svasdssvasds

น่าห่วงทุเรียนไทย! ไหหลำปลูกทุเรียนได้แล้ว

น่าห่วงทุเรียนไทย! ไหหลำปลูกทุเรียนได้แล้ว

น่าเป็นห่วงอนาคตทุเรียนไทย! หลังจีนทดลองปลูกทุเรียนสำเร็จแล้ว

น.ส.วรรณลดา รัตนพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ มณฑลไหหลำ ของจีนได้ทดลองปลูกทุเรียน โดยนำต้นทุเรียนพันธุ์ซันโน จากมาเลเซียมาเพาะปลูก และประสบความสำเร็จแล้ว หากจีนวิจัยและพัฒนาต่อเนื่อง ในอนาคตอาจแย่งตลาดทุเรียนสดของไทยในจีนได้ หากเกษตรกรไทยต้องจะรักษาส่วนแบ่งทางตลาดไว้ได้ จะต้องรักษาคุณภาพและพัฒนาสายพันธุ์ให้อยู่ในเกรดพรีเมี่ยม โดยปัจจุบัน ทุเรียนสดในจีน กว่า 80% นำเข้าจากไทย

อย่างไรก็ตาม สถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรของมณฑลไหหลำ เปิดเผยว่า ไหหลำปลูกทุเรียนมาหลายสิบปีแล้ว แต่ผลผลิตยังต่ำ รสชาติไม่ดีมาก จึงไม่ได้เพาะปลูกอย่างแพร่หลาย แม้ประสบความสำเร็จในการทดลองปลูก แต่ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ เนื่องจากสภาพอากาศจริงไม่สามารถควบคุมได้เหมือนแปลงทดลอง เกษตรกรจึงไม่ควรจะรีบนำต้นกล้าไปปลูก เพราะการปลูกทุเรียนให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ต้องใช้เวลาตั้งแต่เริ่มเพาะปลูกจนได้ผลเพื่อเก็บเกี่ยวเป็นเวลา 4-8 ปี

ด้านนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป กล่าวว่า หากจีนปลูกทุเรียนและมีผลผลิตออกมาดีทั้งคุณภาพและปริมาณ จะกระทบต่อราคาทุเรียนและยอดส่งออกทุเรียนไทยไปจีนแน่นอน จึงแนะนำให้ เกษตรกรพัฒนาสายพันธุ์ และมาตรฐานสินค้า โดยเฉพาะต้องผ่านการรับรองมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการที่ดีในการผลิต (GMP) และการมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) หากไม่มี 2 มาตรฐานนี้จะส่งออกไปจีนไม่ได้ นอกจากนี้ หลายประเทศได้พัฒนาสายพันธุ์ทุเรียนเพื่อแข่งขันกับไทย เช่น เวียดนามที่ส่งออกทุเรียนไปจีนแล้ววันละ 500 ตัน ขณะที่มาเลเซียโปรโมตว่า ทุเรียนพันธุ์มูซานคิง คุณภาพดีที่สุดในโลก และได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดทุเรียนโลก แต่ยังด้อยกว่าไทยในด้านปริมาณผลผลิต

นาย วิศิษฐ์ ได้กล่าวอีกว่าตนเป็นห่วงทุเรียนไทย เพราะเกือบทุกจังหวัดปลูกทุเรียนหมดแล้ว และมีเกษตรกรจำนวนมากหันมาปลูกทุเรียน เพราะราคาดี และเป็นที่นิยมของชาวจีน หากไทยไม่พัฒนาสายพันธุ์ และไม่นำทุเรียนไปขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ในอนาคตราคาทุเรียนอาจตกต่ำได้ ซึ่งจะสวนทางกับทุเรียนของประเทศอื่น ที่มีการพัฒนาสายพันธุ์และพัฒนามาตรฐาน ทำให้ราคาสูงขึ้นได้”.

related