เปิดใจเพื่อนบ้านเสก โลโซ ที่โคราช เผยอดีตเคยเป็นเด็กเรียนเก่ง ร่าเริง กล้าแสดงออก แต่ชื่อเสียงฉุดให้คนเปลี่ยน ต่างจากพี่ชายราวฟ้ากับเหว
วันนี้(4 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีนายเสกสรร ศุขพิมาย หรือ เสก โลโซ นักร้องชื่อดัง ยิงปืนขึ้นฟ้า 10 นัด เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2560 ภายหลังจากเล่นคอนเสิร์ตภายในวัดเขาขุนพนม อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังบุกจับดำเนินคดี กลายเป็นข่าวดังเป็นที่วิพากษ์วิจารในสังคมไทยอย่างกว้างขวางอยู่ในขณะนี้นั้น
ล่าสุด วันนี้ (4 ม.ค. 61) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ไปที่บ้านโคกหนองไผ่ ต.สายออ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเสก โลโซ พบว่าบ้านหลังดังกล่าวไม่มีใครอยู่ภายในบ้าน โดยได้ใส่กุญแจปิดประตูรั้วบ้านอย่างมิดชิด บรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา สอบถามเพื่อนบ้านหลายคน ต่างบอกว่าบ้านหลังนี้มีเพียงนางปลิว สุขพิมาย อายุ 62 ปี ซึ่งเป็นมารดาของเสก โลโซ อาศัยอยู่คนเดียวเท่านั้น ส่วนลูกๆ ต่างก็แยกย้ายกันไปสร้างครอบครัวอยู่ที่อื่นกันหมด ซึ่งเมื่อช่วงวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา นายอมร ศุขพิมาย หรือแสน นากา พี่ชายของเสก ได้พาคุณแม่เข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปให้กำลังใจลูกชาย
นายเกรียงศักดิ์ โฉมสันเทียะ เพื่อนบ้านซึ่งมีรั้วบ้านติดกัน เล่าว่า เสก โลโซ ไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านนานกว่า 3 ปีแล้ว ครั้งล่าสุดเห็นมาทอดผ้าป่าที่วัดบ้านโคกหนองไผ่ หลังจากนั้นก็ไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ตลอด ส่วนกรณีที่พี่เสก ไปยิงปืนขึ้นฟ้านั้น ก็คงจะเป็นเรื่องของความคึกคะนองส่วนตัว ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่าพี่เสกคิดอะไรอยู่ แต่ได้ยินข่าวแล้วก็รู้สึกตกใจ กับการกระทำดังกล่าวของพี่เสก
ด้านนางชูชิด พรมเกาะ เพื่อนบ้านเล่าว่า ตนเองนั้น เห็นเสก โลโซ ตั้งแต่ตัวยังเล็ก ปกติเขาจะเป็นคนที่ร่าเริง แจ่มใส คุยเก่ง และชอบแสดงออก แต่เมื่อเวลาผ่านไป จนได้กลายเป็นศิลปินดัง ก็ทำให้ไม่ค่อยได้เจอกัน จึงไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้จะเป็นคนสนุกสนาน ร่าเริง เหมือนเดิมหรือไม่ กระทั่งล่าสุดมีข่าวการยิงปืนขึ้นฟ้าก็รู้สึกตกใจ และสงสารนางปลิว มารดาของเสก เพราะทุกครั้งที่มีข่าวของลูกชายทำเสียหาย แกก็จะซึมเศร้า กลัวว่าแกจะคิดมากจนสุขภาพร่างกายไม่ดี
ขณะที่นางอัญชัญ จันทร์ศร อายุ 47 ปี เจ้าของร้านค้า ซึ่งเปิดร้านอยู่ติดกับรั้วบ้านของเสก โลโซ เล่าว่า ในอดีตนั้น ตนเองเป็นนักเรียนรุ่นพี่ ที่โรงเรียนบ้านโคกหนองไผ่ เขาจะเป็นคนที่เรียนเก่งมาก เวลาครูให้อ่านข่าวภาษาอังกฤษหน้าเสาธง จะสามารถอ่านได้อย่างคล่องแคล่ว และชอบแสดงออกด้านดนตรี จนเป็นที่รักของเพื่อนๆ ในโรงเรียน ต่อมาเมื่อเติบโตขึ้น ก็ได้ไปเป็นศิลปินนักร้อง จนกระทั่งมีชื่อเสียงโด่งดังระดับแนวหน้าของไทย เมื่อกลับมาบ้านทุกครั้งก็จะมีการ์ด คอยคุมหน้า คุมหลัง ทำให้ชาวบ้านเข้าไม่ค่อยถึงตัวนัก ชาวบ้านที่นี่จึงเริ่มรู้สึกห่างเหินกับเสก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ขณะที่นายอมร ศุขพิมาย หรือแสน นากา พี่ชายของเสก ก็ได้เป็นศิลปินนักร้องเหมือนกัน แต่เขาเป็นคนที่ทำตัวเรียบง่าย เมื่อมาบ้านก็จะเข้ามาทักทาย พูดคุยกับเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด แม้ล่าสุดที่มาแสดงในงานปิดทองฝังลูกนิมิต ที่วัดโคกน้อย ต.สายออ อ.โนนไทย เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.60 ก็ยังมาเล่นกับตนที่บ้านเหมือนคนในหมู่บ้านทั่วๆ ไป ทำให้ชาวบ้านที่นี่รู้สึกรักและผูกพันกับแสน มากกว่าเสก ซึ่งตนมองว่า ความมีชื่อเสียงโด่งดัง ทำให้คนเราเปลี่ยนไป จึงขอฝากไปถึงเสกด้วยว่า จะทำอะไรก็ให้ใจเย็นๆ เข้าไว้ เพราะตัวเองเป็นศิลปินดัง เป็นคนของประชาชน ยอมถูกจับตามองจากสังคมทั่วไป ถ้าทำดีก็ย่อมได้รับเสียงชื่นชม แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็จะมีคนคอยซ้ำเติม และส่งผลถึงคนในครอบครัว เช่นมารดาด้วย