บิ๊กโจ๊ก แถลงจับกุมผู้ต้องหาฉ้อโกงประชาชน 2 คดี ทั้งสจ๊วตปลอมหลอกขายสินค้าแบรนด์เนม และหลอกขายกระปุกออมสินลวดลายน่ารัก
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาก่อคดีฉ้อโกงประชาชน จำนวน 2 ราย ประกอบด้วย นายอุเทน พรหมเดช และ น.ส.อาทิมา เริงการ การจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้สืบเนื่องจากศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้รับร้องเรียนจากประชาชนกว่า 50 คน ซึ่งตกเป็นเหยื่อ มิจฉาชีพ หลอกโฆษณําขํายสินค้าแบรนด์เนมในราคาถูกกว่าราคาทั่วไป หลอกให้โอนเงินมัดจําสั่งจองสินค้า แบรนด์เนมล่วงหน้า(Pre Order) และรับฝากขายสินค้าแบรนด์เนมที่ใช้แล้ว จากนั้นไม่จัดส่งสินค้าที่สั่งซื้อ ไม่ซื้อสินค้าตามที่สั่งจอง และไม่ชําระค่าสินค้าคืนแก่ผู้เสียหาย มูลค่าความเสียหายมากกว่า 7 ล้านบาท ซึ่งเข้าข่าย กระทำความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน
จากการสืบสวนของตำรวจทราบว่ามิจฉาชีพรายนี้ คือ นายอุเทน พรหมเดช พ่อค้าขายของทางออนไลน์ ใช้เฟสบุ๊คชื่อ“Uten Grabbitcrew”และ“Uten Promdach”,ใช้อินสตราแกรมชื่อ“G_Rabbitcrew”และ ใช้แอปพลิเคชั่นไลน์ โดยมีไอดีไลน์ คือ “@jsj2638e” ฉ้อโกงประชาชนในรูปแบบต่างๆ เช่น โฆษณาขายกระเป๋า ยี่ห้อ Chanel Boy 10 ในราคา 144,000 บาท แต่เมื่อโอนเงินชำระค่าสินค้าแล้วกลับไม่ได้สินค้าตามที่ได้ตกลง หรือโฆษณา ไว้ รับสั่งจองกระเป๋า ยี่ห้อ Dior,Chanel,Louis โดยให้โอนเงิน 181,000 บาท (Pre Order) แต่ก็ไม่ได้มีการซื้อสินค้า ให้กับผู้สั่งจอง รับฝากขายกระเป๋า LV Speedy 30 World Tour DC 18 ที่ใช้แล้ว ในราคา 62,000 บาท จากนั้น ยักยอกเอาสินค้าดังกล่าวไป โดยไม่มีการชำระค่าสินค้าคืนให้แก่ผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายติดตามทวงถามสินค้าที่สั่งซื้อ หรือเงินค่าสินค้าที่ฝากขาย ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงอ้างเหตุผลต่างๆนานา และสุดท้ายก็ไม่สามารถติดต่อนายอุเทนได้
พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหา โดยศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหา ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง และนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประกํารที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชําชน” จนกระทั้งเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ชุดปฏิบัติการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สารสนเทศ ร่วมกับชุดสืบสวนกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ติดตามจับกุมตัว นายอุเทนฯ หลังจากสืบทราบว่าหลบหนีไปกบดานอยู่ที่ ศูนย์ปฏิบัติธรรมห้วยบง ตาบลห้วยบง อำเภอเมืองจังหวัดเชียงราย แล้วนำตัวส่งพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีดำเนินคดีตามกฎหมาย
ส่วนอีกคดีมีประชาชนกว่า 400 ราย ว่าตกเป็นเหยื่อคนร้าย หลอกลวงขายกระปุกถังแก๊สออมสินทางออนไลน์ มูลค่าความเสียหายมากกว่า 450,000 บาท เข้าข่ายการกระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ” พล.ต.ท.สุรเชษฐ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และประสานพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง ดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนจะทราบว่าคนร้ายรายนี้ คือ นางสาวอาทิมา เริงการ เป็นแม่ค้าขายของออนไลน์ใช้ชื่อเฟสบุ๊ค “Arthima Roengkarn” โฆษณาขายกระปุกถังแก๊สออมสิน มีลวดลายการ์ตูนน่ารักต่างๆ ในราคาโปรโมชั่น โดยวิธีการไลฟ์สดผ่านเฟสบุ๊ค ขายในราคากระปุกละ 100 บาท และบริการจัดส่งสินค้าฟรี โดยจำกัดจำนวนการสั่งซื้อสินค้าในแต่ละวัน ทำให้ผู้เสียหายหลายรายให้ความสนใจและหลงเชื่อสั่งซื้อเป็นจำนวนมากเพราะเห็นว่าราคาถูกกว่าร้านค้าทั่วไป
ซึ่งการชำระเงินต้องทำการโอนเงินเข้าบัญชีของน.ส.อาทิมาทันที ต่อมาหลังจากที่ผู้เสียหายได้ชำระเงินแล้วนั้นกลับไม่ได้รับสินค้าตามที่ได้ตกลง หรือโฆษณาไว้ จึงติดตามทวงถามสินค้าที่สั่งซื้อก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงอ้างเหตุผลว่าเป็นสินค้าพรีออเดอร์ ต้องสั่งทำจากโรงงานใช้เวลาประมาณ 20 วัน หรืออ้างว่าโรงงานส่งสินค้าให้ไม่ทันบ้าง ต่างๆนานา โดยไม่ยอมคืนเงินให้ กระทั่งผู้เสียหายหลายรายได้ถอดใจไป
ต่อมาทางกลุ่มผู้เสียหายได้สืบทราบว่าโรงงานที่ผลิตกระปุกออมสินดังกล่าวได้ขายสินค้าให้กับผู้ต้องหาในราคาต้นทุนกระปุกละ 300 บาท และขายให้เพียงจำนวนไม่มาก แต่น.ส.อาทิมากลับนำมาขายต่อในราคาเพียง 100 บาท ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าถูกหลอกจริง จึงรวมกลุ่มกันมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี และพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายจับ น.ส.อาทิมา ต่อศาลอาญา ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไปไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
ต่อมาวันที่ 14 ธันวาคม 2561 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศสืบทราบว่า น.ส.อาทิมาได้เดินทางไปยังบ้านของบิดาตามที่อยู่ข้างต้น เพื่อขอความช่วยเหลือจากบิดาในการหาเงินมาคืนแก่ผู้เสียหาย และหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่บ้านพักของบิดาผู้ต้องหา ที่บ้านเลขที่16/2 หมู่ 6 ตำบลมะรุ่ย อำเภอทับปูด จังหวัดพังงา เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจึงได้ติดตามไปจับกุมตัว นางสาวอาทิมา เริงการ โดยทาง น.ส.อาทิมาทราบอยู่แล้วว่าตนมีหมายจับของศาล จึงได้ยอมรับผิดในสิ่งที่ตนเองได้กระทำ ทางเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจึงได้ควบคุมตัว น.ส.อาทิมา นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย