svasdssvasds

พรุ่งนี้..วันสิ้นโลกจริงหรือไม่ !! นาซา ยัน ดาวนิบิรุไม่มีอยู่จริง! สดร. เผย 23 ก.ย. เป็นเพียง "วันศารทวิษุวัต" ที่กลางวันเท่ากับกลางคืน!?!

พรุ่งนี้..วันสิ้นโลกจริงหรือไม่ !! นาซา ยัน ดาวนิบิรุไม่มีอยู่จริง! สดร. เผย 23 ก.ย. เป็นเพียง "วันศารทวิษุวัต" ที่กลางวันเท่ากับกลางคืน!?!

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

จากกรณีที่มีการแชร์คลิปที่นายเดวิด มี้ด (David Meade) นักเลขศาสตร์ชาวอเมริกัน ผู้เขียนหนังสือ "Planet X - The 2017 Arrival " ได้ออกมาประกาศว่า ดาวเคราะห์นาดใหญ่ที่ชื่อ ดาวเคราะห์เอ็กซ์ (Planet X) หรือที่รู้จักในชื่อ ดาวนิบิรุ (Nibiru) จะพุ่งชนโลกในวันที่ 23 กันยายน 2560 มันจะทำให้เกิดภัยพิบัติอันตรายครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้นบนโลก และจะทำให้โลกถึงแก่กาลอวสาน และมวลมนุษยชาติจะดับสูญทั้งสิ้น

พรุ่งนี้..วันสิ้นโลกจริงหรือไม่ !! นาซา ยัน ดาวนิบิรุไม่มีอยู่จริง! สดร. เผย 23 ก.ย. เป็นเพียง \"วันศารทวิษุวัต\" ที่กลางวันเท่ากับกลางคืน!?!

เมื่อกระแสดังกล่าวมีการเผยแพร่ออกไปเป็นจำนวนมากก็ได้สร้างความตื่นตระหนกและพูดถึงกันไปต่างๆ นานา ถึงขั้นมีการทำเว็บไซต์เคาท์ดาวน์ นับถอยหลังวันสิ้นโลกอีกด้วย โดยมี้ดอ้างว่าพระคัมภีร์ไบเบิลก็ได้ทำนายเหตุการณ์วันสิ้นโลกที่จะเกิดขึ้นเอาไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ เพิ่งเกิดขึ้นบนโลก ไม่ว่าจะเป็น สุริยุปราคาครั้งล่าสุด หรือ เฮอริเคนฮาวี ล้วนเป็นสัญญาณเตือนภัยพิบัติวันสิ้นโลก

พรุ่งนี้..วันสิ้นโลกจริงหรือไม่ !! นาซา ยัน ดาวนิบิรุไม่มีอยู่จริง! สดร. เผย 23 ก.ย. เป็นเพียง \"วันศารทวิษุวัต\" ที่กลางวันเท่ากับกลางคืน!?!

ถึงแม้ว่ามี้ดจะยืนยันเป็นจริงเป็นจังถึงวันสิ้นโลกที่จะเกิดขึ้น แต่มันก็เป็นเพียงทฤษฎีที่เขาเชื่อเท่านั้น ก่อนหน้านี้เขาเขียนหนังสือว่าดาวนิบิรุจะพุ่งชนโลกในเดือนตุลาคม แต่เขาก็เลื่อนวันให้เร็วขึ้น เป็นวันที่ 23 กันยายน เนื่องจากเหตุการณ์ต่างๆ อย่าง เฮอริเคนฮาวี และสุริยุปราคา

พรุ่งนี้..วันสิ้นโลกจริงหรือไม่ !! นาซา ยัน ดาวนิบิรุไม่มีอยู่จริง! สดร. เผย 23 ก.ย. เป็นเพียง \"วันศารทวิษุวัต\" ที่กลางวันเท่ากับกลางคืน!?!

พรุ่งนี้..วันสิ้นโลกจริงหรือไม่ !! นาซา ยัน ดาวนิบิรุไม่มีอยู่จริง! สดร. เผย 23 ก.ย. เป็นเพียง \"วันศารทวิษุวัต\" ที่กลางวันเท่ากับกลางคืน!?!

พรุ่งนี้..วันสิ้นโลกจริงหรือไม่ !! นาซา ยัน ดาวนิบิรุไม่มีอยู่จริง! สดร. เผย 23 ก.ย. เป็นเพียง \"วันศารทวิษุวัต\" ที่กลางวันเท่ากับกลางคืน!?!

ขณะที่ทฤษฎีเรื่องดาวนิบิรุ ก็ดูเหมือนจะเป็นเพียงความเชื่อของคนบางกลุ่ม โดยก่อนหน้านี้องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ นาซา (NASA - National Aeronautics and Space Administration) ก็ได้ออกมาเปิดเผยหลายครั้งแล้วว่าดาวเคราะห์ที่ว่านั้นไม่มีอยู่จริง ถ้ามันมีดาวเคราะห์น้อยที่สามารถพุ่งชนโลกในเร็วๆนี้แล้วละก็ ทีมนักดาราศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์คงตรวจพบมันตั้งแต่ 10 ปีที่ก่อน และป่านนี้มนุษย์บนโลกต้องสามารถมองเห็นมันได้ด้วยตาเปล่าแล้ว "โครงการสำรวจพื้นที่มุมมองกว้างบนท้องฟ้าในย่านรังสีอินฟราเรดของนาซา (WISE - Wide-Field Infrared Survey Explorer) ทำการสำรวจวัตถุต่างๆ นับร้อย ๆ ที่โคจรอยู่บนท้องฟ้าซึ่งปรากฏว่า ไม่พบหลักฐานใดๆ ที่สามารถบ่งชี้ได้เลยว่ามีดาวดังกล่าวอยู่ในระบบสุริยะ" องค์การนาซา กล่าว

ด้าน โจนาธาน ซาร์ฟารี นักเขียนของดิเอ็กซ์เพรส ก็ได้ออกมาบอกเช่นกันว่า มันเป็นเรื่องปกติ ที่เรื่องดาราศาสตร์จะถูกโยงไปเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อต่างๆ และควระระมัดระวังในความเชื่อพวกนี้ เพราะฉะนั้นทั้งหมดคือเรื่องลวงโลก

(ชมคลิป)

อย่างไรก็แล้วแต่ ดร. ศรัณย์ โปษยะจินดา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า สำหรับวันที่ 23 กันยายนนี้ เป็นเพียงวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกพอดี ทำให้เวลาในช่วงกลางวันเท่ากับกลางคืน และเป็นวันที่ประเทศทางซีกโลกเหนือย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ส่วนประเทศทางซีกโลกใต้ย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ เรียกว่า “วันศารทวิษุวัต”

พรุ่งนี้..วันสิ้นโลกจริงหรือไม่ !! นาซา ยัน ดาวนิบิรุไม่มีอยู่จริง! สดร. เผย 23 ก.ย. เป็นเพียง \"วันศารทวิษุวัต\" ที่กลางวันเท่ากับกลางคืน!?!

เนื่องจาก วันศารทวิษุวัต (Vernal Equinox) ในหนึ่งปีจะเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้ง คือประมาณวันที่ 20 หรือ 21 มีนาคม และ วันที่ 22 หรือ 23 กันยายน ทำให้เป็นวันที่มีเวลากลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน และในวันพรุ่งนี้ 23 กันยายน เป็นวันศารทวิษุวัต ทำให้ดวงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออก เวลาประมาณ 06:07 น. และตกลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก เวลาประมาณ 08:13 น. (เวลา ณ กรุงเทพมหานคร) หลังจากวันดังกล่าว ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนลงทางใต้เรื่อยๆ และหยุดที่จุดใต้สุด ในวันที่ 21 ธันวาคม 2560 จากนั้นจะเคลื่อนขึ้นทางเหนืออีกครั้งหนึ่ง

โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงรี ทำให้ในรอบหนึ่งปี โลกจึงมีระยะห่างจากดวงอาทิตย์ไม่เท่ากัน ช่วงที่ใกล้ที่สุดประมาณต้นเดือนมกราคม (147 ล้านกิโลเมตร) และช่วงที่ไกลที่สุดประมาณต้นเดือนกรกฎาคม (152 ล้านกิโลเมตร) เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของระยะทางใกล้-ไกล ในการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ถือเป็นอัตราส่วนที่น้อยมาก จึงไม่มีผลต่อการเกิดฤดูกาลแต่อย่างใด แต่การที่แกนหมุนของโลกเอียงทำมุม 23.5 องศากับระนาบวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ พื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลกจึงรับแสงอาทิตย์ได้ในปริมาณที่ไม่เท่ากัน ส่งผลให้มีอุณหภูมิต่างกัน รวมถึงมีระยะเวลากลางวันและกลางคืนที่ต่างกันด้วย เป็นเหตุให้เกิดฤดูกาลขึ้นบนโลก จะสังเกตได้ว่า ในฤดูร้อน เวลากลางวันจะยาวกว่ากลางคืน ดวงอาทิตย์จะขึ้นเร็วและตกช้า ส่วนในฤดูหนาว เวลากลางคืนจะยาวนานกว่า ดวงอาทิตย์จะขึ้นช้าและตกเร็ว

พรุ่งนี้..วันสิ้นโลกจริงหรือไม่ !! นาซา ยัน ดาวนิบิรุไม่มีอยู่จริง! สดร. เผย 23 ก.ย. เป็นเพียง \"วันศารทวิษุวัต\" ที่กลางวันเท่ากับกลางคืน!?!

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : Solar System Exploration Research Virtual Institute , thesun , rt.com , narit

related