สำนักข่าวต่างประเทศแห่รายงานข่าวอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ของไทยถูกศาลตัดสินจำคุก 5 ปี

สำนักข่าวต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น CNN / Reuters / AFP / The Guardian / Financial Times / Aljazeera แห่รายงานข่าวการอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ใช้เวลาอ่านคำพิพากษาถึง 3 ชั่วโมงในคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว โดยศาลมีคำพิพากษาจำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเวลา 5 ปีและมีมติเป็นเอกฉันท์ “ไม่รอลงอาญา”

นอกจากนี้ ศาลฎีกาฯยังมีคำสั่งให้ออกหมายจับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อให้บังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลอีกด้วย ขณะที่ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่ระบุชัดเจนว่าจะมีการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาหรือไม่ โดยทนายระบุว่าขอศึกษาคำวินิจฉัยฉบับเต็มก่อน

CNN รายงานว่า สาเหตุที่นำมาสู่คำพิพากษาเป็นผลสืบเนื่องจากโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจีซึ่งศาลฎีกาฯ มีคำวินิจฉัยว่า เป็นการขายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีการนำข้าวมาเวียนขายแก่ผู้ค้าข้าวในประเทศ เป็นการแสวงหาผลประโยชน์โดยทุจริต และในระหว่างที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมีทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจจากฝ่ายค้าน การตั้งกระทู้ถามจากสภา และคำถามมากมายจากสื่อมวลชน แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับไม่ระงับโครงการ ปล่อยให้โครงการดำเนินต่อไปจนเกิดความเสียหาย และนำมาสู่คำพิพากษาในวันนี้ด้วยความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องลงโทษจำคุก 5 ปี

CNN ได้ย้อนบทสัมภาษณ์ที่ครั้งหนึ่งเคยสัมภาษณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2559 เป็นการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 โดยก่อนเกิดการรัฐประหาร น.ส.ยิ่งลักษณ์เล่าเหตุการณ์ในวันที่ทหารยึดอำนาจ รวมถึงกรณีที่เธอถูกดำเนินคดีอาญาอันสืบเนื่องจากโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งเธอบอกว่า การดำเนินคดีเช่นนี้เป็นเรื่องที่แปลก เพราะโครงการรับจำนำข้าวมุ่งช่วยเหลือประชาชน แต่กลับถูกไต่สวนว่ามีความผิดทางอาญา และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเธอคิดจะเดินทางออกนอกประเทศเหมือนพี่ชายอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร หรือไม่? เธอตอบว่า จะขอยืนหยัดสู้คดี เพราะมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่จะต้องสู้ และไม่มีความคิดที่จะหนี โดยตลอดการสัมภาษณ์นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบคำถามอย่างระมัดระวังโดยมีทนายความร่วมฟังอยู่ด้วย ไปชมคลิปสัมภาษณ์จาก CNN กันครับ (มีบทแปลอยู่ด้านล่างคลิป)

CNN:  เกิดอะไรขึ้นในวันรัฐประหาร? พอจะเล่าให้ฟังได้หรือไม่?

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร:  ขณะนั้นดิฉันอยู่ที่บ้าน หลายคนโทรศัพท์มาบอกดิฉันว่าเกิดรัฐประหาร ตอนแรกดิฉันก็ไม่เชื่อ จึงโทรศัพท์ตรวจสอบไปและพบว่ารัฐมนตรีในรัฐบาลของดิฉันและหัวหน้าฝ่ายตรงข้ามกำลังนั่งประชุมเพื่อหาทางออกให้ประเทศ ถูกทหารกักตัวไว้ทั้งหมด

CNN: คุณเองก็ถูกเรียกตัวไปยังกองทัพบกเพื่อปรับทัศนคติ พอบอกได้หรือไม่ว่าพูดคุยอะไรกันบ้าง?

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร: คณะรัฐประหารบอกให้ดิฉันอยู่เงียบๆ เก็บเนื้อเก็บตัว อย่าเคลื่อนไหวทางการเมือง และทหารขอให้ดิฉันอย่าลงพื้นที่พบปะประชาชนสักระยะหนึ่ง และยังขอให้ดิฉันอย่าโพสต์ข้อความใดๆลงเฟซบุ๊ก

CNN: มันคือการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ จากผู้หญิงผู้ทรงอิทธิพล 100 คนแรกของโลกจากการจัดลำดับของนิตยสารฟอร์บส์ ต้องมาเก็บตัวเงียบๆตามลำพัง

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร: คุณก็ทราบดีว่า เมื่อคุณมีอิสรภาพ สามารถเดินทางไปที่ไหนก็ได้ที่ต้องการ แต่วันหนึ่งไม่สามารถไปไหนได้ ไม่มีใครชอบแน่ๆ

CNN: คุณรู้สึกหรือไม่ว่า คุณควรมีสิทธิในการพูดหรือแสดงความคิดเห็นใดๆเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน?

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร: ดิฉันไม่ได้ขออิสรภาพให้ตัวเอง ดิฉันขอแค่ว่าให้ประชาชนได้อิสรภาพในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในที่สาธารณะ เพื่อที่ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองขณะนี้ จะได้ยินเสียงจากประชาชน

CNN: ครอบครัวชินวัตรและพรรคเพื่อไทยเป็นนักการเมืองของประชาชน จึงไม่น่าแปลกใจที่มีมวลชนรากหญ้าคอยให้การสนับสนุนจำนวนมาก และมากพอจนชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่แล้ว แต่ไม่นานฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลนับพันนับหมื่นประท้วงปิดถนนเรียกร้องให้ลาออก ในขณะเดียวกันยิ่งลักษณ์ยังถูกฟ้องในคดีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งเป็นโครงการยกระดับราคาข้าวให้สูงขึ้นเพื่อยกระดับชีวิตชาวนา โดยถูกกล่าวหาว่าละเลยปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งยิ่งลักษณ์ให้การปฏิเสธ

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร: ดิฉันคิดว่ามันแปลก นโยบายจำนำข้าวมุ่งช่วยเหลือประชาชน ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ แต่กลับให้ดิฉันซึ่งเป็นผู้กำหนดนโยบายเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา

CNN: มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่คุณจะลี้ภัยทางการเมืองเหมือนพี่ชาย"อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร"?

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร: ดิฉันจะอยู่ต่อสู้คดี ดิฉันมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่จะต้องสู้ ทุกสายตาที่จับจ้องดิฉัน ดิฉันให้ความมั่นใจได้ว่า "ดิฉันไม่เคยคิดแม้แต่จะหนี"