svasdssvasds

ไทยยืนยัน ปฏิบัติกับผู้อพยพเมียนมา ตามหลักมนุษยธรรม

ไทยยืนยัน ปฏิบัติกับผู้อพยพเมียนมา ตามหลักมนุษยธรรม

ตัวแทนกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยัน ไทยปฏิบัติกับผู้อพยพชาวเมียนมา เชื้อสายกะเหรี่ยง ตามหลักมนุษยธรรม พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมา อดทนอดกลั้น แก้ปัญหาด้วยสันติวิธี

จากกรณีรัฐบาลทหารเมียนมา โจมตีกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ส่งผลให้ชาวเมียนมา เชื้อสายกะเหรี่ยง อพยพหนีภัยเข้ามาในฝั่งไทย

วันนี้ ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงถึงประเด็นดังกล่าว รวมถึงท่าทีของไทยต่อสถานการณ์ในเมียนมา และการให้ความช่วยเหลือคนไทยในเมียนมา ดังต่อไปนี้

ท่าทีของไทยต่อสถานการณ์ในเมียนมา

นายธานี เริ่มต้นด้วยการเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมา ใช้ความอดทนอดกลั้น และแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี

"เกี่ยวกับสถานการณ์ของเมียนมาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่สบายใจอย่างมากต่อรายงานการเสียชีวิตและการบาดเจ็บที่เพิ่มมากขึ้นในหมู่ประชาชนชาวเมียนมา

"จึงอยากให้ทางการเมียนมา ใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างมาก ในการดำเนินการใดๆ รวมถึงการคลี่คลายสถานการณ์ ยุติความรุนแรง และปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวเพิ่มมากขึ้น และขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง พยายามรวมกันหาทางออกโดยสันติวิธี เพื่อเมียนมา และประชาชนเมียนมา

"ประเทศไทยกำลังทำงานอย่างใกล้ชิด กับสมาชิกอาเซียน ซึ่งรวมถึงเมียนมา เพื่อให้ได้มาซึ่งสันติภาพที่ยั่งยืน สำหรับประชาชนเมียนมา และเพื่อให้เมียนมากลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด เป็นเมียนมาที่มีสันติภาพ เสถียรภาพ ความเป็นปึกแผ่น และความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ไม่เฉพาะกับเมียนมา แต่สำหรับอาเซียนทั้งภูมิภาค และนอกภูมิภาค"

กระทรวงการต่างประเทศ

การให้ความช่วยเหลือคนไทยในเมียนมา

ส่วนการให้ความช่วยเหลือคนไทยในเมียนมา นายธานีกล่าวว่า มีการเตรียมความพร้อมช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยประเมินสถานการณ์ทุกวัน

"การให้ความช่วยเหลือคนไทยในเมียนมา กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ว่าสถานการณ์ในกรุงย่างกุ้งยังไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก คือ มีการประท้วง มีการปะทะกันเป็นจุดๆ แต่อย่างไรก็ดี ยังสามารถจัดหาอาหารและข้าวของต่างๆ ได้อย่างไม่ขาดแคลน

"กระทรวงการต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง มีการจัดเตรียมความพร้อมช่วยเหลือคนไทยและมีการประเมินสถานการณ์ทุกวัน โดยสถานเอกอัครราชทูต ร่วมกับทีมประเทศไทย กรุงย่างกุ้ง ร่วมถึงผู้แทนชุมชนไทย และภาคธุรกิจไทย มีประชุมประเมินสถานการณ์กันอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการซักซ้อมแผนการอพยพคนไทยมาโดยตลอด โดยให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน อย่างรอบคอบรัดกุม

"ขณะนี้จากการประเมินสถานการณ์ในเมียนมา ยังไม่ถึงกับต้องมีการอพยพคนไทยกลับประเทศ แต่หากสถานการณ์มีการยกระดับขึ้นอีก ฝ่ายไทยก็ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้แล้วในทุกขึ้นตอน

"สำหรับการอำนวยความสะดวกให้คนไทยในเมียนมา เดินทางกลับประเทศไทย ทางอากาศ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ประจำเดือนเมษายนนี้ สถานเอกอัครราชทูต ได้ประสานกับเที่ยวบินให้กับคนไทยเดินทางออกจากเมียนมา 3 เที่ยวบิน โดยวันที่ 6 เมษายน 2564 มี 2 เที่ยวบิน และวันที่ 9 เมษายน 2564 มี 1 เที่ยวบิน

"สำหรับคนไทยในเมียนมาที่ประสงค์เดินทางกลับในวันดังกล่าว สามารถติดต่อได้โดยตรงที่ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง หรือช่องทางการติดต่อต่างๆ ได้ทุกวัน

"กระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า การให้ความช่วยเหลือคนไทยในเมียนมา เป็นหน้าที่ที่สำคัญที่สุด และกระทรวงไม่เคยนิ่งนอนใจในเรื่องนี้ ข้าราการของกระทรวงทุกคน ตระหนักถึงหน้าที่นี้ และดำเนินการอย่างเต็มกำลังความสามารถมาโดยตลอด"

ไทยยืนยัน ปฏิบัติกับผู้อพยพเมียนมา ตามหลักมนุษยธรรม

การช่วยเหลือผู้อพยพหนีความไม่สงบ ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา  

นายธานี ยืนยันว่า ที่ผ่านมา ไทยได้ให้ความช่วยเหลือผู้อพยพ ที่หนีภัยการโจมตีของรัฐบาลทหารเมียนมา เข้ามาในฝั่งไทย ตามหลักมนุษยธรรม

"สำหรับกรณีผู้หนีความไม่สงบ ในช่วงปลายมีนาคมที่ผ่านมา มีชาวเมียนมา เชื้อสายกะเหรี่ยง ได้หนีภัยการสู้รบเข้ามาทางฝั่งไทย ทางแม่ฮ่องสอน ในพื้นที่ อ.แม่เสรียง อันเนื่องจากการปะทะในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างรัฐบาลทหารเมียนมา กับกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU)

"ฝ่ายไทยได้ติดตามสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด และได้มีการประเมินสถานการณ์ เพื่อเตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่อง

"สำหรับนโยบาย ผู้หนีภัยเข้ามาในไทยนั้น ขอให้มั่นใจว่า ไทยมีประสบการณ์รับมือกับกลุ่มผู้อพยพเข้าไทยด้วยเหตุผลต่างๆ จากประเทศเพื่อนบ้านมาอย่างยาวนาน และที่ผ่านมาได้ให้ความช่วยเหลือผู้หนีภัยกลุ่มต่างๆ ด้านการสู้รบ จากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน บนหลักมนุษยธรรม และหลักสากลระหว่างประเทศมาโดยตลอด

"สำหรับความกังวลว่า หากจะมีผู้หนีภัยเข้าไทยเป็นจำนวนมาก จากสถานการณ์ในตอนนี้นั้น ฝ่ายความมั่นคงและจังหวัดตามแนวชายแดน ได้เตรียมความพร้อมทั้งแนวปฏิบัติและสถานที่ไว้แล้ว รวมทั้งมีมาตรการป้องกันการระบาดของโควิด-19 ที่เป็นแนวปฏิบัติที่มีมาโดยตลอด ตั้งแต่ช่วงที่เริ่มการแพร่ระบาดตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว

"โดยเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา ฝ่ายไทยได้ช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกกับผู้หนีภัยที่ได้รับความบาดเจ็บ จากสถานการณ์สู้รบในเมียนมา จำนวน 7 คน โดยมีรถพยาบาลของโรงพยาบาลสบเมย จำนวน 6 คัน มารอรับและส่งไปรักษาพยาบาลต่อที่โรงพยาบาลสบเมย

"ทั้งนี้ทุกจุดที่รับผู้ประสบภัยจะยังคงค้างเฉพาะผู้ป่วย เด็ก และคนแก่ เนื่องจากเดินทางกลับไม่ทัน ซึ่งจะกลับในวันนี้ เพราะทุกคนแสดงความประสงค์ที่จะกลับ แต่ก็ยังเกรงภัยทางอากาศ ซึ่งหน่วยงานในพื้นที่ ได้พูดคุยทำความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว และได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบาง ให้มีความพร้อมและให้เป็นไปตามความประสงค์ ของผู้หนีภัยความไม่สงบ

"จำนวนผู้หนีภัยเมียนมาที่ จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 2,788 คน มีเดินทางกลับไปแล้ว 2,572 คน และยังเหลืออยู่ในประเทศไทย 216 คน ผู้ที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่เป็นเด็ก สตรี คนชรา นอกจากนี้ สำหรับผู้บาดเจ็บทั้ง 7 คนที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล โดยทุกรายตรวจเชื่อโควิด-19 แล้ว มีเป็นผลลบทั้งสิ้น"    

related