คุยกับเรืองไกร ! “ปารีณาคืนที่ แล้วจบไหม ?” สวนวิษณุ ระวังเสียผู้ใหญ่

กลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หลังจาก นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการครอบครองที่ดินของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ว่า หากคืนที่ดิน แล้วก็จบ

สปริงนิวส์จึงขอสัมภาษณ์ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ในฐานะผู้เปิดประเด็น ยื่นต่อ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบกรณี น.ส.ปารีณา ครอบครองที่ดิน 1,706 ไร่ ว่า ถ้าได้คืนที่ดินแล้วนั้น จะจบจริงหรือไม่  ?

ซึ่งนายเรืองไกรได้แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว โดยอ้างถึงเหตุผลต่างๆ นานา มาประกอบ ดังต่อไปนี้

สปริงนิวส์  : จากกรณีที่ “คุณวิษณุ” บอกว่าที่ดิน ส.ป.ก. ที่ “คุณปารีณา” ครอบครอง หากคืนไป ก็จบ มีความเห็นอย่างไร ?

เรืองไกร : ก็คงเห็นเหมือนกับนักกฎหมายหลายท่านที่พูดน่ะ เพราะต้องให้เขา (ศาล) ตัดสินก่อน ท่านรองฯ วิษณุ จะมาพูดชี้นำ มันไม่ควร แล้วข้อเท็จจริงมันก็คนละประเด็นกัน ในเรื่องของ ส.ส.ปารีณา ยอมรับแล้วคืนที่ดิน ซึ่งก็ต้องไปตรวจสอบว่า ก่อนที่จะคืน เข้าไปครอบครองโดยชอบหรือไม่

ถ้าครอบครองโดยมิชอบ แนวคำพิพากษาฯ ก็มีหลายตัวอย่าง ที่ต้องนำมาพิจารณา ท่านรองฯ วิษณุอาจจะตอบเร็วไปซักนิด น่าจะดูรายละเอียด ไม่เช่นนั้นมันก็จะเสียความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ควรดูข้อเท็จจริงให้มันรอบคอบมากกว่านี้ ตัวท่านเองก็เป็นนักกฎหมายที่ชำนาญช่ำชองอยู่แล้ว

สปริงนิวส์ : “คุณวิษณุ” อาจหมายถึง ที่ไม่ผิดเพราะถือครองไม่ได้ จึงถือว่าความผิดยังไม่สำเร็จ ไม่เหมือนกรณีอื่น ที่อาจทำผิด และความผิดสำเร็จไปแล้ว ?

มันคงไม่ใช่ขนาดนั้น คือท่านต้องดูข้อเท็จจริง อย่างกรณี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เขายายเที่ยง โดยหลักกฎหมาย เขาใช้ข้อเท็จจริงคนละกรณี เขาไม่เทียบเคียงกันอยู่แล้ว

ซึ่งท่านเป็นนักกฎหมาย ท่านเป็นผู้ใหญ่ ท่านต้องรู้เรื่องนี้ อันนี้อาจจะดูไม่ค่อยรอบคอบเท่าไหร่... แต่ถ้าท่านสั่งการหรือแสดงความเห็นว่า ให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จให้ชัดเจน ว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายใดบ้าง กฎหมาย ส.ป.ก. , กฎหมายป่าสงวน , กฎหมายป่าไม้ ถ้าผิดจริง ก็ดำเนินการไปตามรูปคดี...

แต่กรณีนี้เป็นการครอบครองโดยแสดงเจตนา เสียภาษีบำรุงท้องที่ไปหลายครั้ง แล้วยังเอาบริษัทตัวเองไปตั้งในนั้น ท่านรองฯ วิษณุ ต้องให้กรมป่าไม้ , ส.ป.ก. รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รายงานข้อเท็จจริงทั้งหมด ให้ได้ข้อยุติเสียก่อน ท่านถึงจะออกความเห็น

มาออกความเห็นเร็วเกินไป สังคมก็จะมองว่า ท่านจะมาอุ้มหรือเปล่า มันดูไม่ค่อยเหมาะสม ถ้าเป็นอย่าง รมช.ธรรมนัส (พรหมเผ่า) ก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะว่าความชำนาญกฎหมาย แตกต่างกัน ด้วยความหวังดีนะ (หัวเราะ) ใช้กฎหมายคมๆ นิดนึง

สปริงนิวส์ : ในกรณีของ พล.อ.สุรยุทธ์ หลายคนมักเข้าใจว่า ไม่มีการดำเนินคดี ?

เรืองไกร : กรณีของ พล.อ.สุรยุทธ์ ผมก็ร้อง เรื่องเขายายเที่ยง แต่ว่าทางอัยการที่โคราช เขาสั่งไม่ฟ้อง แล้วคำสั่งอัยการมันถึงที่สุด จำได้ว่าตอนนั้นกรรมการวุฒิสภาเชิญมาถามว่า ทำไมคนอยู่บนเขา จึงสั่งยุติการดำเนินคดี แต่คนที่อยู่ตีนเขา อย่างชาวบ้านทั่วไป กลับดำเนินคดี เขาก็ตอบไม่ได้

ต่อมา คุณสุภรณ์ อัตถาวงศ์ (แรมโบ้อีสาน) ฟ้อง พล.อ.สุรยุทธ์ แต่ว่าไม่ใช่ผู้เสียหาย ศาลจึงยกฟ้อง... ฉะนั้นท่านรองฯ วิษณุต้องลองไปดูข้อเท็จจริงให้กระจ่างมากกว่านี้ แล้วค่อยตอบ

สปริงนิวส์ : ตามกฎหมายที่เกี่ยวกับ ส.ป.ก. ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่า ครอบครองโดยมิชอบ ก็แค่คืนที่ดิน ไม่มีความผิดทางอาญา หรือเปล่าครับ ?

ในส่วนเอาที่คืน ไม่มีโทษจำคุก แต่ต้องดูในส่วนอื่นว่า ตัวบทกฎหมายมีการเท้าความถึงเรื่องใดหรือไม่ เพราะว่าที่ ส.ป.ก.ส่วนใหญ่ ก่อนประกาศเป็น ส.ป.ก.ตามพระราชกฤษฎีกา มักจะเป็นที่หลวง ที่ป่า การบุกรุกที่ป่า ที่หลวง โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดอาญา

แต่ว่าที่ ส.ป.ก.เมื่อเขาจัดเขตปฏิรูป แล้วเขาจัดสรรให้ถือครอง สมมติว่าได้ 50 ไร่ ต่อมาปรากฏว่า ผู้ครอบครองพ้นจากความเป็นเกษตรกร หรือมีฐานะดีขึ้น ส.ป.ก.ก็ต้องไปขอที่ดินคืน อันนี้มันไม่มีโทษอะไร เพียงว่าเงื่อนไขที่จะได้มันหมดไปแล้ว เขาก็เอาคืน เพื่อเอาไปให้คนอื่น

ถ้าท่านรองฯ วิษณุ อธิบายอย่างนี้ คนก็จะเข้าใจ แต่ไปบอกว่าทั้งหมดเนี่ย 600 ไร่ 1000 ไร่ คืนแล้วไม่ผิดเลย ไม่น่าใช่

สปริงนิวส์ : ต้องการฝากอะไรถึงคุณวิษณุ กับคุณปารีณา ?

สำหรับท่านรองฯ วิษณุ เนื่องจากท่านเป็นนักกฎหมายที่ถือว่า เป็นเบอร์ต้นๆ ของประเทศไทย การที่ท่านมีงานเยอะ แล้วตอบอะไรที่รวดเร็วเกินไป ทำให้เกิดความไม่รอบคอบตามมาได้ ก็จะมีเสียงโต้แย้ง เสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา อันนี้ด้วยความเคารพนะ ผมก็ติดตามข้อโต้แย้งอยู่ และเคยร้องท่านด้วย

แต่สำหรับคุณปารีณาเนี่ย เมื่อเป็นผู้แทนราษฎร เคยพาชาวบ้านไปร้องขอที่ดินของบุคคลอื่นคืนหลวง ก็ควรทำตัวให้เป็นตัวอย่าง ให้เป็นไปตามกฎหมาย ก็ฝากถึงท่าน เมื่อเป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทย ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ผิดถูกก็สู้คดีกันไป มันยังไม่ถึงที่สิ้นสุด เพราะตอนนี้มีแต่ข้อกล่าวหา แต่ถ้ามีข้อเท็จจริง มีมูลเพียงพอให้สังคมติดตาม ผลของคดีเป็นอย่างไร เรายังไม่รู้หรอก ก็ต้องสู้ไปนะครับ