ช้างไทย – ดอกราชพฤกษ์ – ศาลาไทย – ปลากัด – นาค – การไหว้ 6 ตัวแทนวัฒนธรรมไทยทั้งในเชิงธรรมชาติ สถาปัตยกรรม และความเชื่อ สะท้อนภาพลักษณ์ไทยสู่สายตาชาวโลก
รัฐบาลประกาศเอกลักษณ์ประจำชาติ 6 อย่างที่เป็นตัวแทนวัฒนธรรมไทยทั้งในเชิงธรรมชาติ สถาปัตยกรรม และความเชื่อ สะท้อนภาพลักษณ์ไทยสู่สายตาชาวโลก สร้างความภาคภูมิใจให้คนไทยทุกคน
เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 รัฐบาลไทยประกาศอย่างเป็นทางการผ่านราชกิจจานุเบกษา เรื่อง การกำหนดเอกลักษณ์ประจำชาติไทย เพื่อใช้ในการส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศ และสื่อสารตัวตนของไทยให้ชัดเจนยิ่งขึ้นในระดับสากล โดยเอกลักษณ์ที่ถูกกำหนดมีทั้งหมด 6 อย่าง ครอบคลุมทั้งสิ่งมีชีวิต สัญลักษณ์ทางธรรมชาติ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรม ได้แก่:
1. สัตว์ประจำชาติ: ช้างไทย (Chang Thai)
ช้างไทย คือสัตว์ที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย ทั้งในด้านศึกสงคราม งานพระราชพิธี และวัฒนธรรมพื้นบ้าน ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความเข้มแข็ง อดทน และภูมิปัญญาไทย
2. ดอกไม้ประจำชาติ: ดอกราชพฤกษ์ (Ratchaphruek)
ดอกไม้สีเหลืองสดใส ที่เบ่งบานในฤดูร้อน ราชพฤกษ์เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความสามัคคี ความจงรักภักดี และความเจริญรุ่งเรือง เป็นดอกไม้ที่ใช้ในพิธีการสำคัญของชาติ
3. สถาปัตยกรรมประจำชาติ: ศาลาไทย (Sala Thai)
ศาลาไทยสะท้อนเอกลักษณ์ด้านการออกแบบของไทย ทั้งในด้านประโยชน์ใช้สอยและความงามทางศิลปะ โดยมักพบในวัดหรือสถานที่สำคัญ ศาลาไทยจึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งภูมิปัญญาและจิตวิญญาณไทย
4. สัตว์น้ำประจำชาติ: ปลากัดไทย (Thai Betta Fish)
ปลากัดไทย เป็นปลาน้ำจืดที่มีสีสันสวยงามและนิสัยเด็ดเดี่ยว เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะปลาสวยงามสายพันธุ์ไทยแท้ แสดงถึงความกล้าหาญและความงดงามในแบบฉบับไทย
5. สัตว์ในตำนานประจำชาติ: นาค (Naga)
“นาค” เป็นสัตว์ในตำนานที่มีบทบาทอย่างมากในศาสนาและวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะในพุทธศาสนาและพิธีกรรมพื้นบ้าน เป็นสัญลักษณ์แห่งการปกป้อง ความเชื่อ ความศักดิ์สิทธิ์ และการเชื่อมโยงระหว่างโลกมนุษย์กับโลกวิญญาณ
6. วัฒนธรรมประจำชาติ: การไหว้แบบไทย (Thai Wai)
การไหว้เป็นวิธีทักทายและแสดงความเคารพที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของไทย สะท้อนถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน และความเคารพซึ่งกันและกัน เป็นวัฒนธรรมที่ชาวต่างชาติชื่นชมอย่างมาก
ทั้ง 6 เอกลักษณ์นี้ไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ แต่เป็น “หัวใจของความเป็นไทย” ที่จะช่วยขับเคลื่อน Soft Power ไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในเวทีโลก พร้อมเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานศิลปะ การท่องเที่ยว และวัฒนธรรมร่วมสมัยในอนาคต