ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
วันนี้ (23 พฤศจิกายน 2561) ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จ.นนทบุรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ ดร.ภญ.นันทกาญจน์ สุวรรณปิฎกกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัชกรรม (อภ.) พร้อมด้วยผู้บริหารจากทั้ง 2 หน่วยงานร่วมแถลงข่าว “ผลการตรวจวิเคราะห์กัญชา ของกลางเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์” ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือในการตรวจวิเคราะห์กัญชา ของกลางในโครงการวิจัยและพัฒนาสารสกัดต้นแบบกัญชาทางการแพทย์ เพื่อใช้ในการศึกษาทางคลินิก ในผู้ป่วยต่อไป
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า องค์การเภสัชกรรมได้ประสานความร่วมมือในการตรวจวิเคราะห์วัตถุดิบกัญชาของกลางจากกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) จำนวน 100 กิโลกรัม เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ในโครงการวิจัยและพัฒนาสารสกัดต้นแบบกัญชาทางการแพทย์ โดยในวันที่ 25 ตุลาคม 2561 ได้ส่งตัวอย่างวัตถุดิบกัญชาแห้ง จำนวน 3 ตัวอย่าง มาตรวจ ที่ห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 2 แห่ง คือ ห้องปฏิบัติการสำนักยาและวัตถุเสพติด เพื่อทำการวิเคราะห์หาการปนเปื้อนของยาฆ่าเชื้อรา difenoconazole และ propioconazole และห้องปฏิบัติการสำนักคุณภาพ และความปลอดภัยอาหาร เพื่อทำการวิเคราะห์ตรวจสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชตกค้าง 60 ชนิด ได้แก่
-กลุ่มออร์กาโนคลอรีน (organochlorine group)
-กลุ่มออร์กาโนฟอสฟอรัส (organophosphorus group)
-กลุ่มสารสังเคราะห์ไพรีทรอยด์ (pyrethroid group)
-กลุ่มคาร์บาเมต (carbamate group)
-โลหะหนักปนเปื้อน ได้แก่ ตะกั่ว (lead) ปรอท (mercury) สารหนู (arsenic) และแคดเมียม (cadmium)
ผลการวิเคราะห์ มีรายละเอียดผลการตรวจ
(1)ตรวจไม่พบการปนเปื้อนของยาฆ่าเชื้อรา difenoconazole และ propioconazole ในตัวอย่างวัตถุดิบ กัญชาแห้งทั้ง 3 ตัวอย่าง
(2) ตรวจพบสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช chlorpyrifos และ cypermethrin ในตัวอย่างวัตถุดิบกัญชาแห้ง ทั้ง 3 ตัวอย่าง
(3) ตรวจพบโลหะหนัก ตะกั่ว ปรอท สารหนู และแคดเมียม ในตัวอย่างวัตถุดิบกัญชาแห้งทั้ง 3 ตัวอย่าง
ต่อมาในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2561 องค์การเภสัชกรรมได้ส่งสารสกัดกัญชา 1 ตัวอย่าง เพื่อตรวจวิเคราะห์สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชตกค้าง และโลหะหนักดังกล่าว ผลการตรวจพบสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช chlorpyrifos และ cypermethrin และพบโลหะหนัก 2 ชนิด คือ ปรอท และสารหนู
สรุปได้ว่า วัตถุดิบกัญชาของกลางทุกตัวอย่าง จึงมีคุณภาพไม่เพียงพอที่จะนำมาผลิตเป็นยาเพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วย จะสังเกตเห็นได้ว่าทุกตัวอย่างมียาฆ่าแมลง Chlorpyrifos ซึ่งยาฆ่าแมลงชนิดนี้เป็นที่นิยมของเกษตรกร หากร่างกายได้รับสาร Chlorpyrifos จะมีพิษต่อร่างกายมนุษย์ เช่น มีผลต่อพัฒนาการทางระบบประสาทในเด็ก มีผลต่อความผิดปกติ ทางอารมณ์ มีอาการคลื่นไส้อาเจียน วิงเวียนอ่อนเพลีย กล้ามเนื้อหดตัว แน่นหน้าอก อาเจียน ท้องเดิน และระบบหายใจล้มเหลว เป็นต้น
ด้าน ดร.ภญ.นันทกาญจน์ สุวรรณปิฎกกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า การตรวจพบสารปนเปื้อนนั้น นับเป็นเรื่องดีเพราะทำให้ทราบถึงคุณภาพของกัญชาของกลางที่จับกุมมาได้ว่ายังไม่ได้คุณภาพที่จะนำมาใช้สำหรับทำเป็นสารสกัดต้นแบบกัญชาทางการแพทย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่องค์การฯ ยึดถือมาตลอด ในกระบวนการวิจัยและผลิตยาที่จะไม่ยอมให้สิ่งที่ไม่ได้คุณภาพและไม่ปลอดภัยถึงผู้บริโภคอย่างเด็ดขาด ข้อดีของการ นำกัญชาของกลางมาใช้ในการวิจัยคือนักวิจัยสามารถทดลองพัฒนากรรมวิธีการสกัดเพื่อให้ได้กระบวนการสกัด ที่เหมาะสมสำหรับการผลิตสารสกัดต้นแบบกัญชาทางการแพทย์และเพื่อวิจัยและพัฒนาสูตรตำรับต่อไป
องค์การฯ ได้ปรับแนวทางการดำเนินงานเพื่อให้การวิจัยได้สารสกัดต้นแบบกัญชาทางการแพทย์เดินหน้าต่อไปไว้ 2 แนวทาง คือ
1) องค์การฯจะคัดเลือกวัตถุดิบกัญชาของกลางจาก บช.ปส. เพิ่มเติม โดยในเบื้องต้นได้ประสานงานให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นผู้ตรวจสอบสิ่งปนเปื้อนก่อนที่จะรับวัตถุดิบกัญชาของกลางจาก บช.ปส.เพื่อให้ได้วัตถุดิบกัญชาของกลางที่มีคุณภาพไม่มีการปนเปื้อน ด้วยเล็งเห็นว่ากัญชาของกลางยังน่าจะมีประโยชน์มากกว่าการนำไปเผาทำลาย
2) เร่งดำเนินการปลูกกัญชาในพื้นที่ขององค์การฯ เอง ซึ่งทั้ง 2 แนวทางนี้ จะดำเนินงานคู่ขนานพร้อมกัน เพื่อให้ได้สารสกัดต้นแบบกัญชาทางการแพทย์ที่มีคุณภาพโดยเร็วสำหรับใช้ในการศึกษาวิจัยกับกลุ่มผู้ป่วย ในโครงการต่อไป
“องค์การฯ ก็ยังคงเดินหน้าวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ได้สารสกัดต้นแบบกัญชาทางการแพทย์โดยเร็ว เพราะทุกฝ่ายคาดหวังและรอคอยอยู่ ซึ่งองค์การฯ ยังต้องมีงานอีกหลายอย่างที่ต้องเร่งดำเนินการ อาทิ การวิจัยพัฒนาสารสกัดจากกัญชาของกลางในระดับห้องปฏิบัติการ การพัฒนาสายพันธุ์กัญชาและการปรับปรุงอาคาร ที่องค์การเภสัชกรรม คลอง 10 จ.ปทุมธานี สำหรับใช้เพาะปลูก คัดเลือกสายพันธุ์ ปรับปรุงสายพันธุ์ และผลิตสารสกัดในระดับกึ่งอุตสาหกรรม การสำรวจพื้นที่เพื่อทำการเพาะปลูก สกัด และผลิตกัญชาทางการแพทย์ในระดับอุตสาหกรรม อย่างครบวงจรที่ อ.หนองใหญ่ จ ชลบุรี
นอกจากนั้นคณะทำงานทั้ง 4 คณะจะมีการประชุมติดตามความคืบหน้า เป็นประจำทุกเดือนและอาจจะต้องมีการประชุมกันมากขึ้น เพราะคาดว่าการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการให้กัญชา ใช้ทางแพทย์ได้จะทยอยออกมาในเร็วๆ นี้” ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา กล่าว