คำว่า “บางนา” แท้ที่จริงแล้วกว้างแค่ไหนใครจะรู้ แต่คราวนี้ทุกคนจะได้รู้ลึกยิ่งกว่า ทั้งของกินแสนอร่อย สถานที่ลับๆ รวมถึงประวัติศาสตร์ที่แสนสนุก เพราะ “SUNAว่าดีTOUR” เขาปักหมุดมาให้แล้ว
“SUNAว่าดีTOUR” คือกิจกรรมที่จัดขึ้นโดย แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ชื่อว่า “SUNA” ที่อ่านว่า “สุนา” ที่มาจากคำว่า “สุขุมวิทบางนา” กลายมาเป็น “SUNA - สุนา”
จากแพลตฟอร์มออนไลน์ที่คอยบอกเล่าเรื่องราวย่าน “สุขุมวิท” ไปจนติด “บางนา” ในวันนี้ทางผู้จัดทำได้ตัดสินใจจัดกิจกรรมออฟไลน์ครั้งแรก จากความตั้งใจที่อยากจะชวน “ชาวสุนาเนี่ยน” ที่อาจจะอยู่ห่างไกล หรือแม้แต่เป็นเพื่อนบ้าน และคนในชุมชน ได้มาสัมผัส “SUNA” แบบตัวเป็นๆ
ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาเพจ “SUNA - สุนา” ได้คอยอัปเดต บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ของย่านบางนาไว้เยอะมากๆ จึงไม่แปลกที่การจัดกิจกรรมในครั้งนี้จะน่าสนใจ เพราะคงเป็นสิ่งที่คัดสรรมาแล้วอย่างดี
กิจกรรมในครั้งนี้ทาง “SUNA - สุนา” คิดไม่ตกว่าจะเอาใจ “ชาวสุนาเนี่ยน” แนวไหนดี ฝั่งประวัติศาสตร์ก็เหนี่ยวแน่น ส่วนฝั่งของกินนี่ก็ไม่เบา จึงทำให้เกิด “SUNAว่าดีTOUR” 2 สายไปเลยพร้อมๆ กันคือ “สายกินวันเสาร์” และ “สายเก๋าวันอาทิตย์”
เฟรมเองได้มีโอกาสไปร่วมทริปแบบลูกผสมที่ทาง “SUNA - สุนา” ได้เชิญ “สุนาเนียน” อย่างเราชาว SPRING NEWS ไป เพราะออฟฟิศเราก็ตั้งอยู่ในเขตบางนา
เราเริ่มออกสตาร์ทกันที่ ร้านกาแฟ Roots at Summer Lasalle ได้มีโอกาสชิมกาแฟที่ปลูกโดยเกษตรกรของไทย ถ้าใครเป็นสายกาแฟก็จะพอรู้อยู่แล้วว่าร้านนี้เป็นร้านที่มีชื่อเสียงในหมู่นักชิมกาแฟแบบ Specialty เราได้ mini talk กับทางร้านที่เขาได้เล่าถึงการร่วมมือกับเกษตรกรตั้งแต่ต้นทาง จนถึงปลายทางถึงขนาดมีการตั้งชื่อเมล็ดกาแฟที่คั่วสำเร็จแล้วตามชื่อผู้ปลูก ซึ่งเรามองว่าเป็นรายละเอียดที่น่ารักจัง แต่สิ่งสำคัญที่เราได้มีโอกาสถามก็คือ ทำไมร้านดัง ร้านใหญ่ขนาดนี้ถึงเลือกมาตั้งในย่าน “บางนา”
“ก็เพราะว่าพื้นที่ตรงนี้ยังสามารถขยายการค้าขายในเชิงธุรกิจ และประชาชนในระแวกนี้ก็มีกำลังพอที่จะทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้”
หลังจากที่ได้ดื่มด่ำกาแฟที่มีสตอรี่สุดน่ารักแล้ว เราก็เคลื่อนที่ด้วยรถ ตุ๊กๆ ไฟฟ้าของ “muvmi” ที่เรารู้สึกว่าทาง “SUNA - สุนา” ทำการบ้านมาดีมาก ขนาดยานพาหนะยังเป็นไฟฟ้าที่ทำร้ายโลกน้อยที่สุด
ท่องเที่ยวเพิ่มเติม
ห้องสมุดบ้านจิรายุ-พูนทรัพย์ ตั้งอยู่ที่ ซอยสุขุมวิท 101/1 ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง hidden places ของย่านบางนาที่ภายในสถานที่เดียวมีทั้งห้องสมุด และ พิพิธภัณฑ์ อยู่ในรั้วเดียวกัน
เดิมทีบริเวณนี้เป็นของหม่อมหลวงจิรายุ และท่านผู้หญิงพูนทรัพย์ นพวงศ์ ซึ่งถวายแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อจัดสร้างเป็นห้องสมุด พร้อมเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2556 ปัจจุบันทาง กรุงเทพมหานคร มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ
ความโดดเด่นของห้องสมุดแห่งนี้ที่จากที่อื่นก็ตรงที่ ที่นี่รวบรวมหนังสือ ตำรับตำรา เอกสารและข้อมูลวิชาการทางด้านภาษาเอาไว้มากมาย และยังมีการจัดเก็บฟอนต์หรืออักขระคอมพิวเตอร์ เทวนาครี ในภาษาบาลี-สันสกฤต โดยในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงประดิษฐ์คิดค้นขึ้นไว้ที่นี่อีกด้วย
ส่วนด้านหลังที่เป็น พิพิธภัณฑ์ เราก็จะได้เห็นความเป็นอยู่รูปลักษณ์ของบ้านเมื่อประมาณ 60 ปีก่อน ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นของหม่อมหลวงจิรายุ และท่านผู้หญิงพูนทรัพย์ นพวงศ์ นั่นเอง และได้มีการพูดคุยกับ คุณนัท จุลภัสสร ผู้รู้ทุกเรื่องที่เป็นประวัติศาสตร์ในย่านนี้ จึงเป็นการย้อนอดีตที่สนุกและเห็นภาพแบบสุดๆ
ได้เวลาคลายร้อนด้วยการชิมไอติมกะทิอบเทียนอุดมสุข เจ้าที่เปิดขายตั้งแต่ พ.ศ. 2516 แต่หน้าร้านใหม่ไม่ได้ตั้งอยู่ที่ซอยอุดมสุข แต่ย้ายมาอยู่ที่ถนนสรรพาวุธแทน
ต้นตำรับของ ไอศครีมกะทิอบเทียนอุดมสุข คือคนที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ลุงพ้ง” ที่ยกครอบครัวมาจากเชียงใหม่มาตั้งรากฐานที่ อุดมสุข ตอนแรกเริ่มก็เปิดร้านขาย “ข้าวต้มกุ๊ย” แต่ขายไม่ดีจนวันนึงมีลูกค้ามาพูดกับท่านว่า “ทำในสิ่งที่ถนัดเถอะ” ท่านจึงนึกขึ้นได้ว่ามีสูตรไอศครีมของครอบครัวอยู่ ก็เลยทำและบุกเบิกขายจนเป็นที่ถูกใจ และติดใจของลูกค้า
ปัจจุบันที่ย้ายร้านมาตรงนี้ทุกคนอาจไม่เจอ “ลุงพ้ง” แล้วเพราะคุณลุงขอเกษียณอาชีพนี้และส่งมาในรุ่นปัจจุบัน แต่แน่นอนสูตรทุกอย่างยังคงเดิม และบอกเลยจากที่เฟรมได้ชิม ไอติมกะทิอบเทียนอุดมสุข มีเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือนได้จริงๆ เป็นกะทิที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ กำลังพอดี กินแล้วสดชื่นสุดๆ ไปเลยและจุดเด่นของ ไอติมกะทิอบเทียนอุดมสุข ก็คือ TOPPING ที่ให้เลือกนั้นแตกต่างเช่น สลิ่ม และสับปะรดที่ออกรสเปรี้ยวหวาน ให้ความรู้สึกเป็นการกินไอศครีมขั้นกว่ายิ่งขึ้นไปอีก
หลังจากนั้นเป็นช่วงแดดร่มลมตกพอดี ทางทีมงานก็เลยชวนกันไปเดินเล่นสำรวจย่ายนี้กันสักหน่อย เราไปสะดุดตากับ “ซูเปอร์มาเก็ต” หรือ “ร้านสะดวกซื้อ” ที่ไม่ใช่แฟรนไชส์ชื่อดัง
อันดับแรกเลยเราแปลกใจว่าร้านนี้ยังอยู่ได้อย่างไรในเมื่อถัดไปอีกไม่กี่ร้อยเมตร ก็มี ร้านสะดวกซื้อเจ้าดังเปิด 24 ชม. รออยู่ตรงนั้น เราจึงมองสอดส่องเข้าไปในร้านถึงได้เข้าใจว่า อ๋อร้านนี้คงจะตอบโจทย์วิถีชีวิตคนละแวกนี้ได้มากกว่าจริงๆ ง่ายๆ ก็คือ เข้าอกเข้าใจผู้บริโภคมากกว่า เช่น ข้าวสารเป็นกระสอบจะซื้อเท่าไหร่ก็ได้ มีของสดของแห้งครบสำหรับทำอาหารได้หลายมื้อ มีไปจนถึงของทำบุญถังสังฆทาน เพราะร้านนี้อยู่ตรงหน้าทางเข้าวัดพอดี แถมเรายังแอบได้ยินว่ามีลูกค้าเดินเข้ามาซื้อของ ทางเจ้าของร้านรีบพูดสวนขึ้นมาว่า “เตรียมของไว้ให้หมดแล้วเอาไปได้เลย” เราเห็นแบบนี้ก็อดยิ้มไม่ได้ “ก็จริงนะถ้าทำธุรกิจที่เข้าใจผู้บริโภคแบบนี้ ไม่มีวันหายไปแน่นอน”
เราเดินไปเรื่อยๆ จนถึง “วัดบางนานอก” ได้เข้าไปแวะที่ริมน้ำเจ้าพระยาเพื่อให้อาหารปลาในบริเวณวัด แล้วมองวิวตรงช่วงโค้งน้ำที่ฝั่งตรงข้ามเป็น “บางน้ำผึ้ง” และ “บางกระเจ้า” ช่างสบายตามากๆ ดีจังที่เขตบางนา มีสถานที่แบบนี้ให้พักสายตาบ้าง
สำหรับทริปนี้ก็ต้องปิดท้ายด้วยมื้อค่ำที่แสนพิเศษที่ ที่ศิลวัฒน์ซีฟู้ด สืบทอดรสมือไม่เปลี่ยนมาจนถึงรุ่นที่ 3 เมนูเด็ดที่ทางร้านแนะนำก็คือ หอยจ๊อปู เนื้อแน่นเต็มคำ เมนูนี้ยกให้เป็นที่หนึ่งเลยหละ ส่วนปลาหมึกนึ่งมะนาวก็แซ่ปไม่แพ้กันเลย และยังมีอีกหลายเมนูที่รอให้สายกินมาลิ้มลองอยู่นะคะ
นี่เป็นเพียงทัวร์พิเศษที่ทาง “SUNAว่าดีTOUR” ได้ชวนเราไป แต่สำหรับใครที่สนใจต้องรีบตัดสินใจแล้วหละ
Route 01 | สายกินวันเสาร์ FOODIE-FRIENDLY
ทัวร์กินของอร่อย พร้อมซัพพอร์ตธุรกิจอิ่มท้องและอิ่มใจในย่านสุนา
เหมาะกับ: คนช่างกิน เอนจอยอาหารทั้งร้านเก่าแก่และร้านรุ่นใหม่ สนใจอาหารในมุมประวัติศาสตร์ ที่มีการสนับสนุนชุมชนและสิ่งแวดล้อม
มีให้เลือกทั้งหมด 3 รอบ
1. เสาร์ที่ 21 มกราคม 2566 รอบบ่าย | 12:30 - 19.00 น.
2. เสาร์ที่ 28 มกราคม 2566 รอบเช้า | 09:30 - 15.30 น.
3. เสาร์ที่ 28 มกราคม 2566 รอบบ่าย | 12:30 - 19.00 น.
Route 02 | สายเก๋าวันอาทิตย์
ทัวร์ตามหาประวัติศาสตร์ของย่านสุนา ที่ยังไม่ค่อยมีใครบันทึกไว้
เหมาะกับ: คนชอบประวัติศาสตร์ อยากรู้ที่มาหรือเกร็ดสนุกๆ ที่ซ่อนอยู่ในย่าน หรือครอบครัว ที่ลูกๆ หลานๆ จะชวนวัยเก๋า Silver Gen มาแชร์ความทรงจำในย่านร่วมกัน
มีให้เลือกทั้งหมด 2 รอบ
1. อาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2566 รอบบ่าย | 12:30 - 19.00 น.
2. อาทิตย์ที่ 29 มกราคม 2566 รอบบ่าย | 12:30 - 19.00 น.
สำหรับท่านที่สนใจ
ราคาบัตรสำหรับคนทั่วไป 1,400 บาท/คน/รอบ
ราคาบัตรพิเศษสำหรับผู้สูงวัย 1,100 บาท/คน/รอบ
(ราคาบัตรรวมค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่แล้ว)
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ SUNA - สุนา