SHORT CUT
"ชีวิตเดิมพัง? Isekai และ กลับมาเกิดใหม่ของจีน คือ 'โอกาสครั้งที่สอง' ที่ทุกคนโหยหา มอบพลัง ให้ผู้ล้มเหลวได้หนีโลกจริง ทวงคืนศักดิ์ศรี และควบคุมชะตากรรมของตนเอง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ หากได้ลองสำรวจโลกของสื่อบันเทิงในเอเชียตะวันออก จะพบกับปรากฏการณ์คู่ขนานที่น่าสนใจอย่างยิ่ง นั่นคือการ์ตูนญี่ปุ่นแนว อิเซไก (Isekai - ต่างโลก) และซีรีส์จีนแนว กลับชาติมาเกิดใหม่ หรือที่เรารู้จักกันในพล็อตย้อนเวลาแก้แค้น ปรากฏการณ์เหล่านี้ไม่ใช่แค่เรื่องราวสนุกๆ แต่เป็น "ความหวังในการเริ่มต้นชีวิตใหม่" ที่กำลังครองใจผู้ชมทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่รู้สึกเหนื่อยล้าและคับข้องใจกับชีวิตจริง
แก่นแท้ของพล็อตเหล่านี้คือการยอมรับอย่างโจ่งแจ้งว่า "ชีวิตเดิมมันพัง" ตัวเอกส่วนใหญ่เริ่มต้นด้วยการเป็นคนธรรมดา, เป็นคนล้มเหลว, ถูกสังคมมองข้าม, หรือถูกทรยศหักหลัง การตายหรือการย้อนเวลาจึงไม่ใช่จุดจบ แต่เป็น จุดเริ่มต้นของโอกาสครั้งที่สองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ซึ่งเปิดโอกาสให้ตัวเอกได้ทำในสิ่งที่ชาติที่แล้วไม่ได้ทำ หรือแก้ไขความผิดพลาดที่เคยทำให้ชีวิตต้องพังทลายลง
กระแสอิเซไกของญี่ปุ่นนั้นแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยมีอนิเมะและมังงะหลายเรื่องที่นำเสนอตัวเอกซึ่งถูกส่งไปยังโลกแฟนตาซีพร้อมพลังที่ไร้เทียมทาน (Overpowered Protagonists) ความสำเร็จของ Isekai มาจากองค์ประกอบหลักที่สำคัญ ตัวเอกมักเป็นตัวแทนของความล้มเหลวในสังคมญี่ปุ่น
ตัวเอก Isekai หลายคนไม่ได้มาจากชีวิตที่สวยหรู พวกเขาอาจเป็นพนักงานออฟฟิศที่ทำงานหนักจนตาย (Salaryman) หรือแม้แต่เป็นคนเก็บตัว (Hikikomori) และคนว่างงาน (NEET) ที่ไม่มีเพื่อน
ปรากฏการณ์นี้สอดคล้องกับความรู้สึกหมดหวังที่เกิดขึ้นในสังคมญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังช่วง "ทศวรรษที่สาบสูญ" (Lost Decades) ที่เศรษฐกิจซบเซา ทำให้คนหนุ่มสาวรู้สึกว่าความพยายามในโลกปัจจุบันนั้นไม่เพียงพอที่จะนำไปสู่ความสำเร็จหรือความสุข
กรณีศึกษาที่ชัดเจนที่สุดคือ Mushoku Tensei: Jobless Reincarnation ตัวเอกในชาติที่แล้วเป็นชายวัย 34 ปีที่ว่างงาน เก็บตัว และอ้วน ก่อนจะเสียชีวิตอย่างไม่น่าจดจำ แต่เขาได้รับโอกาสเกิดใหม่เป็น รูเดียส เกรย์แรท เด็กทารกที่มีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์อย่างมหาศาล และที่สำคัญคือเขามี แรงขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จ
ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตเดิมโดยสิ้นเชิง การเกิดใหม่นี้จึงเป็นภาพสะท้อนของการได้ชีวิตที่ตรงกันข้ามกับอดีตอย่างสิ้นเชิง
การที่ตัวเอกเหล่านี้ถูกกำหนดให้เป็นคนล้มเหลวในโลกเดิม เป็นการสร้างความเชื่อมโยงกับผู้ชมได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาเป็นตัวแทนของความรู้สึกที่ว่า "ชีวิตปัจจุบันไร้ค่า" ดังนั้น การเดินทางไปยังโลกแฟนตาซีพร้อมพลังพิเศษจึงเป็นกลไกทางจิตวิทยาที่สำคัญมาก นั่นคือ ความปรารถนาในการเป็นคนสำคัญและมีคุณค่า
การได้รับพลัง OP ในโลกใหม่จึงเป็นการตอบสนองความต้องการพื้นฐานในการ "เป็นที่ยอมรับ" และ "มีคุณค่า" โดยไม่ต้องแข่งขันและดิ้นรนภายใต้ระบบสังคมที่บีบคั้นเดิม
นอกจากนี้ การสำรวจมังงะ Isekai จำนวนมากยังพบว่าเรื่องราวส่วนใหญ่ได้รับแรงบันดาลใจจากเกมคอมพิวเตอร์ประเภท Shônen และ Otome การนำองค์ประกอบแบบเกม (เช่น การเพิ่มเลเวล, สกิล) เข้ามาใช้ ทำให้ผู้ชมรู้สึกคุ้นเคยและสามารถ "สวมบทบาท" เข้าไปในโลกนั้นได้ง่าย ทำให้การหลีกหนีเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ
Isekai มักมอบสิ่งที่ผู้ชมโหยหาแต่ไม่เคยได้ในโลกจริง นั่นคือ พลังที่ง่ายดายและไร้คู่แข่ง ตัวเอกหลายคนในอิเซไกยุคใหม่มีพลังที่เหนือจินตนาการ หรือแม้กระทั่งเกิดใหม่เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นฮีโร่ได้ เช่น สไลม์ใน That Time I Got Reincarnated as a Slime ที่กลายเป็นผู้สร้างอาณาจักรแห่งมอนสเตอร์ หรือแม้แต่การเป็นตู้ขายของอัตโนมัติที่ยังมีวิธีเอาตัวรอดได้ในดันเจี้ยน
ผู้ชมส่วนใหญ่แสวงหาการหลีกหนีและมักต้องการให้ตัวเอกเป็นภาพสะท้อนของความสมบูรณ์แบบที่พวกเขาขาดไปในชีวิตจริง
การที่ตัวเอกได้รับพลังที่ง่ายดายและไร้ที่ติเป็นการเยียวยาจิตใจที่เหนื่อยล้าจากการต้องดิ้นรนในโลกที่ความพยายามไม่เคยเพียงพอ Isekai จึงมอบ ความสามารถในการควบคุมชีวิต (Agency) ที่หายไปในโลกเดิมผ่านการรีเซ็ตและการมอบพลังพิเศษให้
ในขณะที่ Isekai ญี่ปุ่นเน้นการหลบหนีไปยังโลกแฟนตาซี ซีรีส์จีนแนวกลับชาติมาเกิดใหม่ (Rebirth C-Drama) กลับมุ่งเน้นไปที่การ กลับมาแก้ไขโลกเดิม จุดแข็งของซีรีส์จีนแนวนี้คือการใช้ความรู้จากอนาคตเป็น "พลัง OP" ในการแก้แค้นและสร้างความมั่งคั่ง
ซีรีส์จีนแนว Rebirth มีรากฐานที่เน้นเรื่องราวของตัวเอกที่ถูกทรยศหักหลัง ถูกสังหาร หรือตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ในชาติที่แล้ว (โดยเฉพาะในพล็อตย้อนยุคหรือ Historical/Wuxia เช่น Love of Nirvana หรือ Lost You Forever Season 2)
แรงขับเคลื่อนหลักที่นำพาพวกเขากลับมาคือ การแก้แค้น (Revenge) และ การทวงคืนศักดิ์ศรี
ในพล็อตเหล่านี้ ตัวเอกมักจะย้อนเวลากลับมาในช่วงเวลาสำคัญก่อนที่โศกนาฏกรรมจะเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น ในมังฮวาแนววายร้ายหญิง (Villainess Arc) ที่ได้รับความนิยมอย่าง The Villainess Turns the Hourglass
ตัวเอกถูกส่งกลับไปในอดีตหลายครั้งจนกว่าจะสามารถทำลายวงจรคำสาปและได้ตอนจบที่มีความสุข หรือในซีรีส์จีนเองก็มีเรื่องราวการทวงคืนโชคชะตา เช่น บุปผาเหนือลิขิต / จิ่วฉงจื่อ
แรงจูงใจในการเกิดใหม่ของจีนจึงมุ่งเน้นไปที่การใช้ความรู้ในอดีตเพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ เปิดโปงคนชั่ว และเลือกทางเดินชีวิตใหม่ที่ถูกต้อง ทั้งในด้านความรัก การเมือง หรือการเงิน
นี่ไม่ใช่การหนีโลก แต่เป็นการใช้ความได้เปรียบทางข้อมูลเพื่อ ควบคุมและปรับปรุงโลกเดิม ให้เป็นไปตามความต้องการของตนเอง
นอกเหนือจากพล็อตย้อนยุคแล้ว ในซีรีส์จีนแนวเกิดใหม่ยุคโมเดิร์นยังเต็มไปด้วยตัวเอกที่ได้รับ 'ระบบ' หรือ 'พรวิเศษ' ที่เจาะจงเพื่อความสำเร็จทางโลกทันที ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ หนุ่มสาวที่เกิดใหม่พร้อมกับระบบเปลี่ยนขยะให้เป็นทอง, การเป็นอัจฉริยะทางการแพทย์ที่สามารถโค่นล้มผู้ร้ายได้สำเร็จ, หรือการเกิดใหม่พร้อมดวงตาทิพย์ที่มองทะลุทุกสิ่ง
ความนิยมของพล็อตเหล่านี้สะท้อนถึงความปรารถนาในการเห็น ความยุติธรรมทางสังคมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด ในสังคมที่มีลำดับชั้นสูงและการแข่งขันรุนแรง การที่คนธรรมดาที่เคยถูกดูแคลนสามารถพลิกชะตาและกลายเป็น "ราชาผู้พิทักษ์" ในขั้นตอนเดียว
ถือเป็นการตอบสนองความต้องการทางจิตวิทยาที่รุนแรง การได้รับความรู้จากชาติที่แล้วจึงเป็น "พลัง OP" ที่ไม่ใช่แค่ความสามารถทางกายภาพ แต่เป็น อำนาจในการทำนายและควบคุมชะตากรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดหายไปอย่างรุนแรงในโลกแห่งความเป็นจริง
ความผิดหวังในชีวิตจริงรากฐานทางสังคมและจิตวิทยาของการหนีโลก
ความนิยมอย่างมหาศาลของ Isekai และ Rebirth ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างโดดเดี่ยว แต่เป็นผลพวงโดยตรงจากภาวะความกดดันทางเศรษฐกิจและสังคมในประเทศเหล่านั้น
โดยพื้นฐานแล้ว Isekai คือรูปแบบหนึ่งของการหลีกหนีผู้ชมที่ไม่มีความสุขกับชีวิตปัจจุบันต้องการหนีไปยังโลกอื่นแทนที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นจริง
การที่ตัวเอก Isekai มักจะถูกทำให้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ชมได้ทันที เพราะพวกเขามาจาก "โลกเดียวกัน" และเผชิญปัญหาคล้ายกัน (เช่น ความเบื่อหน่ายหรือความเหนื่อยล้าจากชีวิตที่ไม่สมหวัง)
ความสำคัญของเรื่องราวเหล่านี้คือการสะท้อนภาวะ ขาด Agency (Lack of Control) ทั้งในญี่ปุ่น (ยุคเศรษฐกิจซบเซา) และในจีน (ยุคการแข่งขันสูง) ผู้คนจำนวนมากรู้สึกว่าความพยายามส่วนตัวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ หรือไม่สามารถบรรลุความสำเร็จที่ตั้งใจไว้
เมื่อความพยายามในโลกจริงไม่ได้ผล พวกเขาจึงหันไปหาเรื่องราวที่การเปลี่ยนแปลงชีวิตเกิดขึ้นได้ด้วยปาฏิหาริย์หรือพลังพิเศษหลังการรีเซ็ตชีวิต
แม้ว่า Isekai และ Rebirth จะมีแกนกลางคือการได้ "โอกาสครั้งที่สอง" แต่ลักษณะทางวัฒนธรรมก็ทำให้จุดเน้นของเรื่องราวแตกต่างกันอย่างน่าสนใจ
โดย Isekai เสนอการกลับตัวตนโดยสิ้นเชิง (Identity Reversal) โดยการละทิ้งตัวตนเดิมที่ล้มเหลวและไปเริ่มใหม่ในโลกที่ระบบการแข่งขันไม่ซับซ้อน ในขณะที่ Rebirth เสนอการควบคุมการเล่าเรื่อง (Narrative Control) โดยการใช้ความรู้ในอดีตมาแก้ไขเส้นทางชีวิตในโลกเดิมให้ดีขึ้น
แต่ทั้งสองรูปแบบนี้ล้วนเป็นกลไกทางจิตวิทยาที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่า "มีหนทางที่จะชนะ" ได้ แม้ว่าต้องอาศัยการโกงชะตากรรมก็ตาม
ความนิยมของเรื่องราวเหล่านี้ถูกจับตามองจากนักวิชาการในฐานะปรากฏการณ์ทางสังคมที่สำคัญ
Curtis Lu (เคอร์ติส ลู) นักสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยซานฟรานซิสโก (University of San Francisco) ได้ชี้ให้เห็นถึง "ด้านมืด" ของปรากฏการณ์อิเซไก โดยระบุว่ามีความเชื่อมโยงกับปัญหาทางสังคมที่พบได้ทั่วไปในวัฒนธรรมญี่ปุ่น เช่น ภาวะเก็บตัว (Shut-ins หรือ Hikikomori) และการฆ่าตัวตาย
Lu ชี้ว่า แม้ว่าการหนีโลกจะเป็นเรื่องปกติ แต่ Isekai อาจทำให้ความปรารถนาที่จะ "วาร์ป" หนีความจริงรุนแรงขึ้นจนถึงระดับที่ไม่ดีต่อสุขภาพ การที่ตัวเอก Isekai มักจะประสบปัญหาในชีวิตจริง (เช่น ความเหนื่อยล้าจากการทำงานหนัก หรือความสัมพันธ์ที่ไม่สมหวัง) ยิ่งทำให้ผู้ชมที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกนี้อยากหนีตามไปด้วย
การได้เห็นตัวเอกพบความสุขในโลกใหม่ยิ่งกระตุ้นความต้องการหนีโลกให้รุนแรงขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงความรู้สึกที่ซับซ้อนที่คนญี่ปุ่นจำนวนมากเก็บไว้.11
ในด้านการวิเคราะห์โครงสร้างเรื่องราว Dr. Paul Price (ดร. พอล ไพรซ์) ผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินความเสี่ยงและนักวิเคราะห์มังงะ/อนิเมะ ได้ระบุว่า Isekai มีการจัดองค์ประกอบเรื่องราวที่แตกต่างกันไปตามเพศและอายุของตัวเอก
ซึ่งบ่งชี้ว่าเรื่องราวเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความสนใจและแรงจูงใจที่แฝงอยู่ของกลุ่มผู้อ่านแต่ละกลุ่มโดยเฉพาะ
พล็อตการเกิดใหม่ (ไม่ว่าจะเป็น Isekai หรือ Rebirth) ทำหน้าที่เป็น Narrative Therapy ที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ดู พวกเขาได้เห็นตัวละครที่เริ่มต้นจากจุดที่ต่ำที่สุด (ซึ่งทำให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงได้)
ก่อนจะได้รับพลังวิเศษที่สามารถแก้ไขทุกปัญหาที่โลกจริงไม่ยอมให้แก้ได้ วงจรนี้ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่า "ความล้มเหลวในอดีตเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในอนาคต"
จะเห็นได้ว่าปรากฏการณ์ Isekai และ Rebirth เป็นมากกว่าความบันเทิงชั่วคราว แต่เป็นเครื่องมือทางวัฒนธรรมที่ช่วยให้ผู้คนรับมือกับความเครียดและความรู้สึกไร้ความหมายในสังคมทุนนิยมสมัยใหม่
พวกเขาขายความหวังที่ว่า หากเราได้เริ่มต้นใหม่พร้อมกับความรู้ ประสบการณ์ หรือพลังที่ถูกต้อง เราจะสามารถสร้างชีวิตที่สมบูรณ์แบบและสมหวังได้
แรงขับเคลื่อนของพล็อตเหล่านี้คือการแก้ไขความผิดพลาดในอดีต การใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย (Isekai) หรือการถูกกระทำอย่างอยุติธรรม (Rebirth)
การเกิดใหม่ไม่ได้ให้เพียงโอกาส แต่ให้ความสามารถในการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดโดยอาศัยบทเรียนจากความล้มเหลวในอดีต ทำให้ตัวละครสามารถเดินหน้าอย่างมั่นใจและประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว
แก่นแท้ของความนิยมนี้คือการตอกย้ำว่า "เราทุกคนมีความปรารถนาที่จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น" แม้ว่าเราจะไม่ได้ถูกรถบรรทุกชนเพื่อวาร์ปไปยังโลกแฟนตาซี หรือย้อนเวลากลับไปในช่วงวัยรุ่นก็ตาม แต่ความโหยหาโอกาสครั้งที่สองที่ปรากฏในสื่อเหล่านี้ เป็นเครื่องเตือนใจว่า
ความปรารถนาที่จะทำในสิ่งที่พลาดไปนั้น สามารถลงมือทำได้ทันทีใน 'ชาติปัจจุบัน' นี้ โดยไม่ต้องรอเทพธิดาหรือระบบมาช่วยรีเซ็ตชีวิต การชมเรื่องราวเหล่านี้จึงอาจเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมตระหนักถึงพลังในการเปลี่ยนแปลงของตัวเองในขณะนี้
อ้างอิง
Entertainment / Era / เกิดใหม่ / Isekai / Nippon / Cupola / Anime / Repository / Manga / Sematic / TheDark /