
SHORT CUT
การ "ยืมเงินเพื่อน" ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขอยืมเงินหรือฝ่ายถูกยืม ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะนอกจากจำนวนเงินแล้วยังมีเรื่อง “ความสัมพันธ์” เข้ามา หากไม่มีความชัดเจน สุดท้ายความสัมพันธ์ก็เริ่มห่างเหิน และกลายเป็นคนแปลกหน้าในที่สุด
หลายๆ คนอาจเคยประสบกับปัญหาเรื่อง "เพื่อนยืมเงิน" เป็นสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อน เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องของ "ความสัมพันธ์" ที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ถ้าเพื่อนยืมแล้วเงียบ หายไปไม่คืนเงิน ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีอาจพังลง และต่างฝ่ายต่างจะเริ่มอึดอัดจนกลายเป็น "คนแปลกหน้า" ในที่สุด ซึ่งปัญหาหลัก ๆ ไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงิน แต่อยู่ที่ "ความเกรงใจ" และการขาด "ข้อตกลงที่ชัดเจนตั้งแต่แรก"
ถ้าหนักใจเพราะ "เงิน" แสดงว่าเงินก้อนนั้นมีความสำคัญต่อภาระหรือแผนชีวิตของคุณ เช่น ค่าเช่าบ้าน หรือเงินเก็บฉุกเฉิน ทางออกคือควรหาวิธี ปฏิเสธคนยืมเงินอย่างสุภาพ
ถ้าหนักใจเพราะ "เกรงใจ" คือคุณมีเงินให้ยืม แต่กลัวทำร้ายความรู้สึกเพื่อนถ้าปฏิเสธ ทางออกคือให้ยืมเงิน แต่ต้อง กล้าพูดตรงๆ ว่าเงินก้อนนี้สำคัญและต้องคืนตามกำหนด ซึ่งถือเป็น "จิตวิทยาการยืมเงิน" เบื้องต้นที่ช่วยรักษามิตรภาพได้
การตั้งข้อตกลงที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นไม่ใช่เพราะไม่ไว้ใจ แต่เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต ควรดำเนินการดังนี้
หากเพื่อนยืมแล้วเงินไม่คืน การใช้กฎหมายอาจทำให้ความสัมพันธ์ขาดสะบั้นทันที ทางออกที่นุ่มนวลกว่าคือการใช้จิตวิทยาการทวงเงินแบบประนีประนอม
หากตัดสินใจช่วยเพื่อนอีกครั้งหลังเคยเจอประสบการณ์ไม่ดีมาก่อน การสร้าง "กฎ" ที่เข้มงวดกว่าเดิมเป็นสิ่งสำคัญ
• จำกัดวงเงินให้ยืมเท่าที่สามารถ รับไหว หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน
• ต้องตกลงกันเรื่องค่าปรับหากผิดนัดชำระ
• ต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรเสมอ ถ้าเพื่อนไม่ยอมรับเงื่อนไขเหล่านี้ ก็ควรใช้ วิธีปฏิเสธคนยืมเงินอย่างสุภาพ เพราะการปฏิเสธในตอนนี้อาจช่วยรักษาทั้งเพื่อนและการเงินได้มากกว่า
เมื่อเจอการขอยืมเงินก้อนใหญ่ที่เกินกว่าที่คุณจะรับมือไหว ทางออกที่ดีที่สุดคือการปฏิเสธ
ตราบใดที่คุณกล้าที่จะ 'วางข้อตกลง' พูดคุยตรงไปตรงมา และใช้วิธีปฏิเสธอย่างสุภาพ เมื่อจำเป็น เรื่องเงินก็จะไม่กลายเป็นกำแพงที่ทำลายความสัมพันธ์ได้ ทั้งมิตรภาพและการเงินก็ยังไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง หากเรามีเส้นแบ่งที่ชัดเจน