ภารกิจค้นหา 13 ชีวิต ทีมหมูป่าอะเคเดมี่ ที่ยังคงติดอยู่ในถ้ำหลวงเป็นเวลา 9 คืนแล้ว นอกจากเหล่าทหาร เจ้าหน้าที่กูภัย และจิตอาสา ที่ต่างร่วมแรงร่วมใจในการทำทุกอย่างเต็มความสามารถ เพื่อทำภาพกิจนี้ให้สำเร็จ อีกหนึ่งหน่วยงาน ที่ตามติดภารกิจนี้มาตั้งแต่วันแรกๆ คือ ผู้สื่อข่าวภาคสนาม ที่ลงพื้นที่ เพื่อเผยแพร่ข่าวสารให้กับประชาชนได้รับชม
โดย คุณทศพล ชัยสัมฤทธิ์ผล นักข่าวภาคสนามของสปริงนิวส์ ที่ได้ลงปฏิบัติหน้าที่จริง มาตั้งแต่วันแรกได้เล่าถึงประสบการณ์ในการลงพื้นที่ ในช่วง 4 วัน ถึงความยากลำบากในการทำงาน ทั้งของตัวนักข่าวเอง และบรรดาเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ โดยระบุว่า
ช่วง 4 วันมานี้ ได้ติดตามภารกิจสำรวจโพรงเชื่อมโถงในถ้ำหลวงแบบต่อเนื่อง สองวันปีนเขา หนึ่งวันเดินป่า...ขนาดเราเคยวิ่ง Trail มาหลายรายการ ยังต้องโอดครวญว่า 'โหด'
ผู้สื่อข่าว โดยเฉพาะช่างภาพ ต้องนำกล้อง ขาตั้งกล้อง ชุดอุปกรณ์สด แบตเตอรีสำรอง กระเป๋าสะพาย เสบียงน้ำ และอาหาร เฉลี่ยมีสัมภาระติดตัวคนละ 7-15 กิโลกรัม
จินตนาการ ฝนตกหมาดๆ ดินกลายเป็นเลน ลื่นมากจนแทบสไลด์ลงไปได้ แถวยังห้อมล้อมด้วย ไม้ไผ่ปลายแหลม กิ่งไม้อุดมหนามทิ่มตำ หินขอบคมๆ แมลงสุดต่อยหนัก มดคันไฟ แตน บุ้ง หนอน
การเดินขึ้นนั้น 2-3 ชั่วโมง เพื่อ Footage และการรายงานสดเป็นข้อมูลชุดนึง นั่งรอสังเกตการณ์ภารกิจ ทนฝนตก มดกัด หิวน้ำ ก่อนจะกลั้นใจไปเผชิญกับทางลงวัดใจ อีก 2-3 ชั่วโมง (ขาลงนี่หรรษายิ่งกว่าตอนขึ้น ลื่นมาก จนอยากกระโดดร่มลงไป)
สื่อบางคนโชคร้าย ล้มผิดท่า เกาะผิดจุด กล้องและอุปกรณ์เสียหายอีก...แน่นอน เจ้าของอุปกรณ์ต้องรับผิดชอบ ไม่ก็ชี้แจงทางช่อง (ชุดสดมีราคาหลายแสนถึงล้าน กล้องหลายหมื่นถึงหลายแสน)
ค่าเสี่ยงภัยบางช่องไม่ได้ มีแค่ประกันหมู่ เบี้ยเลี้ยงน่ะหรือ บางทีมน้อยแค่ 350 บาทต่อวัน (จ่ายค่าข้าวก็จะหมดละ) กลับมาแล้วป่วยไข้ เมื่อยล้า ปวดกล้ามเนื้อ ก็ต้องทน เช้ามาก็ทำงานต่อ
ร่ายยาวมาถึงนี่ แค่อยากสื่อว่า "สื่อมวลชนที่อาสาด้วยสปิริต ปีนดอย ปีนเขา ติดตามภารกิจสำรวจโพรง" พวกเราทำด้วยใจ และต้องการนำข้อมูลความเป็นไปได้ของมิติการช่วยเหลือนี้ นำเสนอต่อคุณผู้ชมทางบ้านนั่นเอง นี่แลคือหน้าที่จากใจของ "สื่อสารมวลชน"