svasdssvasds

สธ. เตรียมปลด โควิด ออกจากผู้ป่วยฉุกเฉิน ติดเชื้อรักษาตามสิทธิ เริ่ม 1 มี.ค.

สธ. เตรียมปลด โควิด ออกจากผู้ป่วยฉุกเฉิน ติดเชื้อรักษาตามสิทธิ เริ่ม 1 มี.ค.

สธ.เตรียมปลด “โรคโควิด-19” ออกจากป่วยฉุกเฉินรักษาได้ทุกที่ ติดเชื้อรักษาได้ตามสิทธิ หลักประกันสุขภาพ พร้อมปรับอัตรารัฐจ่ายชดเชยค่าตรวจหาเชื้อ เริ่ม 1 มี.ค.นี้

วันที่ 10 ก.พ. 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข  เผยว่า ในการประชุม ศบค.ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ ตนจะเข้าร่วมประชุมในการประชุมครั้งถัดไป  ทั้งนี้ สธ.เตรียมที่จะออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ยกเลิกการกำหนดให้ผู้ป่วยโรค "โควิด" เป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน  รวมถึง กำหนดค่าตรวจหาเชื้อที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) จะจ่ายชดเชยให้สถานพยาบาล โดยหากใช้วิธี RT-PCR จะอยู่ที่ 900 บาทและ1,100 บาท ขึ้นกับวิธีการตรวจ  ส่วนตรวจด้วย ATK ราคาอยู่ที่ 250 และ 350 บาทขึ้นกับเทคนิคของชุดตรวจ รวมทั้งจะปรับอัตรากรณีรักษาในฮอสพิเทลอยู่ที่ 1,000 บาทต่อวัน เท่ากับกรณีการแยกกักตัวเองที่บ้าน(Home Isolation) ทั้งหมดจะมีผลในวันที่ 1 มี.ค.2565  อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่ติดเชื้อยังเข้ารับการรักษาได้ฟรีตามสิทธิหลักประกันสุขภาพของแต่ละบุคคล ทั้งบัตรทอง ประกันสังคม หรือสวัสดิการข้าราชการ ก็เป็นการเข้าระบบรักษาพยาบาลปกติเหมือนโรคอื่น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า  ส่วนเรื่องความพร้อมรองรับผู้ติดเชื้อ "โควิด19" ขณะนี้ระบบสถานบริการโรงพยาบาลเครื่องมือต่างๆ  สธ.มีการประชุมทุกสัปดาห์ยืนยันว่า จำนวนสถานพยาบาล ทรัพยากรที่จะนำมาใช้ดูแลผู้เจ็บป่วยโควิดก็ยังมีความพร้อม แต่เวลาทำการควบคุมสถานการณ์โรคระบาด ในบางช่วงก็ต้องไปดูเรื่องการติดเชื้อกรณีที่เชื้อยังมีความรุนแรงอยู่ เมื่อมีการกระจายวัคซีนไปแล้ว มีการใช้ระบบ HI มีความพร้อมของสถานพยาบาลแล้ว การที่จะไปโฟกัสอยู่ที่จำนวนผู้ติดเชื้อมันก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นการโฟกัสที่การควบคุมผู้ป่วยที่มีอาการหนัก และควบคุมจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า  

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า  ในจำนวนผู้เสียชีวิตนั้นมากกว่า 80% ในทุกวัน คือ ผู้ที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงสูง มีโรคประจำตัว และไม่ได้รับวัคซีน ซึ่งการที่จะแก้ไขตรงนี้ได้ก็คือ มารับวัคซีนกันอย่างถ้วนหน้า รับวัคซีน 2 เข็มไปแล้ว ตอนนี้มีบูสเตอร์โดสแล้ว ฉีดไปเกิน 20 ล้านคนแล้ว เกินครึ่งแล้ว ส่วนผู้เสียชีวิตก็ต้องทำตามกฎสากล อาจจะป่วยด้วยโรคอื่น แต่มีติดเชื้อโควิดด้วยก็ต้องรายงานว่าเสียชีวิตจากโควิด-19

ที่สำคัญคือ ถ้าเทียบสถานการณ์ปีต่อปี ปีที่แล้ว กับปีนี้ สิ่งที่มันต่างกันก็คือ ปีที่แล้วไม่มีวัคซีน พอมีการติดเชื้อระบาดขึ้นมากก็จะมีผู้ป่วยอาการหนักมากขึ้น เสียชีวิตจำนวนมาก แต่พอได้รับวัคซีน มีระบบ HI การเปิดเตียงในรพ.เพื่อให้ผู้ที่จำเป็นต้องใช้สถานพยาบาลจริงๆ  ก็ทำให้ประคับประคองได้ ส่วนการประชุม ศบค. 11 ก.พ.65  จะมีการหารือกรณีที่ผู้ป่วยติดเชื้อพุ่งสูง เกือบ 15,000 ราย ก็ต้องมีการพูดคุย  ถ้าเทียบก่อนสิ้นปีถึงปัจจุบัน เดือนครึ่งผู้ติดเชื้อขึ้นมาประมาณ 5 เท่า แต่ป่วยหนักกับเสียชีวิต จำนวนคนยังเท่าเดิม ก็เท่ากับลดลงไป 5 เท่าเหมือนกัน ซึ่ง สธ.ไม่มองตรงนั้น เรามองคน เราไม่ได้มองเปอร์เซ็นต์ ไม่ได้มองร้อยละ ก็ทำทุกอย่างขอให้รักษาชีวิตคนได้ ขอให้คนไม่เจ็บป่วยอาการหนักได้ นี่คือ เป้าหมายที่สำคัญของ สธ.

related