กลุ่มอนุรักษ์ป่าเตรียมลุกฮือ ร่วมภาครัฐต้านขบวนการฟอกป่า หลังชุดปฏิบัติการ ศปป.4 ตรวจเจอพื้นที่ป่าภูขี้ไก่ จ.เพชรบูรณ์ถูกถางกว่า 1,800 ไร่ เตรียมพื้นที่เปิดสวนน้ำกลางป่าแหว่ง
ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฎิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. (กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร) ประชุมหน่วยงานร่วมทั้งที่ดินและป่าไม้จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ที่ว่าการอำเภอหล่มเก่า เพชรบูรณ์ พร้อมส่งข้อความไลน์ แจ้งไปยังกลุ่มอนุรักษ์ป่าและสื่อท้องถิ่น ให้ช่วยกันต่อสู้กับขบวนการฟอกป่า เพื่อปกป้องป่าต้นน้ำ หลังจากไปตรวจสอบพื้นที่ป่า พบมีการเตรียมเปิดโครงการสวนน้ำ จากการเปิดเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ โดยได้แจ้งให้ทางการดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินโดยมิชอบ ตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว
พ.อ.พงษ์เพชร เปิดเผยปัญหาดังกล่าวว่า ที่ดินบริเวณนี้ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 ในอดีตมีความผิดพลาดในการประกาศเขตป่า จนเป็นการเปิดช่องให้ออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบขึ้น เรื่องเกิดช่วงปี 2554-2555 โดยออกสิทธิ์ไปทับที่ดินทำกินของชาวบ้าน กระทั่งมีการร้องเรียน เมื่อทางการไปตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ พบความมิชอบก็ส่งเรื่องให้กรมที่ดิน เพื่อพิจารณา โดยที่ดินและกอ.รมน.เห็นว่า ที่ดินดังกล่าวอยู่บนภูเขา มีความลาดชันเกินไป ที่ดินโดยรวมเป็นภูเขาสลับซับซ้อน และเป็นเขตป่า ตามประมวลกฎหมายที่ดินไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้ ถือเป็นพื้นที่ต้องห้าม อีกทั้งหากจะออกโฉนดในที่ดินเขตป่า 2484 ต้องมีร่องรอยทำกินมาก่อน แต่กรณีนี้ไม่พบ
“ประเด็นของผม ขั้นตอนการออกเอกสารสิทธิ์ตรวจสอบล่าช้า ทำให้สูญเสียป่าต้นน้ำของแม่น้ำป่าสัก ผมเจอปัญหานี้ 4 ปีที่ผ่านมาได้ร้องให้ยกเลิก แต่กลับมีการไถป่าเพิ่มขึ้น ต้องมีการตรวจสอบตั้งแต่ต้นทางออกโฉนด การออกเอกสารสิทธิเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ พื้นที่ภูเขาเป็นพื้นที่ต้องห้าม แต่เมื่อมีการออกมาแล้วเท่ากับพื้นที่ป่า กลับกลายเป็นพื้นที่ถูกต้องตามกฎหมายไป”
พ.อ.พงษ์เพชร กล่าวว่า ได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่อีกครั้ง ได้พบกับผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของโครงการ แต่งกายคล้ายกับพระก็ไม่เชิง พูดคุยกันเขาแจ้งว่าจะทำโครงการ สวนน้ำ เป็นชุมชนธรรมชาติ ซึ่งตอนคงห้ามไม่ได้เพราะเขาถือเอกสารสิทธิ์ที่ดิน เรื่องดังกล่าวได้รายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบแล้ว เพื่อให้ดำเนินการต่อ
“แต่พื้นที่ทำโครงการสวนน้ำมีการตัดถนนขนาดใหญ่ กลับไปต้นไม้สัก ซึ่งเป็นไม้หวงห้าม ผมได้สั่งการให้ดำเนินคดีในส่วนของการตัดไม้สักหวงห้าม แม้เป็นพื้นที่มีเอกสารสิทธิแต่เป็นพื้นที่ป่าหวงห้าม ขั้นต้นไม่มีการขออนุญาต จะดำเนินการเรื่องนี้ก่อน ผู้บังคับบัญชาได้สั่งให้ตรวจสอบ ส่วนการเพิกถอนเอกสารสิทธิ กอ.รมน.จะร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการต่อไป”