในทางกลับกัน เมื่อเราขอให้ชาวประมงพักจากการจับปลา หรือตกปลาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก็จำเป็นที่เราจะต้องมีมาตรการรองรับ เช่น เงินชดเชย หรือแม้แต่การให้ทางเลือกในการไปทำงานในอุตสาหกรรมอื่นหากถูกเลิกจ้าง”

ที่มาข้อมูล

Livedoor News

related