ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
วันที่ 26 พ.ย.60 พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้เดินทางมาประชุม ร่วมกับ พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม และคณะทำงานติดตามดำเนินคดีขบวนการรับจ้างทำผิดแทน ในคดีครูจอมทรัพย์ ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เพื่อเป็นการติดตามความคืบหน้าวางแนวทางในการสอบสวน
โดยในวันนี้ได้มีการทำการสอบสวนเพิ่มเติมเป็นวันที่ 2 สำหรับครูจอมทรัพย์ หลังมีการติดตามจับกุมตัวมาได้ ตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา (25 พ.ย.) เพื่อเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ดำเนินการตามกฎหมาย เบื้องต้นทางครูจอมทรัพย์ยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขณะทางตำรวจได้มีการแจ้งข้อหาไว้เบื้องต้น คือ ร่วมกันนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในข้อสำคัญในคดี ในการพิจารณาคดีอาญา และซ่องโจร หลังถูกดำเนินคดี เกี่ยวกับการสร้างขบวนการรับจ้างทำผิดในคดีขับรถชนคนตาย รวมถึงมีการขอรื้อฟื้นคดี โดยอ้างว่าตกเป็นแพะ เหตุเกิดตั้งแต่ปี 2548
ทางด้าน พ.ต.อ.เสฏฐวุฒิ รอดจันทร์ ผกก.สืบสวนนครพนม ร่วมกับกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ควบคุมตัว นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในคดีขบวนการรับจ้างทำผิดแทนครูจอมทรัพย์ เดินทางมายัง กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เพื่อทำการสอบสวน ขยายผลเชื่อมโยงเอาผิดกับขบวนการรับจ้างทำผิด ซึ่งรายนี้ถือเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญ เนื่องจากเป็นคนบงการ จัดหาผู้รับจ้างมารับผิดแทนครูจอมทรัพย์ โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ไปติดตามจับกุมตัวมาได้ในพื้นที่ กทม. หลังหลบหนีจากบ้าน จ.มุกดาหาร เพื่อกบดาน ที่ กทม. แต่หนีไม่รอด
ทั้งนี้จะมีการสอบสวน เชื่อมโยงหลายประเด็น ตามคำให้การของ นายสับ วาปี ว่ามีผู้ว่าจ้าง รวมถึง ยืนยันว่า ครูอ๋อง และ ครูจอมทรัพย์ มีส่วนรู้เห็น ในการจัดตั้งขบวนการรับจ้างทำผิดแทนตั้งแต่ต้น จนมาถึงการพิจารณาไต่สวนรื้อคดี เบื้องต้น ครูอ๋อง ถูกดำเนินคดีแจ้งข้อหา รวม 3 ข้อหา ประกอบด้วย ให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน รวมถึง เบิกความเท็จ และซ่องโจร
พล.ต.อ.ดร.วิระชัย หลังจากสอบสวนเบื้องต้น ทาง“ครูอ๋อง” รับสารภาพว่า ได้ร่วมทำจริง ในการว่าจ้างคนไปรับผิดแทนครูจอมทรัพย์ เริ่มจาก นายเสริฐ รูปสะอาด ตกลงเป็นเงิน 2 แสนบาท แต่เกิดปัญหา เพราะพยานหลักฐาน ไม่สามารถสร้างความเชื่อถือได้ จึงยกเลิกหันมา ว่าจ้าง นายสับ วาปี เป็นเงิน 4 แสนบาท แต่การว่าจ้าง ยังไม่มีการจ่ายเงิน แต่มีการนำเงินให้ นายสับ วาปี ไปวางศาลจังหวัดนครพนม ในการชดใช้ค่าความเสียหายแก่ญาติผู้ตาย เพื่อเป็นการยืนยันว่า นายสับ วาปี เป็นคนขับรถ ที่จะนำเป็นหลักฐานในการช่วยเหลือครูจอมทรัพย์
โดยหลังจากนี้จะมีการเร่งสอบสวนเพิ่มเติม รวบรวมพยานหลักฐาน พิจารณา เกี่ยวกับฐานความผิดต่างๆ หากมีการเข้าข่ายเชื่อมโยงอาจต้องมีการแจ้งข้อหาเพิ่ม ตามขั้นตอนของกฎหมาย นอกจากนี้ในส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง หากมีการตรวจสอบ พบว่าเชื่อมโยงถึงใครจะดำเนินคดีทุกราย สำหรับครูจอมทรัพย์ ยืนยันว่า มีพยานหลักฐานชัดเจน ว่ามีส่วนรู้เห็น ตั้งแต่ต้นแน่นอน ในการวางแผน สร้างพยานเท็จ ซึ่งจะต้องมีการหารือตรวจสอบรวบรวมหลักฐานโดยละเอียด ดำเนินคดีตามกฎหมายถึงที่สุด