ส.ส. ประชาธิปัตย์ ย้ำ พลังเงียบอีกมากมายอยากให้ "บิ๊กตู่" อยู่ต่อไป

นายอัครเดช วงษ์พิทักโรจน์ ส.ส.ราบชุรี พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายชี้แจงในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่งทีลงมติสนับสนุนให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมก่อนครับหลักการ ด้วยเหตุผลไม่ใช่เรื่องของการยื้อเวลาหรือเป็นการเตะถ่วงตามที่คนบางกลุ่มได้ตั้งข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลหรือพรรคร่วมรัฐบาลมีความต้องการที่จะเตะถ่วงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่สิ่งสำคัญคือ เพื่อให้เกิดความรอบคอบ เนื่องจากรัฐธรรมนูญถือว่าเป็นกฎหมายสูงสุด เป็นกฎหมายที่ศักดิ์สิทธิ์ 

ดังนั้นการที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องให้เกิดความรอบคอบในการแก้ไข และที่สำคัญที่ผ่านมาเราต้องการเสียงวุฒิสภาในการที่จะโหวตรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ที่ผ่านมาไม่ว่าการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญในชุดที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นประธานนั้นวุฒิสภาก็ไม่ได้มีส่วนร่วม ดังนั้นการตั้งคณะกรรมาธิการที่ใช้ระยะเวลา 30 วันที่ผ่านมาถือว่าเป็นประโยชน์มากในการที่จะให้วุฒิสภาได้ร่วมพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นกฏหมายสูงสุดของประเทศให้มีความรอบคอบและเกิดการยอมรับในส่วนของสมาชิกวุฒิสภาที่จะได้นำร่างแก้ไขเพิ่มเติมไปศึกษาเพื่อจะได้ลงมติรับหลักการในลำดับต่อไป 

ทั้งนี้ นายอัครเดช ยืนยันว่ารัฐบาลหรือพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้เตะถ่วงการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่มีการกล่าวหา แต่ต้องการให้เกิดความรอบคอบ และเกิดการมีส่วนร่วมบนพื้นฐานกลไกของรัฐสภาในการตั้งกรรมาธิการพิจารณาก่อนรับหลักการ ซึ่งตอนนี้ทราบว่าผลการพิจารณาก็เสร็จสิ้นแล้ว โดยได้มีการจัดพิมพ์รายงานเพื่อให้สมาชิกรัฐสภาได้รับไปพิจารณา ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการที่จะให้ทั้ง ส.ส. และ ส.ว.ได้พิจารณาในการที่จะเปิดสภามา และได้พิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่รัฐบาลได้มีนโยบาย ซึ่งทางรัฐบาลก็มีนโยบายของรัฐบาลที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงขอให้พี่น้องประชาชน ทั้งที่ชุมนุมอยู่ และที่อยู่ทางบ้าน ได้มั่นใจว่ารัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความตั้งใจที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่ทุกฝ่ายนั้นมีความต้องการ

“ตอนนี้ประเทศชาติต้องการความสงบ แต่ที่ผ่านมานั้นมีการชุมนุม ซึ่งรัฐบาลนั้นต้องการแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจจากภัยไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งระบาดไปทั่วโลก และเป็นที่ทราบอยู่แล้วว่ารัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีผลงานการควบคุมโรคระบาดเป็นที่ชัดเจน และเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ ดังนั้นจากการที่ตนได้ลงพื้นที่ ได้รับเสียงสะท้อนจากประชาชนจำนวนมาก ว่าต้องการความสงบ และขอให้รัฐบาลนั้นได้มีสมาธิในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ จึงอยากจะบอกกับทางรัฐบาล และเพื่อนสมาชิก ว่ามีคนจำนวนมากที่สนับสนุนให้รัฐบาลบริหารประเทศชาติต่อไป ซึ่งเป็นพลังเงียบ และขอให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้บริหารประเทศต่อไป ขอให้ท่านอย่าลาออก” นายอัครเดช กล่าวทิ้งท้าย