SHORT CUT
ผลสำรวจล่าสุดเผย Gen Z ชาวอเมริกันใช้เวลานอกบ้านน้อยกว่า Gen X ถึง 25% ชี้เหตุผลหลักเพราะเบื่อ ไม่อยากไปคนเดียว แต่กลับได้รับแรงบันดาลใจจาก "ธรรมชาติบนจอ"
ผลสำรวจล่าสุดในกลุ่มผู้ใหญ่ชาวอเมริกัน 2,000 คน เผยให้เห็นเทรนด์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของคน Gen Z (ผู้ที่เกิดระหว่างปี 1997-2012) ซึ่งใช้เวลาอยู่นอกบ้านน้อยกว่าคนรุ่น Gen X (ผู้ที่เกิดระหว่างปี 1965-1980) อย่างมีนัยสำคัญถึง "25%"
ข้อมูลระบุว่า โดยเฉลี่ยแล้ว Gen Z ใช้เวลาอยู่นอกบ้านในวันธรรมดาเพียง 49 นาที และส่วนใหญ่ (24%) เป็นเพียงการเดินทางเท่านั้น เมื่อเทียบกับ Gen X ที่ใช้เวลาถึง 65 นาทีต่อวัน
ที่น่าตกใจคือ "67%" ของ Gen Z ยอมรับว่าพวกเขาสามารถใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้านได้หลายวันติดต่อกันโดยไม่ได้ก้าวเท้าออกไปข้างนอกเลย
สาเหตุหลักที่ทำให้ Gen Z เลือกที่จะอยู่แต่ในบ้าน มาจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย (25%), ไม่มีเวลาเพียงพอ (16%) และที่น่าสนใจคือความรู้สึกไม่อยากออกไปไหนมาไหนคนเดียว (16%)
แม้ว่า Gen Z จะใช้เวลาในโลกแห่งความเป็นจริงนอกบ้านน้อยลง แต่ผลสำรวจกลับพบข้อมูลที่น่าประหลาดใจว่า 67% ของพวกเขายอมรับว่า การได้เห็นภาพธรรมชาติอันสวยงามผ่านหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย (36%), YouTube (35%) หรือรายการทีวี (32%)
กลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่กระตุ้นให้พวกเขาอยากออกไปสัมผัสโลกภายนอก โดยรายการทีวีที่มีอิทธิพลสูงสุดคือ Yellowstone (21%), Our Planet (16%) และ Survivor (14%)
ดร. เพลิน เคเซเบียร์ (Dr. Pelin Kesebir) นักจิตวิทยาสังคม ผู้ร่วมทำวิจัยชิ้นนี้ ให้ความเห็นว่า
งานวิจัยของเราพบว่าการอ้างอิงถึงธรรมชาติในเพลง หนังสือ และภาพยนตร์ ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ทศวรรษ 1950 ซึ่งเป็นสัญญาณของปัญหาสังคมที่ใหญ่กว่า เพราะมันสะท้อนถึง "การตัดขาดจากโลกธรรมชาติที่น่ากังวล"
ผลสำรวจนี้จัดทำขึ้นโดย Super, Natural British Columbia ซึ่งเป็นหน่วยงานการท่องเที่ยวของรัฐบริติชโคลัมเบียในแคนาดา
ซึ่งได้สร้างเครื่องมือดิจิทัลชื่อ The Nature Rating เพื่อให้ผู้คนสามารถตรวจสอบได้ว่าสื่อที่ตนเองบริโภคมีเนื้อหาเกี่ยวกับธรรมชาติมากน้อยเพียงใด โดยหวังว่าจะเป็นการจุดประกายให้ผู้คนหันมาใส่ใจและออกไปสัมผัสธรรมชาติในชีวิตจริงมากขึ้น
ที่มา : NYPost