svasdssvasds

CPF - COTTO ร่วมสร้างคุณค่าจาก"เปลือกไข่" ผลิตสุขภัณฑ์รักษ์โลก

CPF - COTTO ร่วมสร้างคุณค่าจาก"เปลือกไข่" ผลิตสุขภัณฑ์รักษ์โลก

"เปลือกไข่" ไม่จำเป็นต้องจบที่ถังขยะ เมื่อ CPF ร่วมกับ COTTO นำเปลือกไข่เหลือใช้จากอุตสาหกรรมอาหาร สู่กระบวนการผลิตสุขภัณฑ์รักษ์โลก ดันแนวคิด Circular Economy ให้เกิดขึ้นจริง

SHORT CUT

  • บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ร่วมมือกับ COTTO ในโครงการนำเปลือกไข่ซึ่งเป็นวัสดุเหลือใช้จากอุตสาหกรรมอาหารมาสร้างมูลค่าเพิ่ม
  • CPF จัดส่งเปลือกไข่จากโรงฟักไข่ให้ COTTO นำไปใช้เป็นวัตถุดิบทดแทนหินปูนในกระบวนการผลิตสีเคลือบสุขภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • ความร่วมมือนี้มีเป้าหมายเพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

"เปลือกไข่" ไม่จำเป็นต้องจบที่ถังขยะ เมื่อ CPF ร่วมกับ COTTO นำเปลือกไข่เหลือใช้จากอุตสาหกรรมอาหาร สู่กระบวนการผลิตสุขภัณฑ์รักษ์โลก ดันแนวคิด Circular Economy ให้เกิดขึ้นจริง


เชื่อไหมว่า "เปลือกไข่" ที่เราโยนทิ้งกันทุกวัน อาจเป็นอะไรได้มากกว่าที่เราคิด เพราะหลายคนคงคิดไม่ถึงแน่ๆ ว่าเปลือกไข่เหล่านี้ คือส่วนหนึ่งในกระบวนการผลิตสุขภัณฑ์รักษ์โลก

ไอเดียนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ร่วมกับ บริษัท สยามแวร์ซานิทารีแวร์ จำกัด หรือ COTTO ผู้นำด้านสุขภัณฑ์และวัสดุตกแต่งพื้นผิวในภูมิภาคอาเซียน ที่ต้องการจะขับเคลื่อนการนำวัสดุเหลือใช้จากกระบวนการผลิตอุตสาหกรรมอาหาร อย่าง "เปลือกไข่" ไปสู่การสร้างสรรค์สุขภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

CPF - COTTO ร่วมสร้างคุณค่าจาก"เปลือกไข่" ผลิตสุขภัณฑ์รักษ์โลก

โดย CPF จะจัดส่งเปลือกไข่จากโรงฟักไข่แก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ให้กับ COTTO เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการผลิตสุขภัณฑ์ 

CPF - COTTO ร่วมสร้างคุณค่าจาก"เปลือกไข่" ผลิตสุขภัณฑ์รักษ์โลก

นี่ไม่ใช่แค่การจับมือของสององค์กรชั้นนำ แต่นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง ซึ่งนอกจากจะสอดคล้องกับเป้าหมาย Net Zero ของทั้งสององค์กร ยังถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการต่อยอดแนวคิด Circular Economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียน ให้เกิดขึ้นจริงในระบบอุตสาหกรรมไทย

CPF - COTTO ร่วมสร้างคุณค่าจาก"เปลือกไข่" ผลิตสุขภัณฑ์รักษ์โลก

ขณะที่ CPF ซึ่งมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจ ภายใต้แนวคิด Sustainovation หรือนวัตกรรมที่ยั่งยืน ก็มองว่าความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นการตอกย้ำความเชื่อมโยงคุณค่าภายในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากแนวทางการฝังกลบแล้ว ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วย

ส่วน COTTO ที่มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนมาโดยตลอด ก็ให้ความสำคัญกับการใช้เปลือกไข่แทนหินปูนในกระบวนการผลิตสีเคลือบสุขภัณฑ์เช่นกัน เพราะนอกจากจะช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติแล้ว ยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

จากความร่วมมือระหว่าง COTTO และ CPF ในครั้งนี้ ก็ทำให้เราได้เห็นแล้วว่า องค์กรธุรกิจชั้นนำก็สามารถร่วมมือกันเพื่อผลักดันแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน