"ประวิตร วงษ์สุวรรณ" ยอมรับเป็นสัญญาณที่ดีของรัฐบาล หลังสภาความมั่นคงแห่งชาติประเมินม็อบทั่วประเทศแผ่ว ยันไม่เคยส่งคนเจรจา ปัดนายกฯสั่งคุย 25 ส.ส.พลังประชารัฐ ถอนชื่อส่งศาลตีความร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
จากกรณีที่ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ได้รายงานถึงสถานการณ์การชุมนุมของ กลุ่มราษฎร 2563 ว่าในขณะนี้ มีจำนวนผู้ชุมนุมเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้เข้าร่วมชุมนุมอยู่ที่ประมาณ 10,000-15,000 คน เฉลี่ยอยู่ที่ 12,000 คน/ครั้ง ซึ่งสรุปได้ว่า ภาพรวมทั้งประเทศในการชุมนุมแบบดาวกระจาย มีผู้เข้าร่วมชุมนุมไม่เกิน 50,000 คน ซึ่งแบ่งเป็นชุมนุมในพื้นที่ กทม. ประมาณ 17,000 คน
โดยจำนวนผู้ชุมนุมเพิ่มสูงขึ้นสูงสุดคือวันที่ 18 ต.ค. เหตุจากที่มีการสลายการชุมนุม โดยเจ้าหน้าที่ใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูง เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา และในต่างจังหวัดมีผู้ชุมนุมประมาณ 33,000 คน และคาดว่าจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมมีแนวโน้มที่จะลดลงเรื่อยๆ แต่สิ่งที่น่ากังวล คือ การที่กลุ่มปกป้องสถาบัน และกลุ่มราษฎรฝ่ายออกมาชุมนุมพร้อมกันทั้ง 2ฝ่าย เกรงว่าอาจจะเกิดการปะทะและเผชิญหน้ากัน จึงต้องเฝ้าระวังเป็นอย่างมาก
วันนี้ 11 พฤศจิกายน 2563 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ประเมินจำนวนผู้ชุมนุมทั่วประเทศมีมวลชนลดลง ถือเป็นสัญญาณที่ดีของรัฐบาล แต่ตนไม่ได้ประเมินแต่เป็น สมช. ส่วนจะมีแนวโน้มที่คลี่คลายของสถานการณ์หรือไม่ ส่วนตัวไม่ทราบ เพราะไม่ได้มีการส่งคนไปเจราจา
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีสั่งการให้คุยกับ 25 ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้ถอนชื่อ หลังร่วมลงชื่อส่งศาลตีความร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประวิตร ตอบเพียงสั้นๆ ว่า นายกฯไม่ได้บอกอะไรตน