โค้ชเฮงเปิดใจเคยหมดศรัทธา เจอเซียนพนันมาขอล้มบอลกับตัว แต่อยากฝากไว้ คนล้มบอล ไม่มีใครเจริญ นักบอลต้องไม่มือเติบ ให้เกียรติวิชาชีพตัวเอง

จากกรณีปราบปรามขบวนการล็อกผลบอลไทย "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล ประธานพัฒนาเทคนิค สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ อดีตนักเตะทีมชาติที่เคยไปค้าแข้งในญี่ปุ่น และเยอรมนี เปิดเผยกับ ปรากฏการณ์ข่าวเที่ยง สปริงนิวส์ว่า  "ตอนนั้นผมหมดศรัทธาไปเลย บอกโค้ช ไม่ต้องซ้อมหรอก ถ้าจะล้ม ซึ่งผมคิดถูกแล้ว ที่ไม่ไปยุ่งเกี่ยว ไม่อย่างนั้น คงไม่มีโอกาสไปเล่นญี่ปุ่น เยอรมนี แล้วที่ผมดูๆ คนที่เข้าไปรับงานตั้งแต่สมัยก่อน ไม่มีใครเจริญสักคน บางคนตกงานถึงตอนนี้ ตอนมารับหน้าที่สมาคมฯชุดนี้ใหม่ๆ ผมก็เสนอชื่อคนเป็นโค้ช แต่บางคนมีประวัติด่างพร้อย ก็มีคนแย้ง เรื่องแบบนี้ปิดไม่ได้ มันพูดกันปากต่อปาก”

ผมเคยเจอขบวนการล้มบอลกับตัวเอง ในสมัยยังเล่นอยู่ ตนเคยมีประสบการณ์พบเห็นบ่อยครั้ง ครั้งหนึ่ง ราว 20 ปี ก่อน เคยเป็นกัปตันทีมไปแข่งขันประเทศเพื่อนบ้าน  มีเซียนพนันชาวจีนมาเลเซีย 2 คน มาวางเงินให้ 1.5 ล้านบาท ให้เอาไปแจกจ่ายเพื่อนในทีม ล็อกสกอร์ แพ้ 0-2 และบอกว่ากองหลังบางคนรับไปแล้ว แต่ตนไม่เอา เลยกลายเป็นหมาหัวเน่า ตอนแรกตนก็สงสัย ทำไมแย่งกันเป็นกัปตันทีม ถึงมาเข้าใจเหตุผลว่ากัปตันเป็นคนรับงานนี่เอง โดยรูปแบบจ้าง จะเน้นไปที่กองหลัง กับ กองหน้า ที่มีผลกับเกมมาก เป็นผลว่าทำไมบอลไทยจึงตกต่ำ ในครั้งนั้น ต้องขึ้นโรงพักที่นั่นตลอด 3 วันทั้งที่มีการแข่งขัน เพื่อไปชี้ตัวคนที่ว่าจ้างล้มบอล ที่สถานีตำรวจ ยังจำได้ ตอนนั้น เป็นข่าวใหญ่โตมาก

ถามว่า ที่ประเทศนั้น มีขบวนการปราบปรามการล้มบอลไหม มีเพราะที่นั่นเค้าเล่นกันเป็นร้อยเป็นพันล้าน นี่จับได้แค่ 2 คนมันน้อยไป อย่างพรีเมียร์ลีค เล่นกันเป็น 2-3 แสน

เมื่อถามว่า ในเมืองไทย ไม่เคยเจอเหรอ โค้ชเฮงเล่าว่า ที่เราเห็นการผิดพลาดในการตัดสินบ้าง ผู้เล่นเล่นไม่ออกบ้าง ก็นั่นแหละเป็นต้น  แต่จะให้ชี้ชัดไปปรักปรำเค้าว่าเป็นการล้มบอกได้ไหม คงสรุปแบบนั้นไม่ได้ อาจจะเป็นการเล่นฟอร์มต่ำกว่ามาตรฐานก็เป็นได้ ดังนั้น มองด้วยตา ดูไม่ออก แต่อย่างที่ชัด เช่น ทำไมไลน์แมนไม่ยกออฟไซต์ ทำไมไม่เป่า

จริงๆที่มาเลฯเค้าจะเล่นแต่ตัวหลักๆ แต่บ้านเรา ลามไปถึงกรรมการ มันหนักกว่า แย่กว่าเขามาก

ถามว่า ทำไมถึงต้องไปรับเงิน เพราะค่าตอบแทนน้อยไม่พอใช้หรือ ผมก็ว่ามา น่าจะอยู่ที่นักเตะมือเติบเองมากกว่า

การดำเนินคดี 12 คนน้อยไปไหม หรือจริงๆมีมากกว่านี้  โค้ชเฮงบอกว่า ไม่อยากชี้ชัดเช่นกัน แต่ถือเป็นการบั่นทอนฟุตบอลไทย อย่างเวลาที่ผมเสนอชื่อโค้ชทีมชาติ ทุกรุ่น พอเสนอไปแล้ว ก็ไม่ผ่าน คณะกรรมการทุกคนเขาจะร้องยี้กันหมด ทำให้บางคนเลย หายๆไป นี่ถือเป็นปัญหาสำคัญที่ฉุดความเจริญก้าวหน้าในแวดวงฟุตบอลอาชีพของไทย

สำหรับทั้ง 12 คน ที่ถูกเปิดชื่อออกมาจะถือว่าเป็นการจบอนาคตในวงการเลยได้ไหม เห็นว่า คงต้องลงโทษให้หนัก เพราะเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 ของโลก ทุกคน  ที่ลงไปเล่น ต่างให้เกียรติต่ออาชีพของตัวเองทั้งนั้น คนเพียง 2-3 คน มาทำในลักษณะนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้ฟุตไทยล้มเลย

ส่วนการล้มบอล ถือเป็นความผิดเฉพาะบุคคล หรือ เป็นกลุ่มมาเฟีย ตนเห็นว่า อย่างที่ญี่ปุ่น นักบอลจะถูกห้ามรับของ ทั้งจากคนที่รู้จักและไม่รู้จัก เพราะเชื่อว่า พฤติกรรมแบบนี้ มาจากต่างประเทศ

การเปิดโปงครั้งนี้ ยอมรับว่า ยากที่จะปราบได้หมด เพราะเมืองไทยมีหลายเจ้า (หัวเราะ) มีรับแทงกันหลายกลุ่ม อย่างสมมุติ ผมว่าจ้าง นายเอ เพื่อล้มให้ผม 2-0 แต่ปรากฏว่า มีอีกคนมาเจ้าให้นายเอ เตะได้มากกว่า 2-0 อย่างนี้  อย่างไรก็ตาม โค้ชเฮง ยืนยันว่า วงการบอลไทย ต้องเดินหน้าต่อไป ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะคนไทยส่วนน้อยที่ยังเห็นแก่ตัว ในอนาคต หากจะมีการตรวจสอบ ต้องวิเคราะห์ ใช้วิจารณญาณ และมุมมอง เพราะถ้า คน 2-3 คน จ้องจะล้มบอล จนทำให้คนทั้งทีมเล่นไม่ออกคงไม่ใช่