ชี้เป้าร้านอาหาร Italy ที่มีวิวเป็น Duomo di Milano
อาหารอร่อยหากินได้ไม่ยาก แต่ถ้าอร่อยแล้วยังได้นั่งชมวิว Signature ของเมืองมิลาน อย่าง Duomo di Milano ไปด้วย นี่คงจะเป็นมื้อที่พิเศษสุดๆไปเลย กับร้านอาหารที่เห็นวิว Duomo ใกล้สุดๆ “GIACOMO ARENGARIO”
การเดินทางไปยังเมืองต่างๆทั่วโลกสิ่งที่จะทำให้เราสัมผัสถึงวัฒนธรรมของเมืองนั้นได้ง่ายที่สุดก็คงเป็นเรื่องของอาหาร แต่สำหรับที่ “Italy” เราคงจะคุ้นชินกับรสชาติ หรือประเภทของอาหารอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะทำให้มื้ออาหารของเราพิเศษขึ้นมาก็คงเป็นสถานที่ที่เราเลือกนี่แหละ
การมา “Milan” แล้วไม่ได้ไป “Duomo di Milano” ก็เหมือนกับการไป “Paris” แล้วไม่ได้เห็น “Eiffle”
“Duomo di Milano” เป็นมหาวิหารที่มีสถาปัตยกรรมแบบกอธิค ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่เป็นวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับสองในอิตาลี (รองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในนครรัฐวาติกัน) ตั้งอยู่ที่จัตุรัสกลางเมืองมิลาน
Duomo di Milano สูง 157 เมตรและกว้างถึง 92 เมตร ใช้เวลาสร้างยาวนานถึง 579 ปี และเปิดให้เข้าบริการครั้งแรกเมื่อปี 1965 แล้วเวลามาที่นี่ชอบมีคนท้าให้เราแข่งกันนับยอดของปราสาทแห่งนี้ แต่ทุกคนไม่ต้องไปนับนะคะเฟรมหาข้อมูลมาให้แล้วว่า เจ้าแหลมๆนั้นมีประมาณ 135 ยอด ด้วยยอดของปราสาทนี่แหละที่ทำให้ Duomo มีสเน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ไหนๆมาถึงแล้วก็ต้องแวะมาถ่ายรูปกับ Signature ของเมืองมิลาน กันหน่อย แต่จะบอกว่าว่าถ้าจะเก็บทั้งหมดให้ได้มิติก็ต้องเดินมาทางด้านข้างนะคะ แต่ถ้าอยากได้ด้านหน้าตรงๆก็ต้องเดินออกไปไกลหรือไม่ต้องใช้เลนส์กว้างๆเพราะเฟรมเองยังได้ไม่ครบทั้งหมดเลยค่ะ แต่ถ้าอยากได้มุมที่เก๋กว่านั้นก็ต้องตามเฟรมมาเลยค่ะ
มาถึง Milano ทั้งที เราต้องโพสรูปเพื่อเช็คอินให้เก๋กว่าเพื่อนนะคะ
มื้อดินเนอร์แรกต้อนรับสู่ Milano เฟรมขอเลือกเป็นร้านที่จองยากที่สุดอีกหนึ่งร้านเพราะร้านนี้ได้มองวิว Duomo แบบแนบชิดติดขอบกับร้านที่มีชื่อว่า “GIACOMO ARENGARIO” พ่วงด้วยตำแหน่ง มิชลิน ไกด์ อีกด้วย
“GIACOMO ARENGARIO” ร้านนี้จะอยู่ทางฝั่งขวาของ Duomo (หันหน้าเข้า Duomo) จะอยู่ชั้น 2 ของตึกที่เป็นจุดแสดงงานศิลปะ มีป้ายบอกหน้าตึกชัดเจน พอขึ้นมาก็จะเจอกับทางเข้าที่โอ่โถง และเราไปกัน 6 คนโชคดีที่โต๊ะใหญ่เป็นโต๊ะหน้าสุดที่มองเห็น Duomo ได้อย่างชัดเจน
โต๊ะถูกจัดอย่างสวยงามเพื่อรอต้อนรับเรา มองไปรอบๆบริเวณโซนด้านในที่เราเลือกไม่ใหญ่มาก และส่วนมากจะจัดโต๊ะสำหรับ 2 หรือ 4 ที่ เท่านั้นเพราะมันเหมาะแก่การสวีทมากเลยหละค่ะ แต่ร้านนี้ก็มีโซนที่ OUTDOOR ด้วยนะ (กลางวัลจะได้รับความนิยมมาก) แต่เราไปมื้อค่ำและอากาศค่อนข้างเย็นจึงเลือกเป็นด้านใน
สำหรับเมนูอาหารที่นี่ก็มีกลากหลาย ทั้งอาหารทะเล ไปจนถึงเนื้อแกะ ทางเราก็สั่งมาลองหลายอย่างเริ่มจากเมื่อนั่งโต๊ะแล้วก็จะมีขนมปังนานาชนิดมาวาง ซึ่งเป็น complementary ที่เราชอบมาก และเราก็เริ่มสั่งตั้งแต่ เมนูสตาร์ทเตอร์ สิ่งที่ชอบคือ หอยนางรม ดีมากกกกกแบบได้กลิ่นน้ำทะเลหน่อยๆ ที่ไม่เค็มจนเกินไป
ส่วนเมนคอร์ส อย่าง Linguine sea food ก็ลงตัวเส้นนุ่มนิ่ม ทะเลเต็มจานถึงแม้ไซส์ของอาหารทะเลจะไม่ใหญ่เท่าบ้านเรา แต่กลิ่นน้ำทะเลของเข้ามันทำให้รสชาติมันเป็นอิตาลีมากๆ ส่วน Risotto alla Milanese หน้าตาของจานนี้ดูดีมากๆ สีเหลืองนวล มากับชีสยืดๆ ใครชอบความกรุบๆต้องปลื้มแน่นอน ต่อกันที่ spaghetti pomodoro เพิ่ม topping เป็นกุ้งตัวใหญ่ นี่ก็เด็ดใครสายมะเขือเทศต้องลอง และสายเนื้อต้องเมนูนี้ filetto Manzo polenta นุ่มละมุนละลายในปากแบบไม่ต้องเคี้ยวเลยค่ะ
ส่วนของราคานั้นก็ตามสถานที่ไม่ได้สูงจนเกินไปสำหรับในเมือง อิตาลีค่ะ สำหรับเฟรมที่ไป 6 คน บิลออกมาอยู่ที่ 340 EUR ประมาณ 13,000 บาท แต่พอมาดูรายละเอียดในบิลแล้ว เขาจะชาร์จค่าบริการต่อคน คนละ 5 EUR ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในร้านเลยค่ะ และค่าอาหารทั้งหมดจะบวก VAT 10% สำหรับกานแต่งกายของที่นี่ก็มีกฏนิดหน่อยคือห้ามใส่รองเท้าแตะเข้าใช้บริการในร้านค่ะ
สำหรับที่ “GIACOMO ARENGARIO” แนะนำให้ทุกคนจองก่อนนะคะเพราะจะเต็มตลอดเลยค่ะ
ทริคเลือกที่พักสำหรับคนชอบช็อปปิ้งในเมืองมิลาน :
เป้าหมายหลักของใครคือการไปช็อปปิ้งแนะนำให้จองโรงแรมที่ใกล้แหล่งช็อปปิ้งให้มากที่สุด อย่าง Armani Hotel Milano หรือที่เฟรมพักคือ Grand hotel et de Milan ที่อยู่มุมหัวถนนช็อปปิ้งข้ามถนนมาก็ถึง Cartier เลยและสามารถเดินไปที่ Duomo di Milano ได้ด้วย และสิมธิพิเศษก็คือ ที่เวลาช็อปปิ้งเราไม่ต้องถือของกลับห้องเอง แค่บอก SA ว่าเราพักอยู่ที่โรงแรมไหนห้องอะไรเขาก็จะจัดแพ็คของมาส่งวางให้ในห้องเรา สะดวกปลอดภัยจากการโจรกรรมด้วยนะคะ
ทุกคนสามารถติดตามการเดินทางครั้งต่อไปของเฟรมได้ที่นี่ Lifestyle Spring หรือทักทายกันได้ที่ IG:famframe
“พิธีกรที่หลงรักการเดินทาง เพื่อพบเจอ พูดคุย และได้ใช้กล้องที่รักเวลาออกทริป” by famframe
