svasdssvasds

ย่อมาให้แล้ว! นิยาย "แอนิมอลฟาร์ม" เรื่องหมูๆ ที่มนุษย์ต้องอ่าน

ย่อมาให้แล้ว! นิยาย "แอนิมอลฟาร์ม" เรื่องหมูๆ ที่มนุษย์ต้องอ่าน

เรื่องย่อนวนิยายเรื่อง "แอนิมอลฟาร์ม" (Animal Farm) ซึ่งเป็นหนังสือที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แนะนำให้คนไทยอ่าน บอกช่วยเสริมสร้างปัญญา อย่าโยงการเมือง

นวนิยายเรื่อง "แอนิมอลฟาร์ม" (Animal Farm) ถูกประพันธ์ขึ้นโดย "จอร์จ ออร์เวล" (George Orwell) ชาวอังกฤษที่เติบโตมาในครอบครัวชนชั้นกลาง งานเขียนเรื่องนี้ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2488 สะท้อนเหตุการณ์การปฏิวัติรัสเซียและการครองอำนาจของสตาลิน โดยใช้สัตว์เป็นตัวดำเนินเรื่อง

โดยแอนิมัลฟาร์มได้รับการยกย่องจากนิตยสารไทม์ให้เป็นหนึ่งในนิยายภาษาอังกฤษที่ดีที่สุด 100 เรื่อง ระหว่างปี พ.ศ. 2466–2548 และอยู่ในอันดับที่ 31 ของรายชื่อนิยายที่ดีที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ของสำนักพิมพ์มอเดิร์นไลบรารี

เรื่องย่อของ "แอนิมอลฟาร์ม" (Animal Farm)

"นายโจนส์" เจ้าของ "แมนเนอร์ฟาร์ม" เขาเลี้ยงหมู ม้า แกะ ไก่ หมา และลา อยู่มาวันหนึ่ง ...หมูแก่ที่ชื่อ "เมเจอร์" ซึ่งเป็นหมูที่สัตว์ทุกตัวนับถือ ได้ปลุกอุดมการณ์ของเหล่าสัตว์ว่ามนุษย์กดขี่สัตว์ให้ทำงานแลกกับส่วนแบ่งอันน้อยนิด แล้วกอบโกยผลผลิตไปแต่เพียงผู้เดียว ทำให้บรรดาสัตว์ในฟาร์มร่วมกันก่อการปฏิวัติ

"จงจำไว้ว่าอุดมการณ์ของเจ้าจะต้องไม่หยุดชะงัก ไม่มีการตกลงใดๆ ที่จะทำให้เจ้าหลงทาง อย่าฟังหากมีมันคนบอกว่ามนุษย์และสัตว์มีผลประโยชน์ร่วมกัน" หมูแก่เมเจอร์ กล่าวก่อนตายจากไปด้วยโรคชรา

สัตว์ทุกตัวซึมซับอุดมการณ์เหล่านั้น และต่างมีเป้าหมายของการปฏิวัติตรงกันคือ "เพื่ออิสรภาพ" พวกหมูที่ถือกันว่าเป็นสัตว์ที่ฉลาดที่สุดในฟาร์ม ได้นำคำสอนของหมูแก่เมเจอร์มาเป็น "ลัทธิสัตว์นิยม" โดยหมูที่เป็นแกนนำ ได้แก่

•นโปเลียน - เป็นหมูที่ไม่ค่อยพูด มีความเป็นตัวของตัวเอง

•สโนว์บอล - หมูที่มีความคล่องแคล่ว มีความคิดสร้างสรรค์

•สเควลเลอร์ - มีศิลปะในการพูด โปรยยาหอมชอบสร้างโลกสวย

ย่อมาให้แล้ว! นิยาย "แอนิมอลฟาร์ม" เรื่องหมูๆ ที่มนุษย์ต้องอ่าน

ในที่สุด "การปฏิวัติ" ก็สำเร็จ นายโจนส์เจ้าของฟาร์มถูกบรรดาสัตว์ขับไล่ออกไป และแมนเนอร์ฟาร์มก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "แอนิมอลฟาร์ม" โดยพวกหมูสรุปหลักการแนวคิดแบบลัทธิสัตว์นิยม ออกมาเป็นบัญญัติ 7 ประการ คือ

1. อะไรก็ตามที่เดินด้วยสองขาคือศัตรู

2. อะไรก็ตามที่เดินด้วยสี่ขาหรือมีปีกคือมิตร

3. สัตว์จะต้องไม่สวมเสื้อผ้า

4. สัตว์จะต้องไม่นอนบนเตียง

5. สัตว์จะต้องไม่ดื่มเหล้า

6. สัตว์จะต้องไม่ฆ่าสัตว์ด้วยกันเอง

7. สัตว์ทุกตัวมีความเท่าเทียมกัน

นอกจากนี้สัตว์ทุกตัวต้องเรียนอ่าน-เขียนให้เป็น แต่ก็เก่งเหมือนกันทุกตัว บัญญัติเจ็ดประการจึงถูกย่อลงสั้นๆ เหลือคติพจน์ที่ว่า "สี่ขาดี สองขาเลว" เมื่อภายในฟาร์มเปลี่ยนระบบการปกครองใหม่ หมูสโนว์บอลได้ประกาศว่า "เก็บเกี่ยวให้เร็วกว่าที่โจนส์และลูกน้องของมันเคยทำไว้" ด้านนโปเลียนรับหน้าที่ดูแลผลผลิตที่ได้จากการเก็บเกี่ยว และยังแอบเอาลูกหมาที่เพิ่งคลอดไปเลี้ยงเอาไว้เอง 9 ตัว

สัตว์ทุกตัวต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างขยันขันแข็ง โดยเฉพาะเจ้าม้าบ็อกเซอร์ ที่พูดอยู่เสมอว่า "ข้าจะทำงานให้หนักขึ้น" ส่วนพวกหมูซึ่งถือกันว่าเป็นสัตว์ที่ฉลาดที่สุดในฟาร์ม ทำหน้าที่ควบคุมกำกับสัตว์อื่นๆ ไปโดยปริยาย

เจ้าหมูสโนว์บอลที่พูดเก่ง มักได้ชัยชนะจากเสียงส่วนใหญ่หลังมีการอภิปราย ส่วนนโปเลียนเชี่ยวชาญในการหาเสียงระหว่างพักการประชุม โดยเฉพาะเสียงจากพวกแกะ

และแล้ววันนึงความจริงก็ถูกเปิดเผย จากข้อตกลงเดิมที่ว่าผลผลิตทั้งหลายจะได้รับการปันส่วนแก่ทุกตัวเท่าๆ กัน แต่กลับพบว่าน้ำนมและแอปเปิ้ลถูกลำเลียงไปเก็บที่ห้องของพวกหมู ทำให้เจ้าหมูสเควลเลอร์ ต้องออกมาทำหน้าที่สื่อสารกับสัตว์ทุกตัวว่า "อย่าคิดว่าพวกหมูกำลังทำในสิ่งที่เห็นแก่ตัวและมีอภิสิทธิ์นะ หมูไม่ได้ชอบนมและแอปเปิ้ลหรอก แต่พวกเราเป็นสัตว์ที่ต้องใช้สมอง จำเป็นต้องรักษาสุขภาพของตนเอง เพราะคงไม่มีใครอยากให้นายโจนส์กลับมาหรอกใช่ไหม" เพียงแค่พูดชื่อนายโจนส์ เจ้าของเก่า สัตว์ทุกตัวก็หัวหดและยอมรับโดยปริยายว่าน้ำนมและแอปเปิ้ลจะสงวนไว้เพื่อพวกหมูเท่านั้น!

ย่อมาให้แล้ว! นิยาย "แอนิมอลฟาร์ม" เรื่องหมูๆ ที่มนุษย์ต้องอ่าน

ความขัดแย้งครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อหมูสโนว์บอลเสนอในที่ประชุมว่า ในฟาร์มควรมีกังหันลมเพื่อมาช่วยสร้างพลังงานไฟฟ้าทดแทนแรงงานสัตว์ อีกทั้งยังทำให้ช่วยคลายหนาวให้บรรดาสัตว์ได้ ซึ่งต้องใช้แรงงานสร้าง 1 ปี แต่หลังจากมีกังหันลมแล้ว สัตว์ทุกตัวจะสบายขึ้นและทำงานน้อยลงเหลือเพียง 3 วัน/สัปดาห์ ขณะที่หมูสโนว์บอลอภิปราย หมูนโปเลียนนิ่งเงียบไม่ไหวติง แต่พูดเพียงว่า "สิ่งที่สโนว์บอลทำจะต้องล้มเหลว"

บรรดาสัตว์ทั้งหลายเมื่อฟังการอภิปรายก็พูดกันว่า ถ้าสนับสนุนสโนว์บอล ได้ทำงาน 3 วันต่อสัปดาห์ แต่ถ้าสนับสนุนนโปเลียน ได้อาหารเต็มราง ด้านเจ้าลาเบนจามิน เป็นตัวเดียวที่ดูนิ่งเฉยไม่อยู่ฝ่ายใด และมันไม่เชื่อว่าจะมีอาหารสมบูรณ์กว่าเดิม ไม่เชื่อว่ากังหันลมจะลดเวลาทำงานได้ มันเชื่อว่าชีวิตต้องดำเนินไปอย่างเคย คือ "ทุกข์ยากลำเค็ญ"

เมื่อวันลงคะแนนเสียงเรื่องสร้างกังหันลมมาถึง หมูสโนว์บอลลุกขึ้นอภิปรายด้วยคำพูดสวยหรู ส่วนนโปเลียนอภิปรายกลับเพียงว่า "กังหันลมเป็นเรื่องเหลวไหล" จากนั้นเขาก็ปล่อยหมาทั้ง 9 ตัวที่แอบเลี้ยงไว้ ออกมาไล่งับเจ้าหมูสโนว์บอล จนต้องหนีเตลิดออกไปจากแอนิมอลฟาร์ม และไม่ได้กลับมาอีกเลย!

เมื่อฟาร์มไม่มีสโนว์บอลแล้ว เจ้าหมูนโปเลียนจึงประกาศยกเลิกการประชุมทุกวันอาทิตย์ และสั่งให้ปัญหาทุกอย่างเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในฟาร์มเป็นหน้าที่คณะกรรมการหมูคณะพิเศษ โดยมีตัวเองเป็นประธาน ด้านหมูสเควลเลอร์ก็ออกมาทำหน้าที่อีกครั้ง โดยการบอกว่า "คงไม่มีใครคิดหรอกนะว่าการเป็นผู้นำเป็นเรื่องสนุกสนาน ในทางตรงกันข้าม มันเป็นความรับผิดชอบที่ลึกซึ้งและหนักอึ้ง"

ไม่มีสหายตัวไหนที่จะมีความเชื่ออย่างหนักแน่นกว่าสหายนโปเลียนอีกแล้วที่ว่า สัตว์ทุกตัวมีความเสมอภาคกัน สหายนโปเลียนจะมีความสุขมากหากพวกเจ้าสามารถตัดสินใจเรื่องราวต่างๆ ด้วยตัวพวกเจ้าเอง แต่เพราะบางครั้งพวกเจ้าอาจจะตัดสินใจผิดพลาด ความกล้าหาญยังเป็นสิ่งที่ไม่เพียงพอ ความภักดีและความเชื่อฟังเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่า การก้าวเดินที่ผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจทำให้ศัตรูมีชัยเหนือเรา แน่นอนคงไม่มีใครอยากให้นายโจนส์กลับมา

ย่อมาให้แล้ว! นิยาย "แอนิมอลฟาร์ม" เรื่องหมูๆ ที่มนุษย์ต้องอ่าน

และแล้ว ...โครงการสร้างกังหันลมก็ดำเนินต่อไป กำหนดแล้วเสร็จภายใน 2 ปี และสัตว์ทุกตัวจะได้รับส่วนแบ่งอาหารที่ลดลง คำพูดของสเควลเลอร์อาจจะไม่ได้ทำให้สัตว์ทุกตัวเข้าใจได้ แต่เสียงขู่ของสุนัขก็ทำให้สัตว์ทุกตัวยอมรับไปโดยปริยาย จากนั้นพวกหมูก็ย้ายจากเล้าไปอยู่ในบ้าน

เจ้าม้าโคลเวอร์ รู้สึกไม่สบายใจต่อการเปลี่ยนแปลง มันอ่านหนังสือไม่แตก แต่ก็พอจำได้ว่าการนอนบนเตียงผิดเพี้ยนไปจากบัญญัติ 7 ประการที่กล่าวไว้ จนบรรดาสัตว์มาค้นพบภายหลังว่า "บัญญัติ" ถูกแก้เป็น "สัตว์จะไม่นอนบนเตียง พร้อมสิ่งปกคลุม"

แอนิมอลฟาร์มเริ่มค้าขายแลกเปลี่ยนกับมนุษย์ ไข่ถูกนำไปขาย ซึ่งเรื่องนี้แม่ไก่ถือว่าการพรากไข่ไปถือเป็นการฆาตกรรม ไก่จึงต่อต้านด้วยการปีนไปที่จันทัน (ส่วนของโครงสร้างที่วางอยู่บนหัวเสา) แล้วออกไข่ทิ้งลงพื้น ผลที่ตามมาคือถูกลงโทษห้ามให้อาหารจนอดตาย!

วันเวลาล่วงเลยไป ...เจ้าหมูสโนว์บอลก็โดนขับไล่ไปนานแล้ว แต่มีข่าวลือเสมอๆ ว่าสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นล้วนเป็นฝีมือของสโนว์บอล ชื่อของสโนว์บอลกลายเป็นอิทธิพลมืดที่ครอบงำให้ทั้งฟาร์มอยู่ภายใต้ความหวาดกลัว มีการปล่อยข่าวว่าสโนว์บอลกำลังวางแผนล้มล้างแอนิมอลฟาร์ม สัตว์หลายตัวในฟาร์มถูกฆ่าตายอย่างโหดร้าย เพียงเพราะรับสารภาพว่าฝันถึงสโนว์บอล และบัญญัติ 7 ประการ ก็ถูกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ย่อมาให้แล้ว! นิยาย "แอนิมอลฟาร์ม" เรื่องหมูๆ ที่มนุษย์ต้องอ่าน

เจ้าม้าบอกเซอร์ผู้มีคติประจำใจว่าจะทำงานให้หนักขึ้น ตอนนี้ได้ล้มป่วยลง ด้านหมูนโปเลียนแสดงความเป็นห่วง จึงบอกว่าจะพาไปโรงพยาบาล แต่แท้จริงแล้วส่งไปโรงฆ่าสัตว์ แล้วนำเงินมาซื้อเหล้าให้กลุ่มท่านผู้นำในฟาร์ม

ด้านหมูสเควลเลอร์จะคอยบอกสถิติตัวเลขของผลผลิตให้เหล่าสัตว์รับรู้เสมอ ว่ามีปริมาณอาหารที่เพิ่มขึ้นจากยุคก่อนอย่างไร ซึ่งพวกสัตว์ก็ได้แต่รับรู้ แต่ไม่เคยรู้ว่าผลผลิตนั้นหายไปไหน และเมื่อเทียบกับยุคของนายโจนส์มีผลผลิตเท่าไร ท้ายที่สุดพวกหมูก็ลุกขึ้นยืนด้วยขาหลัง 2 ขา ส่วนพวกลูกไล่อย่างฝูงแกะที่เคยพร่ำร้องว่า "สี่ขาดี สองขาเลว" ก็เปลี่ยนมาร้องว่า "สี่ขาดี สองขาดีกว่า"

มาถึงตอนนี้ ท่านผู้นำนโปเลียนได้เชื้อเชิญมนุษย์เข้ามาในแอนิมอลฟาร์ม เพื่อยืนยันว่าสัตว์และมนุษย์มีความเท่าเทียมกัน และแสดงให้มนุษย์ดูเป็นตัวอย่างว่า สัตว์ชั้นต่ำที่ฟาร์มทำงานได้มากกว่า แต่รับอาหารน้อยสุด จนเป็นที่เลื่องลือไปว่า "แอนิมอลฟาร์ม" มีการแบ่งสรรปันส่วนต่ำ แต่ทำงานนานขึ้น