svasdssvasds

"กสิกรไทย" เร่งชี้แจง ประกันเงินโดนแฮก โฆษณาก่อนเกิดเหตุ

"กสิกรไทย" เร่งชี้แจง ประกันเงินโดนแฮก โฆษณาก่อนเกิดเหตุ

ธนาคารกสิกรไทย เร่งชี้แจงประเด็น ประกันเงินโดนแฮก แจ้ง โฆษณาก่อนเกิดเหตุ และนำเสนอให้กับลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่โดนโกงจากการซื้อของออนไลน์ ในขณะนี้ได้ถอนการโฆษณาออกหมดทุกช่องทางแล้ว

จากกรณีสุดร้อนแรงบนโลกออนไลน์ เมื่อเพจ Drama-addict ได้โพสต์ถึงกลุ่ม แชร์ประสบการณ์โดนหักเงินจากบัญชีโดยไม่รู้ตัว ถึงการที่ประชาชนตกเป็นเหยื่อของแก๊งดูดเงิน แฮกบัตรเครดิต บัตรเดบิต สูญเงินไปแล้วกว่า 130 ล้านบาท เป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนประชาชนห้วงการแพร่ระบาดโควิด19

แคมเปญประกันเงินหาย เงินถูกแฮก

หลังจากเหตุการแก๊งดูดเงิน ทางธนาคารกสิกรไทย ได้ออกแคมเปญ ประกันเงินโดนแฮก ราคา 299 บาท/ปี โดยระบุข้อความว่า "โดนแฮกเงินหาย หมดห่วงโดนแฮกเงิน ทั้งบัตร บัญชี Wallet ซื้อเลย เพียง 299 บาทต่อปี ประกันคุ้มครองสูงสุด 1 แสนบาท" ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักบนโลกออนไลน์ เป็นประเด็นว่า "ใช่เรื่องของลูกค้าธนาคารที่ต้องซื้อประกันไหม หากธนาคารปกป้องเงินฝากของลูกค้าไม่ได้ ยังคงเป็นธนาคารอยู่หรือ ?"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ธนาคารกสิกรไทย ไม่ได้นิ่งนอนใจและออกมาชี้แจงว่า ตามที่มีการแพร่กระจายภาพโฆษณาผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ที่มีข้อความว่า "โดนแฮกเงินหาย" นั้น ธนาคารกสิกไทยขอชี้แจงว่า ประกันดังกล่าวธนาคารเป็นผู้เสนอขาย โดยจะให้ความคุ้มครองความเสียหาย 3 รูปแบบ ได้แก่

1. คุ้มครองผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ กรณีผู้ขายไม่ส่งสินค้าภายใน 7 วันนับจากวันที่แจ้งว่าจะจัดส่ง, ผู้ซื้อได้รับสินค้าไม่ครบตามรายการสั่งซื้อ, สินค้าได้รับความเสียหายทางกายภาพ, สินค้าไม่เป็นไปตามที่โฆษณาประชาสัมพันธ์

2. คุ้มครองผู้ขายจากการถูกหลอกลวงให้ส่งสินค้า และไม่ได้รับเงินภายใน 7 วัน นับจากวันที่แจ้งว่าจะจัดส่ง

3. คุ้มครองเงินส่วนตัวที่หายจากบัตร บัญชี หรือกระเป๋าเงินออนไลน์ จากการถูกโจรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ โดยวิธีการใช้บัตรชำระเงิน , การเข้าสู่บัญชีธนาคาร , การเข้าสู่ e – Wallet ของผู้เอาประกันภัยโดยไม่ได้รับอนุญาต กรณีที่ไม่สามารถเรียกคืนได้จากผู้ออกบัตร หรือผู้ให้บริการบัญชี / กระเป๋าเงินออนไลน์

โดยธนาคารมีการจัดทำโฆษณาเพื่อสื่อสารทางการตลาดที่สอดคล้องกับประสบการณ์ในการซื้อขายสินค้าออนไลน์ของลูกค้า 7 รูปแบบ ซึ่งข้อเสนอตามภาพเป็นการนำเสนอให้กับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม (ประมาณ 12,000 คน) ผ่าน K PLUS เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2564 ก่อนจะเกิดกระแสข่าวการตัดเงินที่ผิดปกติผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของประชาชนจำนวนมาก ตามที่สื่อต่าง ๆ ได้มีการนำเสนอในช่วงนี้ โดยทันทีที่ทราบประเด็นความเดือดร้อนดังกล่าว ในวันที่ 17 ตุลาคม 2564 ธนาคารได้ระงับการโฆษณาผลิตภัณฑ์ด้วยรูปแบบข้างต้นในทุกช่องทาง

ทั้งนี้ ขอยืนยัน ว่าธนาคารไม่ได้มีเจตนาในการเสนอขายผลิตภัณฑ์หรือบริการรูปแบบนี้ ในช่วงสถานการณ์ที่สังคมมีกระแสวิตกเช่นนี้แต่อย่างใด ขออภัยลูกค้าและประชาชนอย่างสูง ที่ทำให้เกิดการเข้าใจผิดต่อกรณีที่เกิดขึ้น

ธนาคารกสิกรไทย ชี้แจง

related