svasdssvasds

หมวดเจี๊ยบ แนะรัฐบาลควรใช้ปี๊บคลุมหัวเดิน จวกเคสนำคนไทยกลับบ้าน ทำงานไร้ทิศทาง

หมวดเจี๊ยบ แนะรัฐบาลควรใช้ปี๊บคลุมหัวเดิน จวกเคสนำคนไทยกลับบ้าน ทำงานไร้ทิศทาง

รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แนะรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ควรใช้ปี๊บคลุมหัวเดิน หลังผลงานรับคนไทยจากอู่ฮั่น ข้อมูลมั่วซั่ว ไร้ทิศทางการทำงาน

ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับคนพม่า ที่ขณะนี้รัฐบาลของท่านในสหภาพเมียนม่า

ได้พานักศึกษาพม่า 59 คน เดินทางกลับจากนครอู่ฮั่นอย่างปลอดภัยแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา

นอกจากนี้น่าสังเกตว่ารัฐบาลตุรกี ก็สามารถส่งเครื่องบินทหารเข้าไปรับประชาชน 42 คน กลับจากอู่ฮั่นได้ เมื่อวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ ต่างกับรัฐบาลประยุทธ์ อ้างกับคนไทยมาตลอดว่า รัฐบาลจีนไม่อนุญาตให้รัฐบาลต่างชาติส่งเครื่องบินทหารเข้าไปอพยพประชาชนกลับจากอู่ฮั่น แล้วทำไมรัฐบาลจีน จึงอนุญาตให้ตุรกีนำเครื่องบินลำเลียงทางทหารรุ่น A400M บินเข้าไปอพยพประชาชนกลับตุรกีได้ แสดงว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ฝ่ายจีน

ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งในฐานะนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องตอบคำถามประชาชนให้ได้ว่า

ความล่าช้าในการเข้าไปช่วยอพยพคนไทยในอู่ฮั่นนั้น ปัญหาอยู่ที่ไหน อย่าอ้างว่า สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และชาติยุโรป อื่นๆ เป็นชาติมหาอำนาจ จึงอพยพได้เร็ว เพราะพม่า ก็ยังอพยพคนพม่ากลับประเทศได้แล้วตั้งแต่วันศุกร์ที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา

พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องตรวจสอบด้วยว่ารัฐบาลไทยมีปัญหาเรื่องการประสานกันภายในหรือไม่ เพราะรัฐมนตรีใน ครม. ประยุทธ์ หลายคนให้ข้อมูลไม่ตรงกันเรื่องวันเวลาอพยพคนไทย โดย รัฐมนตรีว่าการและช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประกาศจะอพยพคนไทยในอู่ฮั่นได้ภายในวันที่ 4 ก.พ 63

แต่ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศปฏิเสธว่า เป็นเพียงการคาดการณ์ไปเองของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข แต่กระทรวงการต่างประเทศไม่รู้เรื่องด้วย และไม่ทราบว่ากระทรวงสาธารณสุข เอากำหนดการวันที่ 4 ก.พ มาจากไหน ซึ่งคำชี้แจงของผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงที่ถูกจดบันทึกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรในบันทึกการประชุมของคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎรเมื่อ วันที่ 30 ม.ค ที่ผ่านมา

ในขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ประกาศว่าจะไปรับคนไทยในอู่ฮั่น ภายใน 6.00 น. ของ วันที่ 1 ก.พ 63 แต่ในที่สุด ก็ไม่ได้ไปรับและยังแก้ตัวกับนักข่าวแบบง่ายๆ ว่าพูดผิดไปหน่อย ทั้งๆ ที่ เรื่องวันเวลาอพยพคนไทยกลับจากอู่ฮั่นเป็นเรื่องใหญ่ และเกี่ยวกับความเป็นความตายของประชาชน จะมาพูดจาส่งเดชเรื่องกำหนดการได้อย่างไร

ที่สำคัญ ในวันที่ 1 ก.พ. รัฐบาลตุรกีก็ใช้เครื่องบินทหารอพยพประชาชนกลับตุรกีได้ ทำไมคนไทยจึงเดินทางกลับในวันเดียวกันนั้นไม่ได้ รัฐบาลไทยควรมีคำชี้แจงด้วย ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันปัญหาลักษณะนี้ขึ้นอีกในอนาคต

นอกจากนี้ รัฐบาลประยุทธ์ยังล้มเหลวในด้านการประชาสัมพันธ์ เพราะขาดการรวมศูนย์ข้อมูลไว้ที่เซ็นเตอร์แห่งเดียว ทำให้ตกข่าวหลายเรื่อง เช่น คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่า จำนวนคนไทยที่ตกค้างอยู่ใน นครอูฮั่น และ มณฑลหูเป่ย ขณะนี้เพิ่มเป็น 161 คนแล้ว ไม่ใช่แค่ 64-65 คน อย่างที่เข้าใจกัน จะเห็นได้ว่า แม้แต่โฆษกกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐแท้ๆ ซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับข้อมูลก็ยังแถลงข่าวผิด ๆ ว่าเตรียมสถานที่ไว้รองรับคนไทย 64 คน กลับจากอู่ฮั่น ทั้งๆ ที่ ยอดรวมของคนไทยเปลี่ยนเป็น 161 คนแล้ว

นอกจากนี้รัฐบาลก็ล้มเหลวเรื่องการประชาสัมพันธ์วิธีป้องกันตัวจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ทำให้คนไทยต้องไปหาข้อมูลเองจากอินเตอร์เน็ต แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นข่าวจริง ข่าวเท็จ เพราะรัฐบาลก็ไม่ได้มีข้อมูลที่แท้จริงเอาไว้ให้เปรียบเทียบ

ขณะที่ สื่อมวลชนไทยก็ต้องหาข้อมูลจากต่างประเทศ เพราะรัฐบาลไทยไม่มีศูนย์ข้อมูลกลางให้เช็คข่าวอย่างเป็นระบบ จึงเกิดปัญหาต่างคนต่างพูด จนข้อมูลสับสนไปหมด ซึ่งถือเป็นความบกพร่องและล้มเหลวของรัฐบาลในเรื่องของการประชาสัมพันธ์

ทั้งที่หน้าที่ของรัฐบาลประยุทธ์ที่เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่ามีหลัก ๆ แค่ 2 อย่าง ในฐานะที่ประเทศไทยไม่ได้เป็นศูนย์กลางของการแพร่ระบาดของโรคนี้ ท่านก็มีหน้าที่หลัก คือ อพยพคนไทยในต่างแดนกลับประเทศให้เร็วที่สุด และให้ข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกันตนเองของคนไทยเกี่ยวกับการรับเชื้อไวรัสโคโรน่า เพราะไทยเป็นสถานที่ที่มีความเสี่ยงมากที่สุด เนื่องจากไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน

แต่ในเมื่อรัฐบาลประยุทธ์ทำภารกิจหลัก 2 เรื่องนี้ล่าช้าและบกพร่อง ทั้งยังปล่อยให้รัฐบาลพม่าอพยพคนกลับจากอู่ฮั่นก่อนประเทศไทย ทั้งๆ ที่ พม่าเป็นประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีความคล้ายกับไทยหลายๆ เรื่อง ทั้ง ทำเลที่ตั้ง และลักษณะด้านอื่นๆ

ดังนั้น ความล่าช้าของรัฐบาลประยุทธ์ในการช่วยเหลือคนไทยในอู่ฮั่นจึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย ดิฉันจึงเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ คนใน ครม. ประยุทธ์ สมควรที่จะต้องใช้ปี๊บคลุมศรีษะเดินได้แล้ว

related