ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
วานนี้ (30 เม.ย. 63) โซเชียลได้มีการโพสต์ภาพ และข้อความ ที่ชี้ให้เห็นถึงการกระทำเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัดราชบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะทำการตรวจค้นจับกุมผู้ค้าหน้ากากอนามัยเกินราคากำหนด
เจ้าหน้าที่รัฐได้นำกำลัง 20 คน มาบุกค้นโดยไม่มีหมายศาล อ้างว่าได้ส่งสายมาล่อซื้อหน้ากากอนามัย ซึ่งทางร้านมิได้ขายมานานแล้วแต่วันนี้มีคนซึ่งเป็นสายลับ เข้ามาอ้อนวอนว่าเดือดร้อนจริงๆ คะยั้นคะยอว่ามีความจำเป็นเหลือเกินที่ต้องใช้หน้ากากอนามัยมาก ลักษณะล่อให้ทำความผิด ด้วยความสงสารจึงยอมให้ไปฟรีๆ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็บุกมาจับทันที
จากเหตุดังกล่าว นายประสพชัย พูลเกิด พาณิชย์จังหวัดราชบุรี ได้ให้ข้อมูลว่า หลังจากรับทราบเรื่องจากสื่อต่างๆ โดยเฉพาะโซลเชียล ตนได้เข้ารายงานข้อเท็จจริงกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี และกำลังทำรายงานชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดไปยังกระทรวงพาณิชย์
ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว ตนขอชี้แจงว่า การดำเนินการเข้าตรวจค้น จับกุม หรือ การเข้าไปล่อซื้อหน้ากากอนามัย ในร้านที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของทางเจ้าพนักงานที่สามารถเข้ากระทำได้ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา ที่ประกาศห้ามขายหน้ากากอนามัยเกิน 2.50 บาท ให้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยกำหนดเป็นเวลา 1 ปี 7 มี.ค. 2563 หากขายเกินราคาสูงสุดที่กำหนดจะมีโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 โดยจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้จากข้อมูลที่ได้รับมารวมทั้งการสืบสวนทำให้แน่ชัดแล้วว่ามีการกระทำผิดจริง
ทั้งนี้ทางพาณิชย์จังหวัดราชบุรีเอง ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเข้ามาตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน ผ่านสายด่วน 1569 ว่าร้านดังกล่าวมีการจำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคาที่สูงถึงชิ้นละ 20 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลที่ได้ตรงกับศูนย์ดำรงธรรมของอำเภอวัดเพลง ก็ได้รับเรื่องร้องเรียนนี้เช่นกัน
จนวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของทางพาณิชย์ จ.ราชบุรี ได้เข้าไปตักเตือนแล้ว รวมไปถึงเจ้าหน้าที่จากฝ่ายปกครองของทางอำเภอวัดเพลง และ เจ้าหน้าที่จากศูนย์โควิด-19 ราชบุรี แล้วถึง 2 ครั้งด้วยกันแต่ก็ยังคงพบว่ามีการกระทำความผิดเหมือนเดิม
ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 เม.ย. นี้ทางเจ้าหน้าที่พาณิชย์หญิง 2 รายพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และกำลังตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี นำธนบัตรฉบับละ 500 บาท 1 ฉบับ ถ่ายเอกสารและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ได้ทำการล่อซื้อหน้ากากอนามัยจากร้านดังกล่าว โดยได้หน้ากากอนามัยกลับออกมา 1 แพ็คในราคา 100 บาท
ต่อมาจึงได้มีการแสดงตัว ตรวจค้นหาหลักฐาน แต่กลับไม่พอธนบัตร 500 บาทที่ใช้ในการล่อซื้อ เมื่อเป็นดังนั้นเนื่องด้วยหลักฐานไม่ครบจึงได้ถอนกำลังออกมา และมีการบันทึกการเข้าตรวจกับทางร้านไว้ แต่ยังไม่ได้ดำเนินคดีตามกฎมายกับทางร้าน หรือ เจ้าของร้านแต่อย่างไร
นายประสพชัย กล่าวอีกว่า จากการสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปปฏิบัติงานแล้ว ทราบว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ในร้าน เพื่อดูว่าเป็นการซื้อขายกันจริง ทางทางร้านกลับบอกว่า กล้องเสีย ไม่สามารถเปิดได้ แต่ปรากฏกว่าภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้านกลับถูกไปนำเสนอเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง
โดยตนเองยืนยันว่า การเข้าปฏิบัติหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ พณ.จ.ราชบุรี ทั้ง 2 ราย รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เราทำงานอย่างที่ และตรงไปตรงมา ไม่มีการกลั่นแกล้งอย่างนอน แต่การจับกุมผู้กระทำความผิดที่จำหน่ายแมสเกินราคาตามที่กฎมายระบุไว้ ตนจึงอยากให้สังคมเข้าใจ ฟังความทั้ง 2 ฝ่าย ต้องให้ความเป็นธรรมกับทางเจ้าหน้าที่ด้วย
ติดตามข่าว ล่าสุด “COVID-19”
กดที่ลิ้งค์นี้ —> https://bit.ly/2UxjSwR
#โควิด19 #Covid_19 #COVID19 #ข่าวจริง #สปริงนิวส์ #Springnews #COVID2019 #coronavirus #ไวรัสโคโรนา #โควิท19
เรื่องน่ารู้จาก COVID-19
อ่านข่าวแนะนำ >>> แพทย์แนะ มาตรการต้องมีในที่ชุมนุมชน รับมือไวรัสโควิด-19
https://www.springnews.co.th/alive/lifestyle/623982
อ่านข่าวแนะนำ >>> 4 ทริค รับมือ COVID-19 มฤตยูร้ายสายพันธุ์ใหม่ ให้อยู่หมัด
https://www.springnews.co.th/alive/lifestyle/627250
อ่านข่าวแนะนำ >>> วิธี กักกันตัวเอง ที่บ้าน ทำอย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด
https://www.springnews.co.th/alive/lifestyle/630786
อ่านข่าวแนะนำ >>> Social Distancing ระยะห่างทางสังคม ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
https://www.springnews.co.th/alive/lifestyle/631471
อ่านข่าวแนะนำ >>> วิธีรับมือ ความวิตกกังวลจากการระบาดของไวรัสโควิด-19
https://www.springnews.co.th/alive/lifestyle/634538