svasdssvasds

ญาติโวยหมอวินิจฉัยโรคผิด!ทำหลานวัย5เดือนดับ ร้องขอให้น้องเป็นคนสุดท้าย

ญาติโวยหมอวินิจฉัยโรคผิด!ทำหลานวัย5เดือนดับ ร้องขอให้น้องเป็นคนสุดท้าย

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

หลังจากที่มีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก ชื่อโด’ นัท โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความระบุว่า "ฝากไว้เตือนเป็นอุทาหรณ์ ขอให้น้องเป็นคนสุดท้ายที่โชคร้ายเถอะค่ะ อย่าเมินเฉยเด็กน้อยตาดำๆ เลย เลย เขาเกิดมาก้อยากใช้ชีวิตแบบคนอื่นๆแต่น้องไม่มีโอกาสได้ใช้ น้องยังไม่ทันได้เรียกชื่อพ่อแม่เลย ต้องมาเป็นแบบนี้.. เป็นใครก้รับไม่ได้ ทำใจไม่ได้ ขอเถอะค่ะ คุณเรียนมาเพื่อรักษาผู้ป่วยให้หายไม่ใช่ดูเฉยๆแต่ไม่ทำอะไรให้ ถ้ารู้ว่าทำไมได้ควรส่งไปรักษาที่อื่น อย่ากักตัวไว้ ที่ผ่านมาดังไม่พอหรอ?? พอเถอะนะคะ อย่าไปทำแบบนี้อีก.. #ขอให้น้องเป็นเคสสุดท้ายและคนสุดท้ายของโรงพยาบาล โดยข้อความดังกล่าวถูกโพสต์เมื่อเวลา 20.59 น.วันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา

วันที่ 23 ก.พ.61 ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าที่บ้านหลังดังกล่าว เป็นบ้านไม้ยกพื้นใต้ถุนสูง ที่ใต้ถุนบ้านมีการจัดงานสวดอภิธรรมศพให้กับ ด.ญ.จิรภิญญา ( ขอสงวนนามสกุล) โดยตั้งโลงเย็นไว้ใต้ถุนบ้าน พร้อมกับรูปของเด็กหญิงที่เสียชีวิต ขณะที่นางจรูญ ผู้เป็นย่าและเป็นผู้เลี้ยงดูเด็กหญิง เล่าให้ฟังว่า แต่เดิมเด็กเป็นโรคเลือดจาง แต่ก็เป็นเด็กร่าเริง ไม่งอแง ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ก.พ. น้องเป็นไข้ตัวร้อน ตนจึงพาเด็กไปรักษาตัวที่คลินิกเด็กแพทย์ยิ่งรัก อ.ด่านขุนทด ทางคุณหมอแนะนำให้ไปตรวจที่ ร.พ. เนื่องจากมีอาการเกี่ยวกับปอดทางคลินิกไม่มีเครื่องมือตรวจ เมื่อช่วง 02.00 น. ของวันที่ 11 ก.พ. เด็กมีอาการไข้ขึ้นสูงจึงได้พาเด็กไปรักษาที่ร.พ.ด่านขุนทด ในช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีแพทย์เฉพาะทาง มีเพียงพยาบาลเวรบอกว่าเด็กเป็นไข้หวัดและให้กลับบ้านได้แต่พวกตนได้ขอให้เด็กนอน ร.พ. เพราะรู้สึกกังวลว่าหลานอาการไม่ค่อยดี แต่ทาง ร.พ. ก็ยังยืนยันให้เด็กกลับบ้านพร้อมกับถามกลับว่า "อยากนอนโรงบาลมากแท้ๆ แน" จากนั้นจึงได้พาเด็กกลับบ้าน กระทั่งวันที่ 12 ก.พ. อาการของเด็กยังไม่ดีขึ้น ตนจึงได้พาเด็กไปรับการรักษาที่ คลินิกเด็กแพทย์ยิ่งรักอีกครั้ง จากนั้นทางคลินิกจึงทำเรื่องส่งตัวมารักษาที่ ร.พ.แห่งหนึ่ง เนื่องจากเด็กมีอาการเกี่ยวกับปอด ซึ่งคราวนี้ ร.พ.รับไว้เป็นคนไข้ใน และ ทำการเอ็กซเรย์ รักษาตามอาการ โดยยืนยันว่าเด็กเป็นไข้หวัดและมีอาการปอดบวมจึงให้นอนดูอาการที่ ร.พ.

ญาติของเด็กเล่าอีกว่า ผ่านไป 5-6 วัน อาการของหลานไม่ดีขึ้น มีแต่ทรุดกับทรุด ตนจึงขอให้หมอส่งตัวเด็กไปรักษาต่อที่ ร.พ.มหาราชนครราชสีมา แต่หมอไม่ยอมส่ง ตนจึงแจ้งว่าจะขอนำตัวเด็กออกจาก ร.พ. และจะพาเด็กไปรักษาที่ ร.พ.เอกชนเอง ทาง ร.พ.จึงยอมทำเรื่องส่งต่อไปรักษาที่ ร.พ.มหาราชนครราชสีมา หลังจากหมอของร.พ.มหาราชฯได้ตรวจอาการแล้ว จึงแจ้งกับตนว่า เด็กมีก้อนเนื้ออยู่ที่ปอด ไม่รู้ว่าจะรักษาได้ดีแค่ไหน ถ้ามาก่อนหน้านี้สัก 3 วัน น่าจะรักษาได้ดี จากนั้นหลานของตนก็ทรุดลงอย่างหนักจนวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา เด็กก็เสียชีวิต ตนมั่นใจว่าถ้า ร.พ.ด่านขุนทด วินิจฉัยโรคได้ถูกต้องตั้งแต่แรก และ รีบส่งรักษาต่อที่ ร.พ.มหาราชนครราชสีมา ตั้งแต่วันแรกๆ หลานของตนก็จะไม่เสียชีวิตอย่างนี้

ขณะที่ญาติๆอีกส่วนหนึ่ง เตรียมก่อโลงปูนซีเมนต์ที่ข้างเมรุ วันบ้านหนองปรือ ต.บ้านแปรง เพื่อเตรียมเก็บร่างเด็กหญิงเอาไว้ก่อน เพราะอยากให้ทาง ร.พ.ด่านขุนทด ออกมารับผิดชอบ ว่า วินิจฉัยโรคผิดจริงและอยากให้พยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ที่ ร.พ. ใส่ใจคนไข้ใกล้ชิดกว่านี้ ไม่ควรจะปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน จนยากแก่การรักษา และอยากให้เครสของหลานตนเป็นตัวอย่าง ว่าให้หมอวินิจฉัยโรคให้ดี ไม่อยากให้มีเด็กหรือคนไข้ เสียชีวิตเพราะการวินิจฉัยโรคผิดแบบนี้อีก

related