svasdssvasds

ระวัง! สอบ. เตือนเหลือรถยนต์กว่า 670,000 คัน ยังไม่ได้เปลี่ยนถุงลมนิรภัย

ระวัง! สอบ. เตือนเหลือรถยนต์กว่า 670,000 คัน ยังไม่ได้เปลี่ยนถุงลมนิรภัย

สภาองค์กรของผู้บริโภค เตือนมีรถยนต์อีกราว 670,000 คันยังไม่ได้เปลี่ยนถุงลมนิรภัย และยังวิ่งใช้งานอยู่บนท้องถนน

 จากกรณีที่สภาองค์กรของผู้บริโภค เปิดเผยว่า เหตุการณ์การเสียชีวิตจากถุงลมนิรภัยยี่ห้อ ทาคาตะ (Takata) เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก และได้มีการเรียกคืนรถจำนวนเกือบ 100 ล้านคัน เพื่อเปลี่ยนถุงลมนิรภัยตั้งแต่ปี 2551 ส่วนในประเทศไทยมีการขายรถหลายยี่ห้อหลายรุ่น กว่า 1.7 ล้านคันที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยดังกล่าว และได้มีการเรียกคืนเพื่อเปลี่ยนถุงลมไปแล้ว แต่ยังมีรถถึง 6 แสนคันที่ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนถุงลม

 จึงเรียกร้องให้บริษัทรถยนต์ทั้ง 8 บริษัท ได้แก่ ฮอนด้า บีเอ็มดับบลิว นิสสัน โตโยต้า มิตซูบิชิ มาสด้า เชฟโรเลต และฟอร์ด ที่ได้มีการขายรถยนต์รุ่นต่างๆ ที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยอันตรายยี่ห้อดังกล่าวในประเทศไทยมากว่าสิบปี เร่งดำเนินการเปลี่ยนถุงลมนิรภัยให้มีความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

 ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่าน นายภัทรกร ทีปบุญรัตน์ เจ้าหน้าที่ศูนย์บริการผู้บริโภคแบบเบ็ดเสร็จ (One-stop Service) สภาองค์กรของผู้บริโภค ระบุว่า

ปัจจุบันยังมีรถยนต์ที่เข้าข่ายต้องเปลี่ยนถุงลมนิรภัยอีกประมาณ 670,000 คัน ที่ยังไม่ได้ไปรับบริการเปลี่ยนกับศูนย์บริการ นอกจากนี้ ยังพบปัญหาเรื่องการเข้ารับบริการกับบริษัทรถยนต์สามบริษัท จึงได้เตรียมหารือ สคบ. จัดการปัญหาและหามาตรการคุ้มครองผู้บริโภคจากสินค้าไม่ปลอดภัยดังกล่าว

 นายภัทรกร อธิบายว่า จากการส่งหนังสือติดตามความคืบหน้าไปยังสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยทำให้ทราบว่า ภายหลังการแถลงข่าวมีผู้บริโภคที่ใช้รถยนต์รุ่นที่อยู่ในข่ายที่ต้องเปลี่ยนถุงลมนิรภัยให้ความสนใจและเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการเพิ่มขึ้น

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• สภาองค์กรของผู้บริโภค จี้ 8 บ. เร่งเปลี่ยนถุงลมนิรภัยรถยนต์เสี่ยงคนขับดับ

• BMW ยืนยันระบบถุงลมนิรภัย รถน้องอิน ทำงานโดยสมบูรณ์

• ร้องสคบ.ต้องชนหนักแค่ไหน? โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์สภาพพังยับทั้งคัน เจ็บสาหัส 2 แต่ถุงลมไม่ทำงาน

โดยในเดือนพฤษภาคม และเดือนมิถุนายน 2565 มีจำนวนรถที่เข้ารับการเปลี่ยนถุงลมนิรภัยจำนวน 6,047 และ 5,121 คัน ตามลำดับ รวมเป็น 11,168 คัน ใน 2 เดือน อย่างไรก็ตาม ยังมีรถยนต์อีกประมาณ 670,000 คัน ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนถุงลมนิรภัย

 เจ้าหน้าที่ศูนย์บริการผู้บริโภคแบบเบ็ดเสร็จ ระบุอีกว่า หลังจากการแถลงข่าว ศูนย์ฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาในการติดต่อขอเปลี่ยนถุงลมนิรภัยกับผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์ จำนวน 3 บริษัท ได้แก่ BMW NISSAN และ TOYOTA โดยปัญหาที่ได้รับร้องเรียนมี ดังนี้

1. ไม่ดำเนินการเปลี่ยนถุงลมนิรภัยฝั่งที่นั่งผู้โดยสาร

2. ตรวจสอบจากระบบว่าอยู่ในข่ายที่ต้องเปลี่ยนแต่เมื่อผู้บริโภคดำเนินการขอรับบริการ ทางศูนย์มีการแจ้งว่าได้ดำเนินแล้วเรียบร้อย โดยผู้บริโภคยืนยันว่ายังไม่เคยได้รับการเปลี่ยนถุงลมนิรภัยมาก่อน

3. ตรวจจากระบบพบว่าอยู่ในข่ายที่ต้องเปลี่ยนแต่ระบบแสดงข้อมูลว่าได้รับการเปลี่ยนแก้ไขเรียบร้อยแล้ว

4. รถอยู่ในช่วงปีและรุ่นที่ต้องเปลี่ยนตามข้อมูลของผู้ประกอบธุรกิจ แต่ระบบแจ้งว่าไม่อยู่ในข่ายที่ต้องเข้ารับการเปลี่ยนถุงลมนิรภัย

 สภาองค์กรของผู้บริโภคจึงได้ทำหนังสือติดตามไปยังบริษัทผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์ดังกล่าว โดยทั้ง 3 บริษัทฯ มีหนังสือตอบกลับและชี้แจงว่า ปัจจุบันบริษัทยังคงดำเนินการเปลี่ยนถุงลมนิรภัยให้กับผู้บริโภค โดยการเปลี่ยนถุงลมนิรภัยนั้นจะเปลี่ยนให้เฉพาะถุงลมรุ่นที่มีปัญหา จึงทำให้มีรถบางรุ่นที่ต้องเปลี่ยนทั้งฝั่งคนขับและผู้โดยสาร ในขณะที่รถยนต์บางรุ่นต้องเปลี่ยนแค่ฝั่งคนขับเท่านั้น

 ทั้งนี้ นอกจากการประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภครับทราบแล้ว สภาองค์กรของผู้บริโภคยังได้ทำหนังสือไปยังเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ขอเข้าพบเพื่อหารือเรื่องการจัดการสินค้าที่ไม่ปลอดภัย เนื่องจากมีกรณีที่ผู้บริโภคเสียชีวิตจากการทำงานบกพร่องของถุงลมนิรภัยยี่ห้อ ทาคาตะ (Takata) สินค้าดังกล่าวจึงเข้าข่ายสินค้าไม่ปลอดภัยที่มีผลทำให้บุคคลถึงแก่ความตาย เป็นสินค้าที่กระทบต่อสิทธิผู้บริโภคในวงกว้าง

 และหารือถึงมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย อาทิ การออกคำสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจดำเนินการทดสอบหรือพิสูจน์สินค้าหรือบริการ, ให้ผู้ประกอบธุรกิจรายงานผลการทดสอบหรือพิสูจน์ต่อคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัย, ให้ผู้ผลิต ผู้สั่ง หรือผู้นำเข้าสินค้า จัดทำแผนการจัดเก็บหรือเรียกคืนสินค้า แผนการปรับปรุงแก้ไขหรือดำเนินการกับสินค้าที่จัดเก็บหรือเรียกคืน และแผนการเยียวยาผู้บริโภค เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม สภาองค์กรของผู้บริโภค จะติดตามสถานการณ์การแก้ไขปัญหาเรื่องถุงลมนิรภัยทาคาตะของผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์ และรวบรวมเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับแจ้งเตือนภัย รวมทั้งส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการต่อไป

 สำหรับผู้บริโภคที่ต้องการตรวจสอบรุ่นรถยนต์ว่าเข้าข่ายต้องเปลี่ยนถุงลมนิรภัยหรือไม่ สามารถตรวจสอบได้ที่ https://www.tcc.or.th/warning-airbag/ หรือ www.checkairbag.com หรือนำรถเข้าไปที่ศูนย์บริการทุกสาขา หรือติดต่อผ่านฝ่ายบริการลูกค้าทางโทรศัพท์ (Call Center) ของแต่ละบริษัทรถยนต์ หรือติดต่อสายด่วน 1584 เพื่อสอบถามข้อมูลได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 หากผู้บริโภคพบปัญหาในการขอเปลี่ยนถุงลมนิรภัย สามารถร้องเรียนมายังสภาองค์กรของผู้บริโภค ได้ที่ แบบฟอร์มรับเรื่องร้องเรียนออนไลน์ , อีเมล [email protected], โทรศัพท์ 02 239 1839, เฟซบุ๊กอินบ็อกซ์ สภาองค์กรของผู้บริโภค หรือ Line Official @tccthailand หรือคลิ้กที่ลิงก์นี้ https://lin.ee/uhDyO1U  

ขอบคุณข้อมูล : สภาองค์กรของผู้บริโภค 

related