svasdssvasds

นายกฯ ปรับแผนปูพรมฉีดวัคซีน 3 ระบบ ตั้งเป้าคนกรุงฉีดวัคซีน 70% ภายใน มิ.ย.

นายกฯ ปรับแผนปูพรมฉีดวัคซีน 3 ระบบ ตั้งเป้าคนกรุงฉีดวัคซีน 70% ภายใน มิ.ย.

นายกรัฐมนตรี เผย ยกมาตรการ Bubble and Seal เรือนจำ ชี้ ทีมแพทย์ประเมินเป็นสถานที่ปิด สามารถควบคุมสถานการณ์ได้โดยเร็ว ย้ำให้การรักษาผู้ติดเชื้ออย่างดีที่สุด ด้วยความเท่าเทียม กางแผนปูพรมฉีดวัคซีน 3 ระบบ ตั้งเป้า คนกรุง ได้รับวัคซีนร้อยละ 70 ในเดือนมิถุนายน

 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาทราบว่าสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล อยู่ในระดับที่ทรงตัวงแต่ในบางพื้นที่แต่ก็มีคลัสเตอร์ใหม่เกิดขึ้นทำให้ตนต้องเรียกประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และศบค. เป็นการด่วนในช่วงเช้าเมื่อวานนี้ เพื่อให้สามารถหาทางแก้ไขสถานการณ์ได้เร็วที่สุด 

• มาตรการรับมือโควิดเรือนจำ

 ซึ่งผลการประชุมจะเร่งการแก้ไขปัญหาการติดเชื้อในเรือนจำต่างๆทั่วประเทศ โดยจะดำเนินการตรวจเชื้อเชิงรุกให้ได้มากและเร็วที่สุด พร้อมกับจัดตั้งโรงพยาบาลสนามภายในโรงจำ เพื่อคัดแยกผู้ป่วยออกมารักษาหากมีผู้มีอาการรุนแรงจะนำเข้ามารักษาในโรงพยาบาลเฉพาะทางตามระบบต่อไป และจะให้การรักษาผู้ติดเชื้ออย่างดีที่สุด ด้วยความเท่าเทียม ซึ่งเรือนจำแต่ละแห่งมีระบบปิดจึงมีโอกาสที่จะแพร่กระจายเชื้อสู่ชุมชนได้น้อยมาก ตอนนี้ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคอยดูแลเข้มงวดในเรื่องนี้ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโดยจะไม่ให้มีการเข้าเยี่ยมจากภายนอกจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น 

 ส่วนในพื้นที่อื่นในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล จะยังคงเดินหน้าต่อในแนวทางที่ดำเนินการสำเร็จมาแล้วคือการระดมตรวจเชิงรุก คัดกรองผู้ป่วย ระดมการรักษา และระดมฉีดวัคซีน และมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด ใส่แมส เว้นระยะห่าง การตรวจวัดอุณหภูมิ ในทุกสถานที่ซึ่งเกิดการระบาดในขณะนี้ โดยเกิดจากการรวมตัวกันอย่างแออัดโดย ตนได้สั่งการให้ศบค.ออกตรวจพื้นที่ที่มีความเสี่ยง แคมป์คนงานก่อสร้างโรงงานและสถานที่อื่นๆในกรุงเทพฯ ซึ่งสถานที่ที่เกิดการแพร่ระบาดโดยเฉพาะเรือนจำ ตนได้ให้แนวทาง Bubble and seal  ป้องกันการเข้าออกของคนในสถานที่ เพื่อไม่ให้เกิดการป้องกันเชื้อภายนอก ซึ่งการแพร่กระจายส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ปิดทำให้ทีมแพทย์ เชื่อว่าจะสามารถควบคุมได้โดยเร็วและจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแบบรายวัน

• ให้กำลังใจบุคลากรทุกคน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังระบุอีกว่า แม้ว่าสถานการณ์จะอยู่ในการทรงตัว แต่ไม่เกี่ยวกับคลัสเตอร์ราชทัณฑ์ และประชาชนต้องให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทุกคน เนื่องจากมีจำนวนผู้ป่วยที่หายป่วยในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก ขอให้สนใจตัวเลขเหล่านี้ด้วย และวันนี้ก็มีการรักษาหายแล้วเกือบ 7 หมื่นคน หรือประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อในระลอกนี้ ซึ่งเป็นผลของความสามารถของบุคลากรทางการแพทย์ และมาตรการการคัดแยกตามอาการและรักษาเป็นอย่างดี จะได้มีการเตรียมความพร้อมและอุปกรณ์และเตรียม จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งการบริจาคจากภาคเอกชนต่างๆ ผมต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง และประชาชนทั่วไป

• ฉีดวัคซีน วาระแห่งชาติ

 นอกจากนี้รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีน โดยได้ประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติและมีแผนการกระจายวัคซีนใน 3 ช่องทาง ประกอบด้วยผ่านระบบหมอพร้อม มีผู้ลงทะเบียนแล้วกว่า 7 ล้าน สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และจะเปิดให้กลุ่มผู้อายุต่ำกว่า 60 ปีลงทะเบียนได้ในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ โดยผู้ลงทะเบียนสามารถจองคิวฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลที่เลือก และวันเวลาที่เลือกเอง แล้วรับรองได้ว่า จะได้รับการฉีดวัคซีนตามวันเวลาดังกล่าวได้แน่นอน ต้องเตรียมความพร้อมให้ดีที่สุดหรือจะเป็นระบบอื่นๆของแต่ละจังหวัดเช่นในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตที่ใช้ระบบภูเก็ตชนะ ซึ่งหลายจังหวัดก็ดำเนินการของตัวเองอยู่แล้ว นี่คือช่องทางแรก 

ส่วนช่องทางที่ 2 คือวิธีการเสริมจากระบบพร้อมเพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนได้มากและรวดเร็วที่สุดคือการลงทะเบียนที่จุดบริการฉีดวัคซีน และต้องย้ำว่าในกรณีที่มีวัคซีนเพียงพอ บางทีอาจจะมีปริมาณไปมากกว่าที่มีวัคซีนจะต้องมีการ พิจารณาจัดเตรียมช่องทางนี้ให้มีความพร้อม มากที่สุดในการจัดสรรหากไม่พอก็ต้องนัดไปวันใหม่ไม่อยากให้ทุกคนผิดหวัง 

ส่วนช่องที่ 3 คือการกระจายวัคซีนเชิงยุทธศาสตร์ คือการจัดสรรฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเฉพาะเป็นประชาชนกลุ่มเสี่ยงมีความจำเป็นพิเศษหรือมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ และการดำเนินชีวิตของประชาชนเช่นบุคลากรทางการแพทย์บุคลากรด้านหน้าอสมพลเรือนตำรวจทหารพนักงานด้านการบินครูอาจารย์ผู้ขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์สาธารณะพนักงานรถไฟรถไฟฟ้า พนักงานภายในโรงแรมคณะผู้แทนทางการทูต องค์กรระดับประเทศ นักธุรกิจ นักเรียน นักศึกษา บุคลากรในโรงงานคนพิการ งานภาคบริการอาหารและจักรยานและกลุ่มอื่นๆ เพื่อให้การดำรงชีวิตและเศรษฐกิจไทยสามารถเดินหน้าไปได้โดยไม่สะดุด โดยกลุ่มบุคคลใดมีเหตุผลและความจำเป็นเร่งด่วนสามารถยื่นเรื่องให้กับกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาเพื่อจัดสรรวัคซีนและจัดเตรียมสถานที่ติดต่อไป ซึ่งมีเป้าหมายระดมฉีดวัคซีนแบบปูพรมให้กับประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงและเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศให้ได้อย่างน้อย 5 ล้านคนหรือ 70% ของประชากร เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้ภายใน 2 เดือน คือเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ซึ่งนอกจากโรงพยาบาลและจุดฉีดหลักแล้วมีจุดฉีดวัคซีนเสริมอย่างน้อย 25 จุดกระจายทั่วกรุงเทพฯรวมถึงสถานีกลางบางซื่อเพื่อให้ประชาชนที่หาเช้ากินค่ำและแรงงานอื่นๆ เข้าถึงวัคซีนได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

โดยที่ผ่านมาการวางระบบจัดสรรวัคซีนอาจมีปัญหาติดขัดอยู่บ้าง หรือเกิดไม่ชัดเจนความไม่เข้าใจจากการให้ความสนใจและลงทะเบียนเป็นจำนวนมาก และการวางแผนให้เกิดประสิทธิภาพตรงกับเป้าหมายของประเทศมากที่สุด ตอนนี้ติดตามเร่งรัดให้มีการปรับปรุงโดยเร็ว ต้องขออภัยหากเกิดความไม่สะดวกอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ขอยืนยันว่าทุกคนในประเทศไทยจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่างแน่นอน เรามีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง มากเพียงพอ และจะเริ่มให้บริการประชาชนพร้อมกันทั่วประเทศในต้นเดือนมิถุนายนนี้อย่างแน่นอน โดยที่ผ่านมาได้เร่งฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มเสี่ยงไปแล้วมากกว่า 2 ล้าน 3 แสนโดส ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดีและไม่มีใครมีผลข้างเคียงร้ายแรง แม้แต่คนเดียว จึงขอให้ประชาชนนั้นมั่นใจได้

• เข้มงวดตรวจสอบ “ข่าวปลอม” ให้ชี้แจงทันที

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้ที่ประชุมครม.ในการชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับประชาชนรับทราบเกี่ยวกับมาตรการต่างๆของรัฐบาล และศบค. ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคม โดยเฉพาะการรณรงค์ให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีน เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเดินไปต่อได้ โดยใครมีเจตนาเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงานของรัฐให้มีความเข้มงวดในการตรวจสอบดูแลข่าวปลอมจากหน่วยงานของตนตลอดเวลา ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในทันทีและหากเป็นการกระทำผิดกฎหมายขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไปเพื่อดำเนินการรวมทั้งขอความร่วมมือสื่อมวลชนและผู้ใช้สื่อทุกคน ให้ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษมากยิ่งขึ้นและขอบคุณประชาชนทุกคนที่ให้เป็นหูเป็นตาแจ้งไปยังหน่วยงานต่างๆ

• ผ่อนคลายมาตรการเพราะเห็นใจประชาชน

สำหรับมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดและมาตรการผ่อนคลายที่วันนี้มีผลบังคับใช้แล้ว เช่นการอนุญาตให้พื้นที่สีแดงเข้ม สามารถนั่งทานอาหารได้ในร้าน โดยจำกัดจำนวนคนซึ่งเป็นความพยายามของรัฐบาลช่วยเหลือประชาชนในการประกอบธุรกิจร้านอาหารคงไม่ใช่เฉพาะเจ้าของแต่มีประชาชนจำนวนมากซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้คน โดยได้ผ่านการพิจารณาจากคณะที่ปรึกษาอย่างรอบคอบและจะต้องมีการใช้มาตรการป้องกันโรคอย่างเข้มงวดคือจำกัดคนไม่ให้เกิน 1 ใน 4 การเว้นระยะห่างกันไม่ดื่มสุราภายในร้านหากพบว่าร้านใดไม่ดำเนินการตามมาตรการจะสั่งปิดโดยทันที โดยมีการทบทวนมาตรการที่เข้มงวดกว่าเดิม จึงขอให้เจ้าของร้านอาหารทุกร้านสมาคมต่างๆช่วยกันรับผิดชอบด้วยทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล

 

• ขู่ฟันเจ้าหน้าที่ปล่อยลักลอบข้ามชานแดน

นอกจากนี้ตนได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมกองทัพไทยควบคุมการลักลอบเข้าประเทศตามแนวชายแดนให้มีความเข้มงวดสูงสุด โดยหากพบเจ้าหน้าที่หรือบุคคลใดแสวงหาผลประโยชน์จากความเสี่ยงของประเทศชาติจะต้องลงโทษให้หนักที่สุดโดยไม่มีการยกเว้น

• ปรับแผนการเดินหน้าฉีดวัคซีนให้ทุกคนทุกกลุ่ม

โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ในวันนี้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติซึ่งจะต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้ทุกอย่างสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ นโยบายของตนก็คือเราจะต้องเดินหน้าปูพรมฉีดวัคซีนเข็มแรกให้โดยเร็วและเข้าถึงประชาชนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากที่ได้รับความคิดเห็นจากประชาชนจำนวนมาก ตนได้ตัดสินใจว่าจะไม่รอให้คนวัย 1 วัยใดหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งฉีดวัคซีนจนครบก่อน จึงเปิดให้คนกลุ่มอื่นได้รับวัคซีนโดยจะปรับแผนการเดินหน้าประเทศไทยเปิดโอกาสให้ทุกคนทุกกลุ่มที่มีความพร้อมในการฉีดวัคซีนไม่ว่าจะเป็นวัยใด 60 ขึ้นไป หรือต่ำกว่า 60 ใครเข้าถึงวัคซีนแต่มากน้อยก็ขึ้นกับปริมาณวัคซีนที่มีอยู่ โดยเฉพาะวัยทำงาน ปกป้องคนทำมาหากินคนที่เป็นกำลังหลัก ในการหาเลี้ยงคนในบ้าน ออกไปทำงานทำมาหาเลี้ยงชีพ เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ เราจะเอาชนะโควิด ไปได้อย่างไร คำตอบก็คือ เราจะเอาชนะโควิดไปได้ก็ด้วยการเดินหน้าไปพร้อมๆกันไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ช่วยกันทำหน้าที่ของแต่ละคนให้ดีที่สุดดูแลซึ่งกันและกันให้ดีที่สุดเพื่อจะขับเคลื่อนประเทศไทยให้ไปต่อได้ เราจะสู้ไปด้วยกันประเทศไทยจะต้องดีขึ้นด้วยความร่วมมือร่วมใจความรักความสามัคคีของคนในชาติ เพราะเราทุกคนคือทีมประเทศไทย

related