GaoGao Therapy Studio จากความชอบ สู่ธุรกิจเกาผ่อนคลายเจ้าแรกในไทย

“ทุกคนที่มาที่นี่คือชอบโดนเกาหลังตั้งแต่เด็ก ๆ อยู่แล้ว เพราะบางคนโตมาแล้วก็ไม่ได้นอนกับพ่อกับแม่ เค้านอนคนเดียวไม่มีคนเกาให้ เราก็เลยเป็นคนที่จะเกาให้ลูกค้าเอง”

มีหลายเหตุผลที่ทำให้ ออม-ดุสิตา สิริมงคลพาณิชย์ ผู้ก่อตั้ง GaoGao Therapy Studio ธุรกิจบริการเกาหลังผ่อนคลายเจ้าแรกในไทย ตัดสินใจริเริ่มธุรกิจนี้ขึ้นมา อย่างแรกคือเธอเบื่อความวุ่นวายในกรุงเทพฯ เมืองที่ทุกคนแย่งกันขึ้นรถสาธารณะ

ผนวกกับต้องการหารายได้เข้าบ้านในช่วงที่อยู่บ้านว่าง ๆ และเธอยังเล่าอีกว่าเดิมนั้น เป็นคนชอบโดนเกาหลังอยู่แล้ว แต่เมื่อไปเสิร์ชหาร้านเกาหลังในไทยก็พบว่ายังไม่มีใครทำ ทำให้เกิดไอเดียว่างั้นฉันนี่แหละจะเปิดร้านบริการเกาหลังเอง-เป็นเจ้าแรกของไทย

และที่น่าสนใจมาก ๆ คือปรัชญาการเกาหลังของ GaoGao Therapy Studio ออมบอกว่าเธอเกาไม่ใช่แค่แก้คัน แต่เกาเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลาย เกิดความสบายใจ หายเครียด และนอนหลับดีขึ้น ใครเป็นคนชอบโดนเกาหลัง-เกาหัว-เกาตัว SPRiNG แนะนำว่าให้คุณควรไปลอง

ปัจจุบัน GaoGao Therapy Studio เปิดอยู่ที่หมู่บ้านเดอะฟิวชั่น ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน จ.อยุธยา ต้องจองคิวล่วงหน้าเท่านั้น ระยะเวลาการเกาเริ่มต้นตั้งแต่ 40 นาทีถึง 2 ชั่วโมง ราคาเริ่มต้นที่ 390 บาท ใครจะไปคิดว่าแค่เกาหลังก็สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้

SPRiNG ชวนอ่านบทสัมภาษณ์ ออม-ดุสิตา สิริมงคลพาณิชย์ ผู้ก่อตั้ง GaoGao Therapy Studio ถึงเส้นทางการริเริ่มธุรกิจใหม่ กลยุทธ์ในการสร้างมาตรฐานบริการเกา รวมถึงแนวคิดการมอบพลังงานดี ๆ ให้ลูกค้า ไปจนถึงเป้าหมายการขยายสาขาไปทุกจังหวัดทั่วไทย

1. จุดเริ่มต้น GaoGao Therapy Studio: จากคนติดเกาหลัง สู่ผู้บุกเบิกธุรกิจ

อะไรทำให้คุณตัดสินใจเปิดร้านเกาหลัง

เริ่มจากมือถือนี่แหละค่ะ ออมเลื่อนไปเจอคลิปของต่างประเทศ เขาเกาหลังให้ลูกค้า มันดูฟินมากเลย ก็เลยอยากเป็นคนที่โดนเกาหลังตรงนั้นบ้าง พอไปดูก็คืออยู่ต่างประเทศ และเดิมแล้ว เราเป็นคนที่ชอบโดนเกาหลังมาก ๆ คือทุกคืนต้องให้แฟนมาเกาให้ ก็เลยลองหาร้านเกาหลังในไทยดูว่ามันมีไหม แต่ทีนี้ก็ไปดูว่ามันไม่เจอค่ะ อยู่ดีๆ มันก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่าถ้าอย่างนั้นเรามาเปิดเองดีกว่า

 

ชื่อร้านเกาเกานี่มีที่มายังไง

มันเป็นคำติดปากของออมที่ชอบพูดกับแมวค่ะ แมวของออมเขาหางเขาจะเป็นแบบตุ้ม ๆ ออมก็จะชอบเกาให้ จนมันติดปากว่า ‘เกา ๆ’ คือตอนแรกแค่พูดเล่นๆ

ทีนี้ก็เลยนั่งคิดว่าเราจะตั้งชื่อร้านเกาหลังชื่อว่าอะไรดี แล้วก็นึกไปนึกมา คำว่าเกามันก็ตรงตัวอยู่แล้ว เพราะว่ามันคือ ถ้าเราไปตั้งชื่อแปลกๆ เรากลัวลูกค้าไม่เก็ต เพราะว่าร้านเกามันใหม่มาก ก็เลยลองตั้งชื่อ Gaogao Theraphy Studio ให้เป็นแบบเกาหลังผ่อนคลาย ให้ลูกค้าเห็นภาพได้ง่ายขึ้น

 

ก่อนจะมาทำยึดงานนี้เป็นอาชีพหลัก ก่อนหน้านั้นคุณทำอะไร

ออมทำงานบริษัทในกรุงเทพฯ แล้วพอดีมีลูกกับสามี ก็เลยไม่ได้ทำงาน อยู่บ้านว่าง ๆ แฟนทำงานคนเดียว ออมก็เลยอยากหาอะไรที่มันแบ่งเบาภาระเขา

ประจวบเหมาะกับมาเจอไอเดียนี้พอดี ก็เลยลองบอกเค้าดู แล้วเค้าเป็นคนเปิดกว้างอยู่แล้ว เค้าก็บอกขอดูรายละเอียดเพิ่มเติมหน่อยว่ามันคือยังไงนะ มันฟังดูแปลกใหม่มากเลย แล้วเราจะทำรูปแบบไหนกันดี ช่วงแรก ๆ เค้าก็คอยให้คำแนะนำมาตลอด

พอคิดจะเปิดจริงจัง คุณเตรียมตัวยังไงบ้าง เพื่อให้มีความเป็นมืออาชีพ

อย่างแรกเลยคือเตรียมสถานที่ค่ะ แล้วเราจะเปิดในรูปแบบไหน ก็เตรียมสถานที่แล้ว ก็มีอุปกรณ์ใช่ไหมคะ เพราะว่าเราจะเปิดให้ลูกค้านอนเกา หรือนั่งเกาแบบ คลิปต้นแบบที่ออมเคยดู ออมก็มาศึกษาเอง ก็เลยคิดว่าก็ซื้อเป็นเตียงแล้วก็จัดห้องให้มันสวยๆ และต้องมีชุดให้ลูกค้าเปลี่ยน เพราะว่าจะได้เกาถึงถึงเนื้อไปเลย ไม่ต้องเกาผ่านเสื้อผ้า

 

หมดไปเยอะไหม

ถ้าอย่างสเกลห้องนี้ก็ประมาณหลักหมื่น เพราะต้องมีของอุปกรณ์หลายอย่าง และวันนึงเรารับลูกค้าหลายท่าน ดังนั้น ผ้าห่ม ชุด ก็คือต้องมีหลาย ๆ ชุดเตรียมเอาไว้ ไฟ ตะกร้า เครื่องหอม ค่าไฟ หรือเครื่องฆ่าเชื้ออุปกรณ์ ทุกอย่างเป็นต้นทุนหมดเลย

 

2. แจ้งเกิดคริปไวรัล 2 ล้านวิว: การพิสูจน์ตลาดด้วยพลัง TikTok

อะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้ร้านเปิดใหม่มีลูกค้าต่อคิวแน่น

ตอนนั้นออมเปิดร้านมาได้ 2 อาทิตย์ แล้วก็ถ่ายคลิปลง TikTok ปกติ อยู่ดีๆ คลิปมันดันฟีดขึ้น มันเป็นคลิปนึงที่ออมใช้แคปชั่นประมาณว่า เมื่อคุณเป็นคนติดเกาหลังก็เลยจองคิว คลิปนั้นโดนดันฟีดไป ประมาณ 2 ล้านวิว ก็เลยช็อกว่าแบบมันเกิดขึ้นแล้ว

คนแชร์ไปให้เพื่อนว่าแบบเออมันมีสิ่งนี้ในประเทศไทยแล้ว ร้านนี้ที่รอมานาน หรือบางคนบอกว่าเขาเคยอยากเปิดร้านเกาหลังนี่แหละ แต่ไม่มีคนเปิดซักที  และอีกมากเลยที่แท็กหรือแชร์ไปให้แฟนดูแล้วบอกว่าเกาให้หน่อย ถ้าไม่งั้นจะไปร้านนี้แล้วนะ และคอนเมนต์อีกกลุ่มที่เห็นเลยคือ อยากไปจังแต่อยู่อยุธยา

 

นั่นสิ ทำไมต้องอยุธยา เปิดที่กรุงเทพฯ น่าจะมีโอกาสมากกว่า

อย่างแรก อยุธยาเป็นบ้านเกิดของแฟน แล้วออมมองว่ากรุงเทพฯ มันวุ่นวาย ออมอยากหลบออกมาจากที่นั่น แล้วอยุธยากับกรุงเทพฯ จริง ๆ แล้วมันขับรถไม่ไกล ตรงโซนนี้มันใกล้กรุงเทพฯ ขับรถไม่นานก็ถึง แต่ถ้าเข้าตัวเมืองอยุธยาอาจจะไกลนิดนึง

ก็เลยมองว่าถ้าคนที่เค้าจะมาเกาหลังจริง ๆ ไกลแค่ไหนเค้าก็มา (หัวเราะ) ตอนนั้นคิดแบบตื้น ๆ ตอเราไม่ได้คิดแบบจริงจังมากมาย แต่พอลูกค้าเริ่มเยอะขึ้น ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาก็จะเป็นลูกค้าที่กรุงเทพฯ ก็เลยคิดว่าอยากขยายสาขาไปกรุงเทพฯ เพื่อเอาใจคนที่ไม่มีรถ

 

จนถึงตอนนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่ยังมาจากกรุงเทพฯ อยู่ไหม

ถ้าตอนนี้ครึ่งนึงมาจากอยุธยา แล้วอีกครึ่งนึงมาจากเป็นกรุงเทพฯ แต่ก็จะมีบ้างที่ขับรถมาจากชลบุรี พิษณุโลก บางคนมาที่นี่ เขาก็ไปเที่ยวกันต่อ ไปเที่ยวคาเฟ่ ไปทานกุ้ง ส่วนตัวออมรู้สึกดีใจมาก ๆ เลย ที่เขาลงทุนมาหาเราถึงที่นี่

 

ตอนนี้ออกแบบบริการไว้แบบไหน ทั้งราคา ระยะเวลา ประเภทลูกค้า

คอร์สของออมจะเริ่มต้นตั้งแต่ 40 นาที ไปจนถึง120 นาที แต่คอร์ส 40 นาที ลูกค้าเหมือนจะไม่เอาแล้ว เพราะเค้าบอกมันเร็วไป ส่วนราคาสตาร์ทอยู่ที่ 390 บาท ต่อวันก็จะรับลูกค้าไม่เกิน 4 คนค่ะ แต่ถ้าเป็นวันเสาร์อาทิตย์ก็จะรับได้ประมาณ 6 คน

 

3. Skip the stress, not the scratch ปรัชญา "การเกา" ที่ไม่ใช่แค่แก้คัน

พอต้องมาเกาเป็นอาชีพ เพื่อความผ่อนคลาย ช่วงแรกลูกค้ามีฟีดแบกอย่างไร

เค้าก็จะบอกว่ามันใหม่มาก แปลกมาก เพราะว่าในไทยมันยังไม่มีร้านแบบนี้ ส่วนใหญ่มันต้องไปร้านนวด แล้วก็ขอให้คนนวดเกาหลังให้

และอีกอย่างออมว่าที่เขาตื่นเต้นกับการเกาหลังของเราเพราะว่าส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาเขาชอบโดนเกาหลังตั้งแต่เด็ก ๆ อยู่แล้ว แต่บางคนโตมาแล้วก็ไม่ได้นอนกับพ่อกับแม่ เค้านอนคนเดียว เค้าไม่มีคนเกาให้เราก็เลยเป็นคนที่จะเกาให้ลูกค้า

 

พอลูกค้ามาถึง คุณเริ่มบริการอย่างไร

เวลาลูกค้ามาถึง ออมจะแนะนำลูกค้าว่าจะมีท่านอนทั้งหมด 3 ท่า ได้แก่ นอนหงาย แล้วก็ตะแคง แล้วก็คว่ำค่ะ แล้วก็จะอธิบายว่าแต่ละท่ามีเกาเน้นในจุดที่แตกต่างกัน อุปกรณ์ก็ใช้คนละแบบ ออมจะเรียงจากนอนตะแคงก่อน เสร็จแล้วนอนหงาย ปิดด้วยท่านอนคว่ำ

GaoGao เกาตั้งแต่ศีรษะถึงฝ่าเท้า แต่สำหรับฝ่าเท้าออมยังไม่เปิด แต่กำลังศึกษาวิธีการอยู่ จั๊กจี๋กับผ่อนคลายมันเหลื่อม ๆ กันอยู่ ส่วนเกาหัว บอกตามตรงตอนแรกออมไม่เก็ตนะ ออมรู้สึกว่ามันจะสบายตรงไหนเหรอ แต่ในเมื่อเราเปิดร้านแล้ว ก็ต้องศึกษาลงลึก เลยซื้ออุปกรณ์มาลองเกาดู หัดไม่นานก็เข้าขั้น เวลาเกาให้ลูกค้า เขาจะบอกว่าสบายมาก เกาหัวแล้วฟินเลย

 

แน่นอนว่าลูกค้าต้องหลับแน่ ระหว่างนั้นคุณทำอะไร

พอเขาหลับเราก็ยังเกาต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ เพราะว่าถึงแม้เขาจะหลับ แต่ว่าร่างกายของเขามันบอกเราอยู่ว่าตัวเขากำลังรู้สึกยังไง เราก็จะสังเกตเขา ถ้าหลับ เราก็เกาต่อค่ะ ก็เปลี่ยนอุปกรณ์ ทำเหมือนเขาไม่ได้หลับนั่นแหละ แต่ก็แอบถามลูกค้าว่าตอนลูกค้าหลับคือรู้สึกอะไรบ้างไหม เขาบอกไม่รู้สึก

ช่วงแรกก็ยังไม่เข้าที่เข้าทาง เกาแล้วลูกค้าสะดุ้ง ทีนี้ ออมจะถามเลยว่าโอเคไหมคะ ไหวไหมคะ ถ้าเขาไหวทำต่อ แต่ถ้าเขาบอกให้เบาลง หรือให้กดแรงขึ้น เราก็ปรับกันตรงนั้นหน้างานเลย หรือถ้าอุปกรณ์ชิ้นไหนไม่โอเค เค้าก็สามารถบอกเราได้ว่าให้ข้ามไปเลย แล้วเปลี่ยนอุปกรณ์ชิ้นใหม่แทน เพราะออมคิดว่าอุปกร์คือสื่อกลางระหว่างออมกับลูกค้า

 

ตอนนี้มีอุปกรณ์กี่ชิ้น และชิ้นไหนที่ลูกค้าติดใจที่สุด

ตอนนี้มีประมาณ 15 ชิ้นค่ะ ถ้านัมเบอร์วันเลยเล็บปลอมนางรำ (ทำท่ากระดิกนิ้วเบา ๆ) คือลูกค้าบางคนก็จะมองว่ามันน่ากลัว เหมือน ghost แต่ว่ามันฟินจริง ๆ นะคะ ออมสังเกตว่าตอนที่เกาให้ลูกค้า ลูกค้าจะขนลุก

และมันจะแอบคมนิดนึง ดังนั้น เราต้องแบบถ่ายน้ำหนักเบา ๆ ซึ่งไม่ต้องวาดมือสวย ๆ ก็ทำได้ ทำให้มันพริ้ว ออมจะชอบเอามาอยู่ใกล้ ๆ ใบหูลูกค้า และทุกครั้งเวลาจะเปลี่ยนอุปกรณ์ ออมจะทำเสียงให้เค้ารู้ว่า เพราะบางคนถ้าหลับอยู่ มีคนไปแตะตัวเค้าจะสะดุ้ง เราก็บอกให้เค้ารู้ว่าฉันเคลื่อนไหวอยู่ตรงนี้

 

พูดถึงอุปกรณ์ คุณมีวิธีดูแลความสะอาดอย่างไร

อุปกรณ์ทุกอย่างที่ใช้กับลูกค้าเปลี่ยนทุกคนต่ออุปกรณ์ แล้วพวกผ้าก็เปลี่ยนทุกผืน และอุปกรณ์ทุกอย่างออมจะเอาไปล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า แล้วก็ผึ่งไว้ให้แห้ง พอแห้งสนิทแล้วออมก็จะอบด้วยเครื่องฆ่าเชื้ออีกรอบนึง ลูกค้ามั่นใจได้ว่าสะอาด ไม่มีเชื้อโรคแน่นอน

 

นอกจากอุปกรณ์ที่เป็นตัวช่วย คิดว่าการเกาเป็นทักษะที่ต้องฝึกไหม

จริงๆ แล้วก็ควรฝึกค่ะคือคนที่จะเกาให้คนอื่นได้ต้องเป็นคนที่ใจเย็นระดับนึงเลย เพราะว่าการเกาผ่อนคลายเนี่ย มันไม่ใช่แค่เกาไปเรื่อย ๆ คือมันต้องมีความรู้สึกที่อยากมอบพลังงานบวกให้เขาด้วย เวลาออมเกา ออมจะไม่ใช่แค่เกาธรรมดา ออมจะถ่ายทอดพลังงานดี ๆ ให้ กับลูกค้าให้เขาได้รับสิ่งนั้น มันก็จะฟิน

และด้วยความที่ตอนนี้ ออมเป็นแม่คนแล้ว บางทีออมรู้สึกว่าอยากมอบความรักให้ลูก ออมก็จะใช้วิธีลูบแขนลูกเบา ๆ เพื่อบอกลูกว่ารักนะ มันเป็นการถ่ายทอดอารมณ์ที่ดีให้กับผู้โดนเกา

 

ขยายความอีกนิด พลังบวกที่ส่งไป ลูกค้าเขาจะรู้สึกอย่างไรเคยถามไหม

มีหลายคนมากที่บอกว่าเขาเครียดเรื่องนั้นเรื่องนี้ ส่วนใหญ่ลูกค้าของออมจะขับรถหรูมาเลย เป็นพนักงานบริษัท เค้าบอกว่ารู้สึกเหนื่อยล้ากับงานมาก เค้าต้องการให้คนเกาหลังแล้วงีบ หรือบางคนก็เกาทั้งที่เขายังคุยโทรศัพท์อยู่ สายเข้าตลอด งานเขายุ่งมาก แบบนี้ก็มี

ดังนั้น สิ่งที่ลูกค้า GaoGao ได้รับคือคลายเครียด เพราะอย่างที่บอกเราเกาไม่ใช่แค่หายคัน แต่เกาเพื่อผ่อนคลาย มีอีกเคสนึง เขาบอกว่าทะเลาะกับแฟนมา พอมาเกาแล้วรู้สึกดีขึ้น ไม่นอยแล้ว เหมือนเราพยายามเกาเพื่อเข้าใจ ออมจะใช้คำนึงคือ skip the stress not the scratch หมายถึงแบบว่าเอาความอึดอัด ความเครียดออกไป

 

4. จากอาชีพเสริม สู่แผนการขยายสาขา

เขาบอกกันว่าธุรกิจคือการแก้ปัญหาบางอย่างให้ลูกค้า เห็นด้วยไหม

ต้องเพิ่มเป็นว่ามันคือการใช้เงินแก้ปัญหา ลูกค้าอยากมานอนให้เกาหลัง เพราะบางคนมีปัญหาการนอนหลับ เค้าอยากหลับแต่หลับไม่ลง เราเกาให้เขาเคลิ้มและหลับได้ง่ายขึ้น มันก็คือการแก้ปัญหาแล้วนะ

การนอนเนี่ย ออมเคยมีปัญหานอนไม่หลับช่วงที่ต้องเลี้ยงลูก ตอนนั้นลูกเราตื่นทุก 3 ชั่วโมง คนเป็นแม่ได้นอนชั่วโมงเดียวก็ต้องตื่น ไม่ได้นอนเท่าลูก ทีนี้ แกปสามชั่วโมงนั้นที่ลูกหลับ แล้วเราอยากหลับ เราดันหลับไม่ลง ก็เลยคิดว่าตอนนั้นนะ ถ้ามีคนมาเกาให้เราตอนนี้ เราหลับได้เลย

 

หากย้อนกลับไปมอง เห็นด้วยไหมที่ว่าเริ่มธุรกิจ ไม่มีใครพร้อม 100% หรอก

เห็นด้วยค่ะ เพราะมันไม่มีคนไกด์เรา เราต้องศึกษาด้วยตัวเอง ช่วงเริ่มต้นที่เราต้องเตรียมการทุกอย่าง เราว้าวุ่นมาก ๆ ออมกับสามีอยู่กันสองคนก็จะแบบทำยังไงดีนะ เราต้องซื้ออุปกรณ์อะไรบ้าง จัดร้านยังไง รับลูกค้ายังไง ระบบจองคิวล่ะ ควรให้เบอร์โทรไหม มันคิดเยอะไปหมด

แต่ตอนนี้บอกตามตรงว่าไม่ได้ให้เบอร์โทร ด้วยความที่ตอนนี้ออมตอบแชทคนเดียว ถ้าลูกค้าโทรมาจองตอนที่ออมกำลังเกาให้ลูกค้าอยู่น่าจะไม่สะดวก ออมก็เลยแนะนำว่าให้ทักมาในไลน์ดีกว่า แล้วพอออมเกาเสร็จ ออมก็จะมาเช็กแชทอยู่แล้วว่ามีใครทักมา

 

แม้ไม่นานมาก แต่จนถึงตอนนี้ คิดว่าธุรกิจอยู่ตัวหรือยัง เพราะคิวทองน่าดู

ตอนนี้ยังไม่อยู่ตัว ยังรับคิวลูกค้าทุกวัน  ยกเว้นว่าต้องไปธุระจริง ๆ ก็จะแจ้งไว้ว่าวันนี้ร้านปิดนะคะ หรือตอนเช้ารับลูกค้าคนนึงแล้วค่อยไปธุระก็ได้ สงสารลูกค้า เพราะบางคนเขาว่างแค่วันนั้น ก็เลยพยายามเปิดทุกวันเลย

ถ้ามองชั่วโมงทำงาน ทุกวันนี้ ถ้าลูกค้ารอบเช้าออมจะรับแค่ถึงบ่าย แต่ถ้าลูกค้ามารอบบ่ายก็จะรับถึงเย็น ถ้ารวมเวลาการเกาแล้ว วันนึงก็ตกประมาณ 6 ชั่วโมง ซึ่งนี่ยังไม่รวมเวลาล้างอุปกรณ์ ล้างผ้า ฆ่าเชื้อ ตอบแชท ล็อคคิวอีกนะ

แต่ระยะยาวร่างกายคงไม่ไหว แต่อย่างที่บอกว่าตอนนี้มันยังไม่อยู่ตัว ก็ทำไปก่อน แต่ถ้าเริ่มอยู่ตัวแล้ว เราจะมีเวลาที่แน่ชัดกว่านี้ เช่น ขอปิดทุกวันนี้ เพื่อให้เรามีวันหยุดบ้าง

 

กระแสตอบรับดีแบบนี้ มีแผนขยายสาขาไหม

แน่นอนค่ะ ออมตั้งเป้าว่าอยากเปิดแบบทุกจังหวัด จังหวัดละหนึ่งร้าน เพราะบางคนก็มาคอมเมนต์ว่าอยากให้เปิดที่ภูเก็ต อยากให้เปิดที่เชียงราย เราเห็นแล้วเราก็รู้สึกว่าเออเค้าก็เดินทางมาอยุธยาลำบากเหมือนกันนะ ก็เห็นใจเค้า หรือไม่งั้นก็อาจจะเป็นฟีลเหมือนแบบ รับสอนคนให้เขาไปเปิดในจังหวัดนั้น ๆ เพราะตัวเราน่าจะไปไม่ได้เหมือนกัน

 

อาชีพนี้เปลี่ยนชีวิตคุณอย่างไร

หนึ่งเลยคือออมไม่ต้องออกไปข้างนอกเพื่อเจอปัญหารถติด หรือว่าต้องไปแย่งขึ้นรถสาธารณะ กับคนอื่น แล้วก็สองคือออมได้มีเวลาช่วยสามีเลี้ยงลูก จากปกติคือออมเลี้ยงลูกคนเดียวใช่ไหมคะ สามีทำงาน แต่ตอนนี้ออมขอเขาให้สามีเลี้ยงลูกแทน แล้วออมขอทำงาน แล้วเราก็ได้แลก เปลี่ยนกัน มุมมองจากที่คุณพ่อไม่เข้าใจคุณแม่ ก็เริ่มเข้าใจคุณแม่มากขึ้น

 

สัมภาษณ์: วงศกร ลอยมา

ถ่ายภาพ: ณปกรณ์ ชื่นตา