ตามความคาดหมาย ที่ประชุม สนช.ลงมติเห็นชอบว่าที่ กกต.ชุดใหม่เพียง 5 คน ขณะที่สมชาย ชาญณรงค์กุลและนายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ถูกตีตก เนื่องจากมีปัญหาเรื่องคดีและถูกร้องเรียนเรื่องความเป็นกลางทางการเมือง
ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ประชุมลับนานกว่า 3 ชั่วโมง เพื่อพิจารณาประวัติ ความประพฤติ และทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง กกต. ตลอดจนเอกสารและข้อร้องเรียนจากหน่วยงานต่างๆ ก่อนลงมติลับในคูหา ให้ความเห็นชอบ ว่าที่ กกต. ใหม่ เพียง 5 คน ประกอบด้วย
[caption id="attachment_305951" align="aligncenter" width="768"] นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี[/caption]
[caption id="attachment_305952" align="aligncenter" width="768"] นายอิทธิพร บุญประคอง อดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย [/caption]
[caption id="attachment_305953" align="aligncenter" width="768"] นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง[/caption]
[caption id="attachment_305954" align="aligncenter" width="599"] นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา [/caption]
[caption id="attachment_305955" align="aligncenter" width="692"] นายปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา [/caption]
โดย 2 คนสุดท้ายมาจากความเห็นชอบของประชุมใหญ่ศาลฎีกา
ขณะที่ชื่อของนายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ได้รับความเห็นชอบเพียง 3 ต่อ 193 เสียง ซึ่งมีคะแนนไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ทำให้ไม่ผ่านเข้าไปดำรงตำแหน่ง เช่นเดียวกับนายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดหลายจังหวัด ที่ได้รับคะแนนเสียงเพียง 28 ต่อ 168 ซึ่งเป็นไปตามความคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า สนช.ส่วนใหญ่กังวลกับปัญหาคดีความของ นายสมชาย ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ กกต. และหากศาลตัดสินว่ามีความผิด อาจต้องเสียเวลาสรรหา กกต.ใหม่ในอนาคตด้วย ขณะที่นายพีระศักดิ์ ถูกร้องเรียนเรื่องความไม่เป็นกลางทางการเมือง
สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ ว่าที่ กกต.ใหม่ จะต้องดำเนินการลาออกจากงานทุกประเภทที่มีลักษณะต้องห้าม ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับความเห็นชอบ ก่อนนำหลักฐานมายื่นต่อสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา พร้อมกับนัดประชุมเพื่อเลือกตำแหน่งประธาน กกต. ก่อนนำรายชื่อประธาน และว่าที่ กกต.ใหม่ ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมฯ ในคราวเดียวกัน และจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ทันทีในวันถัดไปจากวันที่ทรงลงพระปรมาภิไธย ส่วน กกต.อีก 2 ตำแหน่งที่ขาดไป จะต้องเริ่มต้นกระบวนการสรรหาใหม่ในส่วนที่ขาด หรืออาจใช้วิธีการทาบทามบุคคลที่เหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่ ตามที่กฎหมายเปิดช่องไว้ต่อไป