svasdssvasds

วิธีจัดการความสัมพันธ์ หากโดน 'เพื่อนยืมเงิน' ทำยังไงไม่ให้มิตรภาพพังทลาย

วิธีจัดการความสัมพันธ์ หากโดน 'เพื่อนยืมเงิน' ทำยังไงไม่ให้มิตรภาพพังทลาย

การ "ยืมเงินเพื่อน" ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขอยืมเงินหรือฝ่ายถูกยืม ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะนอกจากจำนวนเงินแล้วยังมีเรื่อง “ความสัมพันธ์” เข้ามา หากไม่มีความชัดเจน สุดท้ายความสัมพันธ์ก็เริ่มห่างเหิน และกลายเป็นคนแปลกหน้าในที่สุด

SHORT CUT

  • ก่อนให้เพื่อนยืมเงินควรตั้งกติกาและข้อตกลงให้ชัดเจน เช่น กำหนดวันคืนและมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อป้องกันปัญหา
  • หากเพื่อนไม่คืนเงินตามกำหนด ควรใช้วิธีประนีประนอม เช่น การเสนอให้ผ่อนชำระ เพื่อรักษามิตรภาพไว้ก่อนใช้กฎหมาย
  • การปฏิเสธอย่างสุภาพและแนะนำแหล่งเงินกู้อื่นๆ เป็นทางออกที่ดีในการรักษาสัมพันธ์ภาพเมื่อไม่สามารถให้ยืมได้
  • หากต้องให้ยืมอีกครั้ง ควรสร้างกฎที่เข้มงวดขึ้น เช่น จำกัดวงเงิน และมีข้อตกลงเรื่องค่าปรับหากผิดนัด

การ "ยืมเงินเพื่อน" ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขอยืมเงินหรือฝ่ายถูกยืม ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะนอกจากจำนวนเงินแล้วยังมีเรื่อง “ความสัมพันธ์” เข้ามา หากไม่มีความชัดเจน สุดท้ายความสัมพันธ์ก็เริ่มห่างเหิน และกลายเป็นคนแปลกหน้าในที่สุด

หลายๆ คนอาจเคยประสบกับปัญหาเรื่อง "เพื่อนยืมเงิน" เป็นสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อน เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องของ "ความสัมพันธ์" ที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ถ้าเพื่อนยืมแล้วเงียบ หายไปไม่คืนเงิน ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีอาจพังลง และต่างฝ่ายต่างจะเริ่มอึดอัดจนกลายเป็น "คนแปลกหน้า" ในที่สุด ซึ่งปัญหาหลัก ๆ ไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงิน แต่อยู่ที่ "ความเกรงใจ" และการขาด "ข้อตกลงที่ชัดเจนตั้งแต่แรก"

วิธีจัดการหนี้ในมิตรภาพเพื่อรักษาสายสัมพันธ์

แยกให้ออกว่าหนักใจเพราะ 'เงิน' หรือ 'เกรงใจ' 

ถ้าหนักใจเพราะ "เงิน" แสดงว่าเงินก้อนนั้นมีความสำคัญต่อภาระหรือแผนชีวิตของคุณ เช่น ค่าเช่าบ้าน หรือเงินเก็บฉุกเฉิน ทางออกคือควรหาวิธี ปฏิเสธคนยืมเงินอย่างสุภาพ

ถ้าหนักใจเพราะ "เกรงใจ" คือคุณมีเงินให้ยืม แต่กลัวทำร้ายความรู้สึกเพื่อนถ้าปฏิเสธ ทางออกคือให้ยืมเงิน แต่ต้อง กล้าพูดตรงๆ ว่าเงินก้อนนี้สำคัญและต้องคืนตามกำหนด ซึ่งถือเป็น "จิตวิทยาการยืมเงิน" เบื้องต้นที่ช่วยรักษามิตรภาพได้

ตั้ง "กติกา" ให้ชัดเจนก่อนให้ยืมเงิน

การตั้งข้อตกลงที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นไม่ใช่เพราะไม่ไว้ใจ แต่เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต ควรดำเนินการดังนี้

  • กำหนดวันคืนเงินให้ชัดเจน
  • ทำสัญญาเงินกู้ยืม หรือเก็บหลักฐานไว้เป็นข้อความแชท วิธีนี้จะช่วยลดโอกาสที่คุณจะต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เพื่อนยืมแล้วไม่คืน จนต้องไป "แจ้งความยืมเงินไม่คืน" ในภายหลัง

จัดการสถานการณ์ยืมไม่คืนเงินอย่าง "ประนีประนอม"

หากเพื่อนยืมแล้วเงินไม่คืน การใช้กฎหมายอาจทำให้ความสัมพันธ์ขาดสะบั้นทันที ทางออกที่นุ่มนวลกว่าคือการใช้จิตวิทยาการทวงเงินแบบประนีประนอม

  • เสนอให้เพื่อน แบ่งจ่ายเป็นงวด เช่น รายอาทิตย์หรือรายเดือน
  • หากเพื่อนติดขัดทางการเงินจริง ๆ อาจเสนอให้ คืนเป็นสิ่งของ หรือทำงานแทน วิธีเหล่านี้จะช่วยให้เพื่อนไม่หลีกเลี่ยงและยังมีโอกาสที่จะรักษามิตรภาพไว้ได้

ถ้าต้องให้ยืมอีกครั้ง ต้อง "สร้างกฎให้แข็งขึ้น"

หากตัดสินใจช่วยเพื่อนอีกครั้งหลังเคยเจอประสบการณ์ไม่ดีมาก่อน การสร้าง "กฎ" ที่เข้มงวดกว่าเดิมเป็นสิ่งสำคัญ

• จำกัดวงเงินให้ยืมเท่าที่สามารถ รับไหว หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน

• ต้องตกลงกันเรื่องค่าปรับหากผิดนัดชำระ 

• ต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรเสมอ ถ้าเพื่อนไม่ยอมรับเงื่อนไขเหล่านี้ ก็ควรใช้ วิธีปฏิเสธคนยืมเงินอย่างสุภาพ เพราะการปฏิเสธในตอนนี้อาจช่วยรักษาทั้งเพื่อนและการเงินได้มากกว่า

ปฏิเสธอย่างชาญฉลาด พร้อมเสนอทางออก

เมื่อเจอการขอยืมเงินก้อนใหญ่ที่เกินกว่าที่คุณจะรับมือไหว ทางออกที่ดีที่สุดคือการปฏิเสธ

  • อย่ามองว่าใจร้าย การปฏิเสธช่วยรักษาทั้งมิตรภาพและการเงินของคุณ
  • แนะนำทางเลือกที่เป็นระบบ แทนที่จะให้ยืมเงิน ให้แนะนำช่องทางการกู้เงินจากผู้ให้บริการทางการเงิน
  • วิธีนี้ไม่ใช่การผลักภาระ แต่เป็นการช่วยให้เพื่อนได้เรียนรู้วิธีจัดการปัญหาด้วยตัวเองอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยลดปัญหา "เพื่อนยืมแล้วเงินไม่คืน" และทำให้มิตรภาพยังคงอยู่ได้อย่างแท้จริง

ตราบใดที่คุณกล้าที่จะ 'วางข้อตกลง' พูดคุยตรงไปตรงมา และใช้วิธีปฏิเสธอย่างสุภาพ เมื่อจำเป็น เรื่องเงินก็จะไม่กลายเป็นกำแพงที่ทำลายความสัมพันธ์ได้ ทั้งมิตรภาพและการเงินก็ยังไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง หากเรามีเส้นแบ่งที่ชัดเจน

related