หนุ่มใหญ่นักธุรกิจแจ้งความเอาผิดกรณีผู้รับเหมาร้องสื่อกล่าวหาทุจริตถนนยางพาราของรัฐบาล
วันที่ 11 มี.ค. 2564 นายชัยรัชต์พงษ์ กุลรัตนจินดา พร้อมด้วยทนายความ เดินทางมายังสถานีตำรวจภูธรวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีนางสาวรักษยา แสงฤทธิ์ อยู่บ้านเลขที่ 21/6 ถนนกองพล 10 ต.ในเมือง อ.เมือง จังหวัดร้อยเอ็ด ในข้อหาหมิ่นประมาทตามมาตรา 326, 328 และความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) โดยอ้างถึงกรณีที่ นางสาวรักษยา แสงฤทธิ์ ผู้รับเหมางานก่อสร้างถนนดินซีเมนต์ผสมยางพาราในพื้นที่ภาคอีสาน ร้องเรียนสื่อมวลชนโดยอ้างว่า ในช่วงกลางปี 2562 ได้ถูกปลัด อบต.แห่งหนึ่ง และคนใกล้ชิด อ้างชื่อผู้บริหารระดับสูงในกรมหนึ่งในกระทรวงมหาดไทย เรียกรับเงินค่าเปอร์เซ็นต์ตอบแทน จากการเข้าไปได้รับงานโครงการก่อสร้างถนนดินซีเมนต์ผสมยางพาราของรัฐบาลเป็นวงเงินเกือบ 60 ล้านบาท
“โดยเฟซบุ๊กของ นางสาวรักษยา แสงฤทธิ์ ซึ่งเปิดเป็นสาธารณะได้โพสต์ข้อความในลักษณะ หมิ่นประมาทตนและภรรยาซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐว่ามีการรับเงินจำนวน 10-12 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนงบประมาณก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กและถนนดินซีเมนต์ปรับปรุงด้วยยางธรรมชาติของกรมการส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นความเท็จทั้งสิ้น และก่อให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก เพราะความจริงแล้วตนและภรรยา รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงฯ ที่ถูกกล่าวหา ไม่มีส่วนรู้เห็นในการเรียกรับเงินตามที่นางสาวรักษยากล่าวหาแต่อย่างใด”
โดยนายชัยรัชต์พงษ์ อ้างว่า ในปี 2562 นางสาวรักษยา ได้มากู้ยืมเงินตนจำนวนหลายล้านบาท โดยมีหลักฐานเป็นสัญญาการกู้ยืมเงิน จึงคาดว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้นางสาวรักษยาออกมาให้ข้อมูลเท็จต่อสาธารณชน และยังพยายามบิดเบือนข้อมูลจากการติดค้างชำระเงินกู้ ให้กลายเป็นการเรียกรับเงินค่าเปอร์เซ็นต์ตอบแทน เพราะไม่ต้องการจะชำระหนี้ที่ยังคงค้างจ่าย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ตนและภรรยาไม่เคยเรียกรับเงินตามที่นางสาวรักษยากล่าวหาแต่อย่างใด อีกทั้งเรื่องดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้บริหารระดับสูง ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นแต่อย่างใดเช่นกัน โดยหากย้อนดูประวัติของนางสาวรักษยาแล้ว มีความผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา หลายข้อหา ทั้งนี้ ตนพร้อมจะดำเนินคดีกับนางสาวรักษยาให้ถึงที่สุด
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2564 ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ลงนามโดย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ระบุกรอบระยะเวลาการดำเนินสอบสวนไว้ 15 วัน