"บิ๊กแดง"พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ไม่เพียงเป็นผู้บัญชาการทหารบกเท่านั้น ยังเป็นเสมือนผู้นำเหล่าทัพ เป็นเลขาธิการคสช. และรองผอ.รอ.รมน. ดูแลด้านความมั่นคงตัวจริงเสียงจริง
รัฐบาลจะเดินหน้าบริหารประเทศได้อย่างปลอดโปร่ง มั่นใจ ไม่ห่วงหน้าพะวงหลังได้เต็มที่ ก็เพราะความเชื่อมั่นและไว้วางใจในตัวผบ.ทบ.ว่า "เอาอยู่" แน่นอน
"บิ๊กแดง"พล.อ.อภิรัชต์ คือนายทหารที่มีคุณสมบัติครบถ้วนดังกล่าว และตอบโจทย์การเป็นเสาค้ำเสถียรภาพของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อย่างลงตัวที่สุด
แม้จะมีบางกลุ่มบางพวกที่พยายามจะโหมกระพือความขัดแย้งระหว่างผู้นำรัฐบาลกับผู้นำกองทัพ โดยหยิบยกกระแสข่าวลือและคำสั่งปลอมปลดผู้นำเหล่าทัพมาใช้เป็นข้ออ้างเพื่อจับแพะชนแกะ แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะไม่หูเบาหลงกลตามแผน"ขุดบ่อล่อปลา" ตรงกันข้าม กลับได้เห็นความเป็นห่วงเป็นใยทั้งในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องในกองทัพ และในฐานะผบ.ทบ.กับนายกรัฐมนตรี
ในวันฝึกบรรเทาสาธารณภัยที่จังหวัดลพบุรี่ ระหว่างฝนตกหนักลมแรง "บิ๊กแดง"สั่งกำชับกำลังพลให้ระวังเต๊นท์พิธีการจะต้านแรงลมไม่ไหว อาจล้มใส่ "บิ๊กตู่" ขณะที่ "บิ๊กตู่"ก็ปกป้อง "บิ๊กแดง"หลังกรณีวาทกรรมไล่ให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยไปฟังเพลง "หนักแผ่นดิน" และย้ำว่า "บิ๊กแดง"ไม่ได้ลงมาขัดแย้งด้วยหรอก
ถือเป็นการช่วย"เคลียร์"พล.อ.อภิรัชต์ หวังตัดออกไปวงคู่ขัดแย้งทางการเมือง หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ ตกเป็นเป้าถูก กล่าวหากระโดดลงมาร่วมวงเป็นคู่ขัดแย้งคู่ใหม่ ทั้งที่แรกเริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องในฐานะกรรมการห้ามทัพของคู่ขัดแย้งเก่า
ในมุมมองของฝ่าย"ไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์" จึงได้ทีเหมารวมดึง"บิ๊กแดง"มาร่วมอยู่ในกลุ่ม"บิ๊กตู่" และถูกจับไปยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับกลุ่มตนอย่างชัดแจ้งแล้ว
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีการออกโรง"จัดหนัก"ใส่ "บิ๊กแดง"อย่างพร้อมเพรียง โดยเฉพาะจากแกนนำคนในพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย หรือแม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ โดยหัวหน้าพรรคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ในประเด็นสำคัญ "ความเป็น กลาง"ของผู้นำกองทัพ
รวมทั้งเรื่องการปรับโครงสร้างกองทัพ ซึ่งหลายพรรคการเมืองได้ประกาศนโยบายและใช้เป็นประเด็นในการหาเสียง จนเป็นปมร้อนในช่วงไม่กี่วันมานี้
ตั้งแต่การปรับลดขนาดโครงสร้างกองทัพ ลดจำนวนนายพล การตัดงบประมาณกระทรวงกลาโหม การนำเทคโนโลยี่เข้ามาใช้แทนกำลังพล และยกเลิกการเกณฑ์ทหาร
ส่วนจะมากจะน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับแต่ละพรรค อย่างพรรคเสรีรวมไทย รุกหนักถึงขั้นย้ำการปฏิรูปกองทัพ ยุบกองบัญชาการกองทัพไทย เลยทีเดียว
ฟีดแบคหลัง"บิ๊กแดง"ไล่ให้ไปฟังเพลงหนักแผ่นดิน และปรากฎการณ์เปิดเพลง "หนักแผ่นดิน"ในค่ายทหาร และคลื่นวิทยุในสังกัดกองทัพ คล้ายเป็นการตอบโต้กลับ จึงมีเสียงวิจารณ์และคอมเมนต์ของผู้คนอย่างหลากหลายตามมา
สำหรับเพลงหนักแผ่นดิน เป็นเพลงที่แต่งขึ้นก่อนเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ระหว่างการเตรียมเดินทางกลับประทศไทยของจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกฯที่ถูกโค่นล้มอำนาจหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ต้องหลบหนีไปต่างประเทศ
ขณะเดียวกัน ในช่วงนั้นมีการสุมหัวรวมตัวของทหารกลุ่มหนึ่งที่มีสายสัมพันธ์กับกลุ่มทรราชย์เดิม วางแผนก่อตั้งกลุ่มกำลังขวาจัดเพื่อแยกสลายกลุ่มพลังนักเรียนนิสิตนักศึกษา โดยจัดตั้งกลุ่มกระทิงแดง นวพล ลูกเสือชาวบ้าน และเริ่มจุดกระแสต่อต้านคอมมิวนิสต์ เพลงปลุกใจหลายๆเพลงจึงเกิดขึ้น และถูกนำไปเปิดตามสถานีวิทยุต่างๆ รวมทั้งเพลงหนักแผ่นดิน
ก่อนที่สุดท้ายกลุ่มพลังผู้บริสุทธิ์ถูกทลายลง พร้อมข้อกล่าวหานักศึกษาที่รวมตัวอยู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในขณะนั้นคือพวกแกว(ญวนหรือเวียดนาม) และเป็นคอมมิวนิสต์
กรณีคำพูดไล่ให้ไปฟังเพลงหนักแผ่นดินของ ผบทบ.นั้น แม้ด้านหนึ่งจะสะท้อนตอกย้ำถึงความจำเป็นของกองทัพเพื่อความมั่นคงและมีภารกิจคอยช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติทั้งปวง อาทิ น้ำท่วม หรือพายุ
แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็เห็นควรว่ากองทัพต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ สามารถตรวจสอบการใช้งบประมาณได้ เพราะเป็นกองทัพของประชาชน ไม่ใช่กองทัพของทหาร
ที่สำคัญ เป็นปรากฎการณ์ที่ไม่เคยมาก่อน ที่ผู้คนในยุคสมัยปัจจุบัน จะกล้าวิจารณ์กองทัพอย่างเผ็ดร้อน โดยเฉพาะผ่านทางสื่อโซเชี่ยล
นำไปสู่การกระตุกร้องเตือนของใครหลายคนที่มีไปถึงผู้นำกองทัพ ให้ระมัดระวังและพึงต้องใจเย็นให้มากขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบันที่เปราะบาง และใกล้ถึงวันเลือกตั้งเต็มทีแล้ว
อย่าเข้าทาง หรือเดินตกหลุมแผนการณ์ของใครโดยเด็ดขาด