ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากหน่วยแพทย์/ปฐมพยาบาลงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ตั้งแต่เวลา 08.00 น. มีผู้มารับบริการหน่วยแพทย์รวม 1.6 หมื่นกว่าคน ส่วนใหญ่อ่อนเพลียเป็นลม ตะคริว อุบัติเหตุและเวียนศีรษะ ซึ่งได้ให้การปฐมพยาบาลด้วยยาดมแอมโมเนีย ทำแผล จ่ายยา นอกจากนี้ยังมีผู้มารับบริการตรวจโรคและรักษา 2,200 กว่าคน นำส่งโรงพยาบาล 67 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวอาการรุนแรงขึ้นจากความอ่อนเพลียและพักผ่อนน้อย ประกอบกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงร้อนสลับฝนตก รวมทั้งการที่ประชาชนอยู่กันอย่างหนาแน่น อากาศถ่ายเทไม่สะดวก ซึ่งทีมแพทย์และทีมจิตอาสาเฉพาะกิจด้านการแพทย์ จะเฝ้าระวังพร้อมให้บริการประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
น.อ.หญิง ลลิดา อิสีประดิษฐ รองผู้อำนวยการ รพ.ทหารเรือกรุงเทพ กรมการแพทย์ทหารเรือ ผู้ประสานงานฝ่ายแพทย์ ในพิธีจัดงานวางดอกไม้จันทน์ ณ พระเมรุมาศ จำลอง ลานด้านหน้าศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา กล่าวว่า ขณะนี้มีประชาชนที่ต่อแถวท่ามกลางอากาศร้อนและประชาชนที่เข้ารับการรักษา เบื้องต้น จากอาการเป็นลมและที่มีอาการไม่หนักมากเข้ารับการรักษาจากหน่วยแพทย์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้าและขณะนี้ราว 1,000 ราย โดยมีประชาชนที่อาการหนักต้องนำส่งต่อรักษาที่โรงพยาบาลเพียง 2 ราย โดยล่าสุดอุณหภูมิหน้าลานด้านหน้าศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ประชาชนเริ่มเดินทางเข้าร่วมเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง
พ.ต.อ.หญิงงามสิน วานิชพงษ์พันธุ์ พยาบาลโรงพยาบาลตำรวจ เป็นหนึ่งในจิตอาสางานแพทย์ เปิดเผยว่า ตนได้เข้ามาช่วยงานตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งภารกิจในวันนี้คือการดูแลประชาชนทั้งหมด รวมถึงบุคคลวีไอพี และเจ้าหน้าที่ ที่มีปัญหาสุขภาพ ทั้งเป็นลมแดด ลื่นล้ม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ ทั้งนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมามีผู้ใหญ่กลุ่มแรกที่วางดอกไม้จันทร์ ยืนรอกลางแดดนานจึงทำให้เกิดเป็นลมแดด 1 ราย สำหรับที่ผ่านมาในหน้าที่ที่ตนรับผิดชอบอยู่ในช่วงการซ้อมที่สนามหลวงแต่ละวันจะมีผู้ป่วยประมาณ 20-30 คน ในส่วนสายการแพทย์เจ้าหน้าที่ทุกคนล้วนเป็นพยาบาลตำรวจ หมอตำรวจ ได้รับพระราชทานยศจากพระองค์ เพราะฉะนั้นสิ่งนี้คือหน้าที่ของข้าราชการทุกคน เพราะเราเป็นข้าของพระราชา เราเป็นพยาบาลของพระราชา เป็นแพทย์ของพระราชา ในหน้าที่ทุกๆ ด้านในวันนี้ เราถือว่าเราเป็นเจ้าภาพที่ต้องดูแลประชาชน
บรรยากาศการเข้าร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่บริเวณราชดำเนินกลาง ตั้งแต่แยกผ่านพิภพลีลา ถึงแยกผ่านฟ้าลีลาศ ว่า ประชาชนยังคงปักหลักเข้าร่วมงานพระราชพิธีฯ อย่างไม่มีท้อถอย ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุ และอากาศที่ร้อนอบอ้าว อย่างไรดีในบรรยากาศที่ร้อนอบอ้าวนั้น ทำให้ประชาชนที่พักผ่อนไม่เพียงพอและเจอภาวะที่ประชาชนเบียดเสียดเพื่อให้เข้าใกล้พื้นที่งานพระราชพิธีฯ มากที่สุด ทำให้หลายคนมีอาการหน้ามืด และเป็นลม
ทั้งนี้ในพื้นที่ตลอดถนนราชดำเนินนั้น มีทีมแพทย์จากโรงพยาบาลต่างๆ พร้อมอาสากู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และประชาชนจิตอาสาพยาบาล หลายคณะเดินสำรวจพื้นที่บริเวณเพื่อคอยดูแลและปฐมพยาบาลประชาชนที่มีอาการเจ็บป่วย สำหรับอาสากู้ภัยพื้นที่ถนนราชดำเนินกลาง ช่วงแยกผ่านฟ้าลีลาศ จนถึง แยกอนุสาวรีย์ประชาธิไตย ได้นำทีมอาสาพยาบาล และทีมกู้ภัยเดินให้บริการประชาชน ทีมแพทย์อาสาช่วงดังกล่าวมีทั้งหมด 8 ทีม จะสลับเดินตรวจพื้นที่และให้บริการประชาชนที่มีอาการเจ็บป่วยโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย แม้จะเดินเท้าตั้งแต่ช่วงเช้า จากการปฏิบัติหน้าที่พบว่ามีประชาชนที่มีอาการไม่สบาย หน้ามืด เป็นลมอยู่เป็นระยะ ทั้งนี้สาเหตุมาจากร่างกายอ่อนเพลีย และพักผ่อนไม่เพียงพอ นอกจากนั้นยังพบประชาชนที่มีภาวะเครียด ชักเกร็ง ซึ่งทีมอาสากู้ภัยและทีมแพทย์อาสาเข้าปฐมพยาบาลให้อาการกลับมาเป็นปกติ
ขณะที่ทีมแพทย์จากโรงพยาบาลพระรามเก้า นายธานินทร์ พุทธขันธุ์ หัวหน้าแผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลพระราม 9 ที่ตั้งจุดพยาบาลที่ตึกเทเวศร์ประกันภัย ให้สัมภาษณ์ว่า ทีมแพทย์ประจำจุดพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม และจะปฏิบัติหน้าที่ไปจนถึงวันที่ 27 ตุลาคมจนกว่างานพระราชพิธีฯ จะแล้วเสร็จ โดยหน้าที่หลักคือการช่วยเหลือ พยาบาลประชาชนที่ล้มป่วย และมีการไม่สบาย ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ตลอดช่วงบริการพบประชาชนที่ป่วยเล็กน้อย อาทิ อ่อนเพลีย, เป็นลม,หน้ามืด ประมาณ 600 คน เฉลี่ยพบผู้ป่วยชั่วโมงละ 30 - 50 คน และมีประชาชนที่ป่วยต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียง เพราะโรคประจำตัวกำเริบ เช่น โรคหัวใจ, ความดันโลหิตสูง ประมาณ 200 คน
นอกจากทีมแพทย์ของโรงพยาบาลพระรามเก้าที่ประจำจุดพยาบาลแล้ว ยังมีทีมสนับสนุนจากอาสากู้ภัยป่อเต๊กตึ๊งที่เดินเท้าภาคสนามเพื่อช่วยเหลือประชาชนเบื้องต้น หากพบว่าคนใดมีอาการที่ต้องพบแพทย์ หรือ ต้องนอนรอดูอาการจะส่งมายังจุดบริการเพื่อรักษาต่อไป ทั้งนี้การทำงานแม้ทีมแพทย์ช่วงงานพระราชพิธีฯ แม้จะเหนื่อยแต่ถือเป็นความภูมิใจของทีมแพทย์ทุกคนที่มีโอกาส ได้ทำงานเพื่อรับใช้เบื้องพระยุคลบาทเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งพวกเราจะทำงานให้สมกับคำที่ทุกคนเรียกขานว่าเป็นทีมแพทย์ของพระราชา