svasdssvasds

โฆษกเพื่อไทยสงสัย เงินกู้ล้านล้าน อยู่ไหน ทำไมไม่ใช้แก้วิกฤตโควิด 19

โฆษกเพื่อไทยสงสัย เงินกู้ล้านล้าน อยู่ไหน ทำไมไม่ใช้แก้วิกฤตโควิด 19

อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสงสัย เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ที่ได้มีการออก พ.ร.ก.ตั้งแต่ปีที่แล้ว มีการเบิกจ่ายด้านสาธารณสุขน้อยมาก กระทั่งเกิดโควิด 19 ระบาดระลอกใหม่ ส่งผลให้เกิดความไม่พร้อมในการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย และประชาชน

อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กของตัวเอง กรณีรัฐบาลกู้ไปแล้ว 1 ล้านล้านบาท (โรงพยาบาลจะนะ ยังไม่ได้งบฯ โควิด 19 ข้องใจ เงินกู้กว่าล้านล้าน ไปไหน?) แต่ทำไมการแก้ปัญหาโควิด 19 ยังติดขัดและขาดแคลน  ตั้งข้อสงสัย กู้แล้ว ทำไมไม่นำเงินเหล่านี้มาใช้ตามวัตถุประสงค์ โดยมีรายละเอียดดังนี้

สงสัยเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ไปไหน ?

สงสัยว่าเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ที่รัฐบาลได้ออก พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดตั้งแต่ปี 2563 อยู่ไหน ?

แล้วทำไมถึงไม่รีบนำออกมาใช้เพื่อช่วยแก้ไขสถานการณ์เร่งด่วนในตอนนี้อย่างที่ควรจะเป็น ? เราไม่ใช่ประเทศยากจน แต่รัฐบาลไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต่างหาก

ถ้าดูในรายละเอียดของเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท จะพบว่าเงินก้อนนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ

1. งบสาธารณสุข 45,000 ล้านบาท

2. งบเยียวยาประชาชน 600,000 ล้านบาท

และ 3. งบฟื้นฟูเศรษฐกิจ 355,000 ล้านบาท

เงินส่วนแรก คือ งบสาธารณสุข 45,000 ล้านบาท ซึ่งจากข้อมูลล่าสุด (22 มีนาคม 2564) พบว่าอนุมัติไป 20,498 ล้านบาท แต่เบิกจ่ายจริงไปเพียงแค่ 24.71% จากวงเงินที่อนุมัติไปเท่านั้น โดยงบสาธารณสุขจะแบ่งเป็น

1) ค่าใช้จ่ายเตรียมความพร้อมสถานพยาบาล อนุมัติไป 10,132 ล้านบาท เบิกจ่ายจริง 0 บาท

2) ค่าจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ อนุมัติไป 2,706 ล้านบาท เบิกจ่ายจริง 112 ล้านบาท หรือประมาณ 4.14%

3) ค่าใช้จ่ายเพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน อนุมัติไป 1,497 ล้านบาท เบิกจ่ายจริง 55 ล้านบาท หรือประมาณ 3.71%

4) ค่าใช้จ่ายเพื่อการบำบัดรักษาป้องกันควบคุมโรค อนุมัติไป 3,012 ล้านบาท เบิกจ่ายจริง 2,304 ล้านบาท หรือประมาณ 76.52%

5) ค่าใช้จ่ายสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ อนุมัติไป 3,150 ล้านบาท เบิกจ่ายจริง 2,592 ล้านบาท หรือประมาณ 82.28%

อรุณี กาสยานนท์

ทำไมไม่มีการเตรียมการณ์ล่วงหน้า

ขอตั้งคำถามว่า ทำไมงบสาธารณสุขในส่วนของค่าใช้จ่ายเพื่อเตรียมความพร้อมสถานพยาบาล ถึงไม่มีการเบิกจ่ายเลย ?

รัฐบาลที่อนุมัติ พ.ร.ก.เงินกู้ตั้งแต่ปี 63 ไม่ได้มีการเตรียมความพร้อมของโรงพยาบาลต่าง ๆ ก่อนเลยเหรอ ? ต้องรอให้เกิดการระบาดรุนแรงในเดือนเมษายนปี 64 ก่อน ถึงจะเบิกจ่ายได้เหรอ ? ทั้ง ๆ ที่เราควรจะมีการเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ เพื่อที่เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินอย่างสถานการณ์ในตอนนี้ เราจะได้สามารถรับมือได้ ?

นอกจากนี้ทั้งๆ ที่เรามีการกันงบประมาณสาธารณสุขเอาไว้มากกว่า 45,000 ล้านบาท แต่เรากลับเห็นภาพที่โรงพยาบาลหรือโรงพยาบาลสนามต่างๆ ต้องเปิดรับบริจาคสิ่งของ อาหาร น้ำดื่ม เวชภัณฑ์ หรือแม้แต่เงิน ทำไมรัฐบาลถึงไม่ใช่งบประมาณในส่วนนี้ โดยไม่ต้องเปิดรับบริจาคกับประชาชน?

ทำไมรัฐบาลถึงดูจะไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่สามารถดูแลพี่น้องประชาชนให้เข้าถึงบริการทางแพทย์ได้ ทั้งๆ ที่มีงบสาธารณสุขไว้รับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินถึง 1,497 ล้านบาท ?

เราต้องทนเห็นพี่น้องประชาชนที่โทรหาสายด่วนไม่ติดอีกกี่คน  ?

เราต้องทนเห็นพี่น้องประชาชนที่ต้องรอเตียงจนทนไม่ไหวอีกกี่ราย ?

เราต้องทนเห็นพี่น้องประชาชนที่เจ็บป่วยแล้วต้องการการดูแลแต่กลับถูกทอดทิ้งให้ตายกี่ชีวิต ?

จึงขอตั้งคำถามดังๆ ว่า “เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท” ที่รัฐบาลกู้มาตั้งแต่ปีที่แล้วหายไปไหน ทำถึงยังเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวี่ทุกวัน ทำไมคู่สายน้อยจนประชาชนโทรไม่ติด ทำไมเตียงถึงไม่พอจนคนรอต้องเสียชีวิต ทำไมระบบต่างๆ ถึงไม่มีความพร้อมจนถึงขณะนี้ ?

บุคลากรทางการอพทย์

ชี้ รัฐบาลจัดลำดับความสำคัญผิด

ยิ่งไปกว่านั้น คิดว่ารัฐบาลนี้จัดลำดับความสำคัญไม่เป็น หากเราลองเทียบงบสาธารณสุข 45,000 ล้านบาท ที่มีการเบิกจ่ายไป 5,064 ล้านบาท กับงบเยียวยาประชาชน 600,000 ล้านบาท ที่เบิกจ่ายไป 488,514 ล้านบาท และงบฟื้นฟูเศรษฐกิจ 335,000 ล้านบาท ที่เบิกจ่ายไป63,314 ล้านบาท จะเห็นได้ว่ามีการเบิกจ่ายงบสาธารณสุขน้อยที่สุด ทั้ง ๆ ที่งบสาธารณสุข ควรจะเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สำคัญไม่แพ้ส่วนอื่น ๆ

หญิงไม่ได้บอกว่าการเยียวยาพี่น้องประชาชนและฟื้นฟูเศรษฐกิจนั้นไม่สำคัญ แต่ถ้าเรายังไม่สามารถดูแลสถานการณ์สาธารณสุขในตอนนี้ให้ดีขึ้นได้ เราก็ต้องใช้เงินจำนวนมากยิ่งขึ้นไปอีกในเยียวยาพี่น้องประชาชนและเศรษฐกิจอย่างไม่รู้จบ ไม่ต่างอะไรกับการถมทรายลงทะเล

แต่ถ้าเราสามารถดูแลพี่น้องประชาชนให้สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ ป้องกันไม่ให้มีผู้เจ็บป่วยและเสียชีวิตมากขึ้นได้ ควบคุมไม่ให้มีการระบาดมากไปกว่านี้ และจัดหาวัคซีนที่ปลอดภัยมาฉีดให้กับพี่น้องประชาชน การเยียวยาพี่น้องประชาชนและฟื้นฟูเศรษฐกิจก็จะทำได้อย่างเต็มที่ และเป็นวิธีที่สุดที่จะทำให้เราพ้นจากวิกฤตครั้งนี้

“เราไม่ใช่ประเทศยากจน  แต่เรามีรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพ”

ขอย้ำอีกครั้งว่า “เราไม่ใช่ประเทศยากจน” แต่ “เรามีรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพ”

- เราต้องการรัฐบาลที่สื่อสารเป็นและชัดเจน

- เราต้องการรัฐบาลจัดลำดับความสำคัญได้

- เราต้องการผู้นำที่มีความเชื่อมั่นและสร้างความหวังให้ประชาชนในประเทศ

ไม่ใช่รัฐบาลที่โทษแต่ประชาชน ทำลายความหวัง และไม่มืออาชีพ

อรุณี กาสยานนท์ ที่มา FB : อรุณี กาสยานนท์

related