The Underclass ซีรีส์ที่ตีแผ่ความเหลื่อมล้ำในระบบการศึกษาไทย

ถ้าใครที่ติดตามวง BNK48 จะพบว่าน้องๆ สมาชิกในวง นอกจากจะมีผลงานเพลง โฆษณา Music Video และภาพยนตร์แล้ว ก็ยังมีซีรีส์ที่ขนเหล่าเมมเบอร์มาแสดงด้วย ซึ่งซีรีส์เรื่องนั้นคือ "the underclass "ห้องนี้ไม่มีห่วย" ที่ออกอากาศในช่อง GMM 25 และบน Netflix 

หลังจากออกอากาศไปได้แล้วนั้น ก็มีทั้งกระแสบวกและกระแสลบจากผู้ชมทางบ้าน ว่าการแสดงของเมมเบอร์บางคนยังไม่โอเค ยังดูเฉยๆ ไม่มีมิติ หรือดึงดูดความน่าสนใจบ้าง อีกทั้งผู้ชมบางส่วน อาจจะไม่ได้ติดตามวง BNK48 เลย คนดูจึงอาจจะมองข้ามซีรีส์เรื่องนี้ออกไป 

แต่ช้าก่อน ถึงแม้การนำเสนอของซีรีส์อาจจะดูไม่สมเหตุสมผล หรือดูแปลก แหวกแนวไปจากซีรี่ส์อื่นๆ ในช่อง GMM 25 บ้าง แต่เราหารู้ไหมว่า ซีรีส์เรื่องนี้กำลังพูดถึงสิ่งที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นั่นคือ ปัญหาระบบการศึกษาไทย ที่ยังแก้ไม่หาย และยังเกิดขึ้นอยู่ทุกวันๆ 

ซึ่งในซีรีส์เรื่องนี้พูดถึงโรงเรียนหญิงล้วนแห่งหนึ่ง ตีแผ่ความเหลื่อมล้ำกันในโรงเรียน (ทั้งที่จ่ายค่าเทอมเท่ากัน) มีการเรียงลำดับเด็กเรียนดี จนถึงเด็กเรียนห่วย โดยใช้คะแนนการเรียน ความประพฤติ เป็นตัวตัดสิน จนมีเด็กกลุ่มหนึ่ง มีนามว่า "แก๊งแกะดำ" คอยต่อต้านการใช้อำนาจ และความเหลื่อมล้ำในโรงเรียน ให้จบสิ้นก่อนที่พวกเขาจะเรียนจบจากที่นี่ไป 

ผู้เขียนลองมาวิเคราะห์ดูว่า ในซีรีส์เรื่องนี้ตีแผ่ความจริงเรื่องอะไรบ้าง 

1.การลาออกของผู้อำนวยการ จึงทำให้อำนาจมาตกอยู่ในมือของรองผู้อำนวยการ 

"ในเมื่ออำนาจตกอยู่ในมือผู้ใด ผู้นั้นย่อมเหนือกว่า" ประโยคนี้เหมาะกับตัวละครรองผู้อำนวยการวิชัย เนื่องจากผู้อำนวยการต้องการที่จะให้โรงเรียนมีชื่อเสียงทางด้านวิชาการเป็นอย่างมาก จึงใช้อำนาจในการแบ่งชนชั้นนักเรียน ออกเป็นห้องเด็กเรียนดี ไปจนถึงห้องเรียนเด็กห่วย นั่นคือห้อง A ถึงห้อง F การเคร่งครัดด้วยกฏระเบียบที่ไม่จำเป็นให้กับนักเรียน รวมถึงการใช้อำนาจที่ผิดในการแอบปล่อยข้อสอบให้กับนักเรียนคนหนึ่งในห้อง A  อีกด้วย 

2.เมื่อความอยุติธรรมเกิดขึ้นในโรงเรียน แก๊งแกะดำจึงถือกำเนิดขึ้น 

"แก๊งแกะดำ" คือ น้องเรียนทั้งหมดของห้อง F รวมตัวกันเพื่อต่อต้านอำนาจที่อยู่ในมือของรองผู้อำนวยการวิชัย ไม่ว่าจะเป็นการต่อต้านที่รองผู้อำนวยการห้ามใช้ทางเดินบางส่วน การแบ่งชนชั้นในโรงอาหาร ที่เด็กห้อง A อยู่ดีกินดีกว่าเด็กห้องอื่น ซึ่งแก๊งแกะดำ พยายามจะทำทุกอย่างเพื่อให้เด็กนักเรียนในโรงเรียนเกิดความเท่าเทียมกัน แม้วิธีการของแก๊งแกะดำ บางอย่างก็ดูไม่สมเหตุสมผลก็ตาม 

3. การถูกกดดันในผลการเรียน สุดท้ายจึงต้องมาอยู่ห้อง F 

พะแพงคือเหยื่อของระบบ เดิมที พะแพงเรียนอยู่ห้อง A แล้วพอถึงคราวที่ต้องสอบเก็บคะแนน พะแพงเตรียมตัวได้ไม่มากพอ พะแพงจึงแอบจดโพยเข้าในห้องสอบและถูกจับได้ ทำให้พะแพงถูกย้ายจากห้อง A ไปยังห้อง F ซึ่งเพื่อนสนิทของพะแพงในห้อง A ต่างก็แสดงความเสียใจ แต่หารู้ไหมว่า พวกเขานั้นไม่เคยจริงใจกับพะแพงเลย เพราะทุกคน ต่างแข่งกันเพื่อเอาชนะ และอยู่รอดด้วยตัวเอง 

4. การพยายามจะเอาชนะกันทุกอย่างของ "แตม" เด็กเรียนดีในห้อง A 

แตม เป็นเด็กเรียนดี และเชื่อมั่นในตนเองสูงมาก เป็นทั้งหัวหน้าสภานักเรียน และหัวหน้าศาลนักเรียน แถมยังรู้จักเป็นการส่วนตัวกับรองผู้อำนวยการวิชัยอีกด้วย ทำให้แตม ต้องพยายามจะเอาชนะระบบที่เฮงซวย เพื่อให้ตนเองอยู่ที่ 1 ของโรงเรียนแห่งนี้ให้ได้ แม้บางครั้ง จะได้มาเพราะความเห็นแก่ตัวและการโกงก็ตาม เช่น การได้เฉลยข้อสอบจากรองผู้อำนวยการวิชัย ทำให้คะแนนของแตม ติดอันดับต้นๆ มาตลอด เป็นต้น 

5.การจัดอันดับให้เด็กห้อง F เป็นเด็กที่ห่วย ไม่มีเด็กห้องไหนอยากคบเป็นเพื่อน 

เด็กห้อง F ดูรวมๆ ก็เป็นเด็กที่เรียนด้อยทางวิชาการก็จริง แต่หารู้หรือไม่ ว่าเด็กห้องนี้ อาจจะมีความสามารถทางด้านอื่นก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นดนตรี การแสดง (และการเป็นนักสืบ หรือสายลับได้ จากการที่พวกเขา รวมตัวกันสร้างกลุ่มแก๊งแกะดำ ขึ้นมา โดยที่ไม่มีผู้ใดในโรงเรียนรับรู้ ) และทำให้รู้ว่า เด็กเก่ง ไม่จำเป็นต้องเก่งทางด้านวิชาการเสมอไป เพราะทุกคน มีความสามารถ ความอัจฉริยะที่แตกต่างกันเสมอ 

ยังมีอีกมากมายที่ซีรีส์เรื่องนี้นำเสนอ ถึงแม้การดำเนินเรื่อง และการแสดงยังไม่ได้ออกมาดีมากนัก เนื่องจากน้องๆ BNK48 อาจจะไม่ได้ถูกฝึกฝนทางด้านการแสดงมามากสักเท่าไหร่ แต่ซีรีส์ยังนำเสนอออกมาตามความเป็นจริงของสังคมไทย กับระบบการศึกษาที่เหลื่อมล้ำและไม่เท่าเทียมกัน ดังนั้น ซีรีส์เรื่องนี้จึงเป็นการตั้งคำถามว่า เราอยากเห็นโรงเรียนในบ้านเราเป็นแบบนี้หรือไม่ ผู้ปกครองอยากส่งลูกไปเรียนโรงเรียนแบบนี้หรือไม่ เราจะยอมก้มหน้าให้กับระบบแบบนี้ หรือจะออกมาต่อต้านแบบแก๊งแกะดำ ก็สุดแล้วแต่จะเลือก