svasdssvasds

เช็กเบื้องต้น! ศบค.ยกระดับเข้มโควิดห้ามข้ามจังหวัด-ลดเวลารถสาธารณะ

เช็กเบื้องต้น! ศบค.ยกระดับเข้มโควิดห้ามข้ามจังหวัด-ลดเวลารถสาธารณะ

ศบค. เลี่ยงไม่ใช้ล็อกดาวน์ เผย เดินทางกลับภูมิลำเนา ทำอีสานอ่วมติดเชื้อเกือบพัน ยันเร่งเพิ่มจุดตรวจ ตั้งศูนย์ดันHome Isolation ให้แล้วเสร็จใน 2 วัน เพิ่มมาตรการยกระดับเข้ม ขอประชาชนจำกัดเดินทาง-ห้ามออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น

8 ก.ค.64 แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โควิด -19 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม 2564 ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 64 ของโลก มีผู้ติดเชื้อยืนยันรายใหม่จำนวน 7,058 ราย ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 308,230 ราย เสียชีวิต 75 คน เสียชีวิตสะสม 2,368 คน  รักษาตัวอยู่ 69,619 ราย แบ่งเป็นโรงพยาบาล 35,640 ราย โรงพยาบาลสนาม 33,979 ราย  อาการหนัก 2,564 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 698 ราย ฉีดวัคซีนสะสมแล้ว 11,619,618 โดส โดยเข็มที่ 1 เพิ่มขึ้น248,933 ราย สมสม 8,494,230 ราย ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 เพิ่ม 426,242 รายสะสม 3,125 ,388 ราย

เช็กเบื้องต้น! ศบค.ยกระดับเข้มโควิดห้ามข้ามจังหวัด-ลดเวลารถสาธารณะ

เช็กเบื้องต้น! ศบค.ยกระดับเข้มโควิดห้ามข้ามจังหวัด-ลดเวลารถสาธารณะ

 

โดยผู้เสียชีวิตทั้ง 75 คน อายุระหว่าง 33 - 94 ปีเป็นชาย 39 คนหญิง 36 คน แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 38 ราย สมุทรปราการ 9 ราย นราธิวาส ปทุมธานีจังหวัดละ 4 คน นครปฐม ยะลา จังหวัดละ 3 คน  ชัยภูมิ สงขลา อุทัยธานี จังหวัดละ 2 คน ฉะเชิงเทรา สระบุรี นครราชสีมา บุรีรัมย์ปัตตานี สมุทรสงคราม สุพรรณบุรีพระนครศรีอยุธยา จังหวัดละ 1 ราย ขณะที่รายงานการติดเชื้อ 10 จังหวัดสูงสุดประกอบด้วย กรุงเทพฯ 2212 ราย สมุทรปราการ 565 ราย  สมุทรสาคร 517 ราย ชลบุรี 290 ราย  ปทุมธานี 229 ราย สงขลา 213 ราย นนทบุรี 180 ราย  ปัตตานี 175 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 150  ราย และยะลา 146ราย

เช็กเบื้องต้น! ศบค.ยกระดับเข้มโควิดห้ามข้ามจังหวัด-ลดเวลารถสาธารณะ

ขณะที่ประชาชนไปรอการตรวจจำนวนมาก ซึ่งศปก.ศบค.ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยมีการหารือถือเป็นมาตรการเร่งด่วน โดยจะมีการเร่งเปิดจุดตรวจหาเชื้อให้ประชาชนเข้าถึงให้มากที่สุด โดยในวันจันทร์ที่จะถึงนี้จะมีรถตรวจพระราชทานตรวจประจำที่สนามกีฬาธูปะเตมีย์ และสนามกีฬาหัวหมาก วันนี้มีการหารือเรื่องการเพิ่มจุดตรวจกองทุนประกันสังคมตามมาตรา 33 โดยพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. หารือร่วมกับนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยมีความเห็นชอบให้เปิดจุดตรวจประกันสังคมที่ศูนย์กีฬาเวสน์ ซึ่งจะเปิดในวันพรุ่งนี้ หากพบว่ามีการติดเชื้อจะนำเข้าสู่กระบวนการรักษา แต่หากไม่มีการติดเชื้อก็จะมีการจัดสรรให้มีการฉีดวัคซีนให้มากขึ้น นอกจากการตรวจหาเชื้อในระบบให้มากขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล จะมีในส่วนการตรวจที่มีมาตรฐานแต่เดิมคือการคัดกรองเชิงรุกหรือ Active Case finding 

นอกจากนี้ในที่ประชุมจะมีการหารือกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะมีการทบทวนตรวจสอบมาตรฐานหากเป็นแหล่งที่มีการจดทะเบียนผ่านมาตรฐานกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะเปิดให้ประชาชนเข้าไปตรวจ เพื่อช่วยระดมตรวจให้มากขึ้นก็จะค้นเจอผู้ป่วยที่มากขึ้นซึ่งอาจเป็นตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นในระยะนี้

ขณะที่กรุงเทพฯมีคลัสเตอร์ทั้งสิ้น 121 คลัสเตอร์ โดยที่ประชุมมีการกำชับว่าจะมีการเร่งรัดจัดตั้งระบบ Home Isolation หรือ การแยกกากอยู่ที่บ้าน ซึ่งเป็นการดำเนินการโดยศูนย์บริการสาธารณสุขหรือสำนักงานเขตกทมเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งมี 69 แห่งรอบกรุงเทพฯร่วมกับคลินิกอบอุ่น 201 แห่ง รวม 270 จุด ทั้งนี้คนที่ดูแลที่บ้านจะต้องมีความปลอดภัย และจะมีข้อจำกัดเช่น บางรายเป็นกลุ่มสุขภาพสีเขียว ซึ่งจะมีการดูแลอาการที่บ้านและจ่ายยา ให้เหมาะสม ซึ่งกันกับตัวที่บ้านจะมีการเร่งรัด ภายใน 1-2 วันจะมีการเข้าระบบนี้อย่างจริงจัง ซึ่งขณะนี้มีบ้างแล้วแต่ยังอยู่ในสัดส่วนที่น้อย นอกจากนี้จะมีการเร่งรัดการจัดตั้งจัดตั้งศูนย์พักคอยและส่งต่อหรือโรงพยาบาลสนามในชุมชน ซึ่งต้องทำความเข้าใจกับประชาชน มาตรฐานที่เคยจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม บางจุดต้องใช้เวลา บางที่ เป็นสถานที่ใหญ่เกิน 100 เตียง ขณะนี้นายแพทย์เหรียญทอง แน่นหนา และนายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. เปรียบสถานการณ์ปัจจุบันเหมือนภาวะสงคราม บางครั้งจะให้มีความเรียบร้อยสมบูรณ์ทุกอย่างไม่ได้ แต่ต้องอยู่ในมาตรฐานที่ยอมรับได้ โดยยึดความปลอดภัยของผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อเป็นหลัก และต้องเข้าสู่ระบบเร็วที่สุด รวมถึงได้รับการประเมินและดูแลจากบุคลากรทางการแพทย์ ในส่วนการดูแลแยกกักที่บ้านและแยกกักชุมชน จะใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการสีขาวหรือสีเขียวอ่อน ส่วนสีเขียวเข้ม อาจจะต้องเข้าสู่โรงพยาบาลสนาม ขณะที่ผู้ป่วยมีอาการสีเหลืองอ่อนจะต้องเข้าสู่ระบบ ไอซียู สนาม ซึ่งอยู่ภายในมณฑลทหารบกที่ 11 โรงพยาบาลราชพิพัฒน์และ โรงพยาบาลบางขุนเทียน วันที่ 10 กรกฎาคม จะมีการเปิดขยายให้เพิ่มขึ้นแน่นอน ทั้งนี้มีการระดมเพิ่มเติมเพื่อรองรับประชาชน ที่จะมีการตรวจหาเชื้อเพิ่มเติม เพื่อจะได้รับการจัดส่งและดูแลโดยที่สุด

เช็กเบื้องต้น! ศบค.ยกระดับเข้มโควิดห้ามข้ามจังหวัด-ลดเวลารถสาธารณะ

เช็กเบื้องต้น! ศบค.ยกระดับเข้มโควิดห้ามข้ามจังหวัด-ลดเวลารถสาธารณะ

เช็กเบื้องต้น! ศบค.ยกระดับเข้มโควิดห้ามข้ามจังหวัด-ลดเวลารถสาธารณะ

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้แพทย์หญิงอภิสมัย ระบุว่า ขณะนี้มีการหารือเรื่องการฉีดวัคซีนโดยเน้นไปที่แคมป์คนงานก่อสร้าง ที่ตอนนี้กำลังปิดอยู่ ซึ่งหากมีมาตรการลดการติดเชื้อได้ ก็จะมีการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ แต่ก่อนจะถึงตอนนั้นต้องมีการระดมฉีดวัคซีนให้กับแรงงานก่อน โดยเฉพาะศปก.ศบค.มีการประสานขอ สนับสนุนวัคซีนเพิ่มเติม ให้กับพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล โดยที่ประชุม eoc เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาปลัดกระทรวงสาธารณสุขนายแพทย์เกียรติ ภูมิวงศ์รจิต ได้รับปากว่าวัคซีนที่จะเข้ามาจะมีการจัดสรร ให้กลับกรุงเทพฯและปริมณฑลเพื่อลดการแพร่ระบาดโดยเร็ว

นอกจากนี้ที่ประชุม ยังมีการหารือถึงขีดความสามารถในการฉีดวัคซีนให้เพิ่มมากขึ้นในแต่ละวัน เช่นหากวัคซีนมา 10,000 โดส ฉีด 5 วันได้ 50,000 คน ก็จะเพิ่มศักยภาพ หากวัคซีนเพิ่ม50,000 ก็จะต้องฉีดให้หมดโดยเร็วใน 1-2 วัน 

ขณะที่มีผู้ป่วยจากกรุงเทพฯและปริมณฑลเดินทางข้ามจังหวัด ขณะนี้ทุกจังหวัดมีรายงานผู้ติดเชื้อทุกจังหวัด โดยศบค.กังวลเรื่องกลุ่มผู้ป่วยที่มีการเดินทางข้ามจังหวัดและมีการติดเชื้อในภาคเหนือ 12 จังหวัด 276 ราย ภาคกลางและตะวันออก 17 จังหวัด 204 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหลือ 20 จังหวัด 841 ราย ภาคใต้ 5 จังหวัด 44 ราย ซึ่งผู้ที่เดินทางข้ามจังหวัดบางส่วนเดินทางไปในพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นสีเหลือง ที่สามารถไปร้านอาหาร สังสรรค์ พบปะเพื่อนฝูง และอาจมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่นจังหวัดในภาคอีสานที่มีผู้ติดเชื้อกว่า 800 ราย ซึ่งสามารถตอบคำถามได้ด้วยตนเอง ว่าตัวเลขเหล่านี้หากผู้เดินทาง 10-20 คน หากสามารถควบคุมแยกกักในพื้นที่ทั่เหมาะสม จะไม่เห็นตัวเลขที่กระจายไปยังชุมชน ครอบครัวและเพื่อนใกล้ชิด

เช็กเบื้องต้น! ศบค.ยกระดับเข้มโควิดห้ามข้ามจังหวัด-ลดเวลารถสาธารณะ

มาตรการทางสังคมกระทรวงสาธารณสุขมีการหารือด้วยความเป็นห่วงถึงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อที่เพิ่มจำนวนขึ้น มีการรายงานผู้เสียชีวิตสูงขึ้น ซึ่งเป็นคนไทยปริมาณสูงมาก ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงได้นำเสนอปรับมาตรการ ทั้งมาตรการสาธารณสุข รวมถึงมาตรการทางสังคมนำเสนอศปก.ศบค. โดยมาตรการจะมีความเข้มข้นมากขึ้น หลักการจะมีการจำกัดการเดินทางออกนอกพื้นที่โดยเฉพาะห้ามการเคลื่อนย้ายระหว่างจังหวัด โดยที่ประชุมมีการหารือมหาดไทย กลาโหม ศปม. จะมีการตั้งจุดตรวจเพื่อลดการเคลื่อนย้าย เรื่องการเวิร์คฟรอมโฮมให้สูงสุด โดยให้ประชาชนให้ความร่วมมือ เปิด ปิดกิจการเพื่อลดการเคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่ของประชาชน คือ ให้มีการอยู่บ้านลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ โดยสถานที่ที่มีการพูดถึงจะมีลักษณะทั้งห้างสรรพสินค้า กิจการประเภทเดียวกัน ร้านสะดวกซื้อ, ตลาด, ร้านข้าวต้มรอบดึก ซึ่งจะมีการหารือเวลาเปิดปิดกิจการ เพื่อที่จะลดการเดินทางของประชาชน

ด้านการขนส่ง ทางสาธารณสุขขอให้ลดการเคลื่อนย้ายของบุคคลและของประชาชน จะต้องมีการปรับเวลาการให้บริการขนส่งทางสาธารณะให้สอดคล้องกับมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอโดยที่ประชุมมีความเป็นห่วงการกำหนดเวลาต่างๆ ซึ่งการปรับมาตรการต้องคำนึงถึงความจำเป็น เช่น ด้านสาธารณูปโภคอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต ตลาดอาจจะยังหรือแม้กระทั่งร้านขายเครื่องมือุปกรณ์ช่างซึ่งหากมีการจำกัดเวลาแล้วเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น ประชาชนยังคงต้องได้รับความปลอดภัยด้วย ต้องเน้นย้ำว่าเป็นมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขหารือและนำเสนอ ศปก.ศบค.ในวันนี้ แต่ต้องเสนอศบค.ชุดใหญ่ในวันพรุ่งนี้(9 ก.ค.64) โดยจะมีการประชุมในวันพรุ่งนี้ 10:00 น. ซึ่งวันนี้ยังไม่มีผล ซึ่งการปรับรายละเอียดต่างๆขอให้ติดตามในวันพรุ่งนี้

ซึ่งหากมีความจำเป็นในการเดินทางให้เตรียมความพร้อมก่อนการเดินทาง ดังนี้ 

1.ติดต่อศูนย์ประสานงานรับคนกลับบ้านของจังหวัดปลายทาง หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือโรงพยาบาลของจังหวัดปลายทางที่ผู้ป่วยประสงค์จะเดินทางกลับ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ประเมินอาการ เตรียมความพร้อมรองรับการรักษาหรือกักตัว และให้คำแนะนาสำหรับการเดินทาง

2. เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวเท่านั้น ผู้ขับรถหากไม่เคยติดเชื้อจะต้องสวมหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ตลอดเวลา เปิดหน้าต่างให้มีการระบายอากาศบ่อยๆ

3. เตรียมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าและเจลแอลกอฮอล์ให้เพียงพอ รวมทั้งถุงใส่ขยะส่วนตัว

4. เตรียมยาให้พร้อมทั้งยาบรรเทาอาการป่วยโควิด-19 และยารักษาโรคประจำตัว

5. จัดเตรียมอาหารและน้ำให้เพียงพอตลอดการเดินทาง ไม่ควรแวะสถานที่อื่นระหว่างทาง

6. จัดเตรียมข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์หน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือกรณีเกิดการเจ็บป่วย หรือมีเหตุฉุกเฉินขณะเดินทาง

ระหว่างเดินทาง

1. สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ตลอดการเดินทาง

2. หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก โดยไม่จำเป็น

3. ล้างมือบ่อยๆ เจลแอลกอฮอล์ ทั้งก่อน-หลังรับประทานอาหาร เข้าห้องน้ำหรือหลังจากไอจาม

4. ห้ามแวะพักระหว่างการเดินทาง ให้ตรงไปยังโรงพยาบาลหรือสถานที่ที่ได้รับแจ้งไว้เท่านั้น

5. หากจำเนต้องใช้ห้องน้าสาธารณะ ต้องล้างมือก่อนใช้ห้องน้ำและหลังใช้ห้องน้ำ

เพื่อให้มั่นใจว่าเชื้อโรค ที่มือไม่เปื้อนพื้นผิวของห้องน้ำ

6. เปิดหน้าต่างหรือเปิดช่องหน้าต่างให้มีการหมุนเวียนของอากาศภายในรถยนต์

เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง

1. แจ้งเจ้าหน้าที่ขอโรงพยาบาลหรือสถานที่ที่ได้รับประสานเพื่อรับการรักษาหรือแยกกัก

2. ปฏิบัติตามข้อกำหนดของผู้ดูแลโรงพยาบาลหรือสถานที่แยกกักอย่างเคร่งครัด

 

โดยแพทย์หญิงอภิมสมัย ย้ำว่า ไม่ได้มีคำว่าล็อกดาวน์ สิ่งที่สาธารณสุขเสนอวันนี้เป็นเรื่องของการปรับมาตรการ โดยที่จะมีรายละเอียดว่ากิจการหรือกิจกรรมได้มีการปรับระยะเวลาเป็นอย่างไร รวมถึงพื้นที่ไหนจังหวัดไหน ยังไม่ได้มีการสรุป ซึ่งเป็นข้อสรุปที่ต้องนำเสนอที่ประชุมชุดใหญ่เพื่อพิจารณาและอนุมัติในวันพรุ่งนี้

ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีการหารือถึงมาตรการทางสังคม ซึ่งที่ประชุม eoc สาธารณสุขวันนี้ มีความหารือด้วยความเป็นห่วง ถึงสถานการณ์การติดเชื้อและรายงานผู้เสียชีวิตสูงขึ้น แม้แต่เรือนจำก็มีผู้ติดอยู่ที่สูง ไม่ใช่แต่แคมป์คนงานและแรงงานต่างด้าว แต่เป็นการติดเชื้อในชุมชนสถานประกอบการ และผู้ติดเชื้อเป็นคนไทยในปริมาณที่สูง กระทรวงสาธารณสุขจึงได้เสรอปรับมาตรการด้านสาธารณสุขและมาตรการทางสังคม เพื่อเสนอศปก.ศบค. ซึ่งมาตรการจะมีความเข้มข้นมากขึ้น โดยจะมีหลักการ 

ทั้งนี้แพทย์หญิงอภิสมัย กล่าวทิ้งท้ายว่า มาตรการที่จะมีการเสนอสปกชุดใหญ่ในวันพรุ่งนี้ อาจจะมีข้อจำกัดความติดขัด ประชาชนหลายส่วนเกิดความไม่สะดวก จึงต้องขออภัยประชาชน ซึ่งการปรับมาตรการที่เข้มข้น อาจมีความจำเป็น นอกจากนี้ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วน มีความอดทนในวันนี้โดยขอแนะนำว่าหากอดทนในวันนี้ ในที่สุดจะชนะไปด้วยกัน

related