svasdssvasds

บ้านหนองจาน พื้นที่ไทยช่วยผู้อพยพ สู่ข้อพิพาทดินแดนกับกัมพูชา

บ้านหนองจาน พื้นที่ไทยช่วยผู้อพยพ สู่ข้อพิพาทดินแดนกับกัมพูชา

บ้านหนองจาน ไทยช่วยผู้อพยพกัมพูชา กลับถูกอ้างสิทธิ์ดินแดน! สะท้อน "ทำคุณบูชาโทษ" ที่ประวัติศาสตร์ไม่เคยโกหก

SHORT CUT

  • ประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวกัมพูชาผู้ลี้ภัยสงครามอย่างกว้างขวาง
  • สถานการณ์ได้พลิกผันเมื่อรัฐบาลกัมพูชาที่เข้มแข็งขึ้นในภายหลังได้เข้ายึดเอาแนวรั้วลวดหนามที่ไทยสร้างไว้เป็นแนวเขตแดน ส่งผลให้พื้นที่บ้านหนองจานตกอยู่ในความครอบครองของชาวกัมพูชาในที่สุด
  • ปัจจุบัน ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าพื้นที่บ้านหนองจานเป็นดินแดนของตน

บ้านหนองจาน ไทยช่วยผู้อพยพกัมพูชา กลับถูกอ้างสิทธิ์ดินแดน! สะท้อน "ทำคุณบูชาโทษ" ที่ประวัติศาสตร์ไม่เคยโกหก

ในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ยามยากลำบากถือเป็นหลักการสำคัญที่ได้รับการยกย่อง แต่สำหรับ บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว พื้นที่ที่ครั้งหนึ่งประเทศไทยเคยอ้าแขนต้อนรับชาวกัมพูชาผู้ลี้ภัยสงครามอย่างอบอุ่น กลับกลายเป็นจุดที่เกิดข้อพิพาทอธิปไตยในปัจจุบัน สถานการณ์นี้สะท้อนสำนวนไทยที่ว่า "ทำคุณบูชาโทษ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดจากการถูกบิดเบือนประวัติศาสตร์และเจตนาดีของไทย

วิกฤตการณ์กัมพูชาและบทบาทของไทย ตั้งแต่ก่อนปี 2518 จนถึงปี 2542 ประเทศกัมพูชาต้องเผชิญกับสงครามกลางเมืองและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคเขมรแดงที่เข้ายึดอำนาจในปี 2518 ทำให้เกิดสภาวะอดอยากรุนแรงและทุ่งสังหาร ชาวกัมพูชาจำนวนมากจึงต้องหนีตายข้ามพรมแดนเข้าสู่ประเทศไทยเป็นระลอก การอพยพครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี 2522 เมื่อกองกำลังทหารเวียดนามเข้ารุกรานกัมพูชาธิปไตย ทำให้มีชาวกัมพูชาไหลบ่าเข้ามาในไทยจำนวนมหาศาล

ประเทศไทยซึ่งเผชิญกับภาระผู้ลี้ภัยจำนวนมาก ได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยการจัดตั้งศูนย์และค่ายอพยพตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งค่ายเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในดินแดนไทยและลึกเข้ามาในประเทศ บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เป็นหนึ่งในค่ายผู้อพยพขนาดใหญ่ลำดับแรกๆ ที่มีการจัดตั้งและบริหารจัดการในช่วงปี 2519-2520 ในเดือนสิงหาคม 2522 ค่ายหนองจานมีผู้อพยพประมาณ 13,000 คน น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ยืนยันว่า บ้านหนองจานตั้งอยู่ลึกเข้ามาในเขตไทยระหว่างหลักเขตที่ 46 และ 47

องค์กรข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และองค์กรบรรเทาทุกข์อื่นๆ เช่น CARE และ UNBRO ได้ร่วมกับรัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลือด้านอาหาร เวชภัณฑ์ และปัจจัยยังชีพ เหตุการณ์ "Land bridge" หรือ "สะพานชีวิตแห่งหนองจาน" ในปี 2523 เป็นเส้นทางการขนส่งอาหารและเมล็ดพันธุ์ข้าว โดยมีการแจกจ่ายให้ผู้อพยพกว่า 340,000 ราย เพื่อให้พวกเขาสามารถทำนาและหาปลาเลี้ยงชีพได้ สระน้ำที่ยูเอ็นขุดให้ก็ตั้งอยู่ในเขตไทยเช่นกัน นอกจากนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก็เคยเสด็จพระราชทานความช่วยเหลือด้วยพระองค์เองที่ค่ายเขาอีด่าง ซึ่งเป็นค่ายผู้ลี้ภัยขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง

รัฐบาลไทยได้ตกลงกับ UNHCR เพื่อจัดพื้นที่พักพิง โดยขอใช้ที่ดินของชาวบ้านคนไทยในบริเวณนั้น และได้สร้างแนวลวดหนามเพื่อป้องกันไม่ให้ชาวกัมพูชาล้ำเข้ามาในพื้นที่ที่จัดให้และไม่ให้ปะปนกับคนไทย

การเปลี่ยนแปลงและข้อพิพาทในปัจจุบัน แม้ว่าประเทศไทยจะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเต็มที่ แต่เมื่อสถานการณ์ในกัมพูชากลับสู่ภาวะปกติ ราษฎรกัมพูชาบางส่วนกลับไม่ยอมเดินทางกลับประเทศและยังคงพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ของประเทศไทย ปัญหาเริ่มชัดเจนขึ้นในช่วงปลายปี 2522 เมื่อกลุ่มเขมรเสรีเข้าแทรกสอดและปล้นคนไทยในพื้นที่หลายครั้ง ค่ายผู้อพยพหนองจานยังถูกโจมตีจากกองกำลังทหารเวียดนามหลายครั้งระหว่างปี 2523-2529

ในสมัยรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ซึ่งมีนโยบาย "เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า" สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป เมื่อรัฐบาลกัมพูชาที่มีความเข้มแข็งขึ้นในภายหลังได้ เข้ายึดเอาแนวรั้วลวดหนามที่ไทยสร้างไว้เป็นแนวเขตแดน ส่งผลให้ พื้นที่บ้านหนองจานตกอยู่ในความครอบครองของชาวกัมพูชาในที่สุด

ปัจจุบัน ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าพื้นที่บ้านหนองจานเป็นดินแดนของตน และมีการประท้วงการวางรั้วลวดหนามของทหารไทย โดยกล่าวอ้างว่ามีการเคลื่อนย้ายหลักเขตแดน โฆษกกองทัพบกของไทยได้ชี้แจงว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นอาณาเขตของประเทศไทย และการติดตั้งแนวรั้วลวดหนามเป็นเพียงการวางเครื่องกีดขวางเพื่อรักษาความปลอดภัยของกำลังพลและป้องกันการลักลอบเข้ามาด้วยอาวุธ ไม่ใช่การระบุแนวเขตแดน

กองทัพบกไทยยืนยันว่า ฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงโดยการสนับสนุนให้ราษฎรมาสร้างถิ่นฐานอย่างถาวรทั้งในและนอกพื้นที่อ้างสิทธิ์ในฝั่งประเทศไทย กองกำลังบูรพาได้ดำเนินการประท้วงร้องเรียนฝ่ายกัมพูชาในเวทีต่างๆ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน แต่ฝ่ายกัมพูชากลับนิ่งเฉย โฆษกกองทัพบกยังระบุว่า การกระทำของกัมพูชาที่ใช้ประชาชนเป็นผู้ออกหน้ารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทยนั้นเป็นเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ และอาจเป็นการวางแผนอย่างเป็นระบบเพื่อบิดเบือนข้อมูลและทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในสายตาสังคมโลก

ประวัติศาสตร์ของบ้านหนองจานเป็นเครื่องยืนยันถึงความเมตตาและน้ำใจของประเทศไทยที่เคยยื่นมือเข้าช่วยเพื่อนบ้านในยามวิกฤต อย่างไรก็ตาม การกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่บิดเบือนความจริงและพยายามอ้างสิทธิ์ในดินแดนที่ไทยเคยให้การช่วยเหลือ เป็นการกระทำที่ "ประวัติศาสตร์ไม่เคยโกหก" ดังที่ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ กล่าวไว้ ปัจจุบัน คนไทยกลับถูกจับและดำเนินคดีในแผ่นดินของตนเอง ในขณะที่ฝ่ายไทยยังคงพยายามแก้ปัญหาด้วยสันติวิธีและสื่อสารข้อเท็จจริงให้ประชาคมโลกได้รับทราบ เรื่องราวของบ้านหนองจานจึงเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนความซับซ้อนของปัญหาชายแดน และเตือนใจถึงผลลัพธ์อันไม่พึงประสงค์ของการทำความดีที่อาจกลายเป็นการ "ทำคุณบูชาโทษ" ได้ในที่สุด

อ้างอิง

MG1 / MG2 / Thai /

related