svasdssvasds

"ชูวิทย์" แจง 5 เหตุผล "เศรษฐา" ไม่มีคุณสมบัติเป็นนายกฯ เลี่ยงภาษี 521 ล้าน

"ชูวิทย์" แจง 5 เหตุผล "เศรษฐา" ไม่มีคุณสมบัติเป็นนายกฯ เลี่ยงภาษี 521 ล้าน

“ชูวิทย์” แถลง 5 เหตุผล “เศรษฐา” ไม่มีคุณสมบัติเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อม "แฉเพื่อชาติ" เปิดหลักฐานการซื้อขายที่ดินของบริษัทแสนสิริ มีการทำนิติกรรมอำพราง เลี่ยงภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากว่า 521 ล้านบาท เชื่อ “เศรษฐา” รู้เรื่องอย่างดี เพราะมีหลักฐานลงนามเข้าประชุม

 วันที่ 3 สิงหาคม 2566 เวลา 12.30 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้แถลงข่าว พร้อมนำนำหลักฐานการซื้อขายที่ดินของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ที่เคยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ ซึ่งตอนนี้นายเศรษฐา เป็นแคนนิเดตนายกรัฐมนตรีที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อให้คัดเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี 

โดยใช้ชื่อการแถลงข่าวในวันนี้ "แฉเพื่อชาติ" EP.1 12 คน 12 วัน แถลงอภิปรายคุณสมบัตินายกฯ คนใหม่ของประเทศไทย “มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์หรือไม่?”

"ชูวิทย์" แจง 5 เหตุผล "เศรษฐา" ไม่มีคุณสมบัติเป็นนายกฯ เลี่ยงภาษี 521 ล้าน

 โดยก่อนเริ่มอธิบาย นายชูวิทย์ เริ่มต้นพูดด้วยประโยคที่ว่า  “ชีวิตผมเป็นเส้นด้ายอาจจะเป็นเส้นสุดท้าย ดังนั้นเหตุผลของการแถลงครั้งนี้ ขอเรียนให้ทราบว่ามีความพยายามจะไม่ให้ผมพูดทุกทาง มีการเสนอ มีการใส่ร้าย แต่ผมไม่จำเป็นต้องแก้ตัวแล้ว เพราะเวลามันสั้น ดังนั้นเสียงใครจะพูดกระแหนะกระแหนนินทา ก็พูดไปเลยครับ เพราะผมนั้นไม่มีต้นทุน เพราะคนที่มีต้นทุนมากที่สุดคือ นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ได้ไปคุกเข่ากับนายทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ว่าจะทำให้ทุกอย่างหากตนเองได้ขึ้นเป็นนายก
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ชูวิทย์ แนะจับตา เพื่อไทยฉีก MOU แยกทางกันไป จะร่วมกับ 2 พรรคลุง หรือไม่ รอลุ้น

• อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ฟาดไม่ยั้ง ลั่นเพ้อเจ้อ ชูวิทย์ปูดข่าว ทักษิณไม่กลับไทย

• ชูวิทย์ แฉ "สูตรจัดตั้งรัฐบาล" เพื่อไทย หักหลังถ้วนหน้า คนไกลอาจไม่ได้กลับ

 จากนั้นการแถลงในครั้งนี้นายชูวิทย์ได้ยกประเด็น เรื่องที่ดินสารสินมาอธิบาย พร้อมแสดงหลักฐานเป็นโฉนด การโอนจ่าย ธุรกรรมการจำนองที่ดิน และแผนผังของเครือข่ายที่เกี่ยวข้องมาแสดง โดยระบุ ว่า  

 จากการที่ตนเคยบอกไว้ ว่า "12คน โอน 1วัน" กับ "12 คนโอน 12 วัน" ตรงนี้คือ โอนในโฉนดหมายเลขเดียวกัน คือโฉนดเลขที่ 16515 เป็นโฉนดแปลงเดียว ตั้งอยู่ในถนนสารสิน มีทั้งหมด 399.7 ตารางวา มูลค่ากว่า 1,570 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีตารางวาแพงที่สุดในประเทศไทย ที่เคยซื้อมา เพราะ 1 ตารางวา เท่ากับ 4 ล้านบาท จากราคาประเมินแค่ 1 ล้านบาท ซึ่งนายชูวิทย์เปรียบเทียบว่าราคาตารางวา เท่ากับบ้าน 2 ชั้น 1 หลัง

 และเดิมที่ดินแปลงนี้เป็นของ นายพจ สารสิน และต่อมามีการโอนให้ทายาท และ ขายให้คุณหญิงนงเยาว์ คุณหญิงนงยาว์ ขายให้นางประไพ และนางประไพ โอนเข้าบริษัท ประไพทรัพย์ จำกัด  

 บริษัทประไพทรัพย์ จำกัด ถือครองตั้งแต่ 17 พฤศจิกายน 2526 ต้นทุน 7 ล้านบาทต่อมา บริษัท ประไพทรัพย์ จดทะเบียนเลิกบริษัท เมื่อ 26 พฤศจิกายน 2561 โดยมีการแบ่งที่ดินผืนดังกล่าวตามส่วนผู้ถือหุ้น ประกอบด้วย ประไพ,บุญศรี,อนณ,ธันยา,ณฐพงศ์,ภพธร,ชิน,อัครรัฐ,วีร์กฤติ,กุลกมล,ปวิตรา และ วีรวรรธน์ รวม 12 ราย

"ชูวิทย์" แจง 5 เหตุผล "เศรษฐา" ไม่มีคุณสมบัติเป็นนายกฯ เลี่ยงภาษี 521 ล้าน

 ซึ่งต่อมาชูวิทย์ ระบุว่า บุคคลทั้ง 12 ได้มีการโอนขายหุ้นให้บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2562 ลักษณะแบ่งโอนแยกรายบุคคลทั้งที่เป็นที่ดินแปลงเดียวกัน ซึ่งมองว่าเพื่อเป็นการเลี่ยงภาษี และการทำนิติกรรมแบบนี้ นายชูวิทย์ บอกว่า เป็นการทำนิติกรรมอำพราง 

 

โดยนายชูวิทย์ ได้อธิบาย นิติกรรมอำพรางในที่นี่ว่า มีการแบ่งชื่อ ซื้อขายที่ดิน 12 คน ในการแบ่งโอนที่ดินทั้งแปลง และใน 12 คนนี้ มีการโอนติดต่อกันเป็นเวลา 12 วัน คือ จันทร์-ศุกร์ เว้นเสาร์ อาทิตย์ แล้วไปโอน จันทร์-ศุกร์  เว้นเสาร์ อาทิตย์ และโอนต่ออีกจันทร์ อังคาร จนครบ 12 วัน 12 คน ท่านคิดว่านี่เป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่ 

การโอนพร้อมกัน 12 คน 1 วัน ที่เป็นนิติกรรมปกติ จะถือว่าเป็นโอนในฐานะคณะบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนสามัญ ซึ่งมีภาษีโอนที่ดินที่ต้องจ่าย คือ ภาษีกรมที่ดิน 59.2 ล้านบาท และภาษีสรรพากร ภงด.90 อัตราก้าวหน้า 35% มูลค่า 521 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 580 ล้านบาท

 แต่หากเป็นนิติกรรมอำพราง โอนที่ดิน 12 คน 12 วันจะเสียภาษีกรมที่ดิน อยู่ที่ 59.2 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนเงินกว่า 521 ล้านบาท จะหายไป ดังนั้นแล้วกรณีนี้ทำให้รัฐเสียภาษี 521,130,789.05 ล้านบาท

 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับกรณีของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ถือครองหุ้น 42,000 หุ้นของบริษัทไอทีวี จำกัด(มหาชน) กรณีนี้ ไม่ได้ทำให้รัฐเสียหายแม้แต่บาทเดียว นายพิธา จึงถือว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนในการเป็นนายกฯ แตกต่างกับนายเศรษฐา ที่ร่วมกระทำความผิด โดยการหลีกเลี่ยงภาษีให้กับผู้ขาย เป็นจำนวนเงิน 521 ล้าน ทำให้รัฐไม่ได้เงินส่วนนี้

 ซึ่งเรื่องนี้ คนขายที่ดินทำคนเดียวไม่ได้ เหมือนการตบมือข้างเดียวไม่ดัง เรื่องนี้ต้องมีคนซื้อ ที่มีความรู้ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ คนซื้อแวดวงตลาดหลักทรัพย์ มาช่วยสนับสนุนความผิด

ในวันที่มีการซื้อขายโอนที่ดิน นายเศรษฐา ไม่สามารถปฎิเสธว่า จะไม่รับรู้ไม่ได้ เพราะวันนั้น นายเศรษฐามีสถานะเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ เป็นผู้ลงชื่อรับรองรายงานการประชุม ในวันที่ 14 สิงหาคมปี 2562 อย่างถูกต้อง

"ชูวิทย์" แจง 5 เหตุผล "เศรษฐา" ไม่มีคุณสมบัติเป็นนายกฯ เลี่ยงภาษี 521 ล้าน

 ส่วนกรณีที่ บริษัท แสนสิริ ออกแถลงการณ์ชี้แจงมาเมื่อช่วงเช้าในประเด็นว่า ผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบภาษี และผู้ซื้อไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยนั้น นายชูวิทย์ ระบุว่า 

“คุณจะบอกว่าไม่รู้เรื่องเขาจะขายอย่างงี้ แล้วจะตามใจเขา ทั้งที่คุณเป็นบริษัทมหาชน มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ซื้อที่ดินมากี่แปลงแล้ว และนายเศรฐา ได้เซ็นต์รับรองการประชุม หากนายเศรษฐา ได้เป็นนายกฯ จะไม่ช่วยนายทุนหลีกเลี่ยงภาษีเหรอ? ดังนั้น จึงเข้าอีหรอบเดียวกับทักษิณ”

 และหากนายเศรษฐา ซึ่งเป็นนายทุนที่ยังกระทำการแบบนี้ได้ ท้ายที่สุด ประเทศไทย จะได้นายกฯ ที่เป็นนายทุนในการหลีกเลี่ยงภาษี พร้อมแจกเหตุผล ที่นายชูวิทย์ มองว่า นายเศรษฐา เป็นผู้ร่วมสมคบคิดกระทำความผิด เพราะ

1. เป็นกรรมการผู้จัดการแสนสิริ

2. เศรษฐาเป็นบอร์ดแสนสิริ

3. ร่วมประชุม 14 ส.ค.62

4. ลงนามการประชุม 14 ส.ค.62

5. รับรู้นิติกรรมอำพราง

 จากนั้นชูวิทย์ได้นำถาดพิซซ่า ขึ้นมาแสดงตัวอย่างเพื่อเปรียบเทียบการตัดแบ่งโอนที่ดินเป็น 12 ชิ้นและระบุว่า อีกข้อน่าสงสัยคือทำไมในที่ดินผืนเดียวกันสามารถแบ่งขายราคาได้ หลากหลายราคา 12 คน ขายคนละราคา

 หลังจากนี้ตนจะนำข้อมูลและเอกสารที่นำมาแถลงวันนี้ไปยื่นต่อ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) , ประธานรัฐสภา และกรมสรรพากร เพื่อให้นำข้อมูลนี้ไปประกอบในการพิจารณาโหวต เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะตนเชื่อว่าพฤติการณ์เหล่านี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 ที่ระบุว่านายกฯต้องีความซื่อสัตย์สุจริต และถือว่ามีความผิดตามประมวลรัษฎากร พ.ศ.2481 มาตรา37 และ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

“เขาเป็นคนตัวสูงมักจะมองข้ามคนอื่นๆ ในพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้ชอบ เพราะถือว่ามาในฐานะตั๋วปู ของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เศรษฐา เป็นคนมีอีโก้สูง ปากไว้ใจร้อน ตนรู้พฤติกรรมหมดเวลาจะแฉใคร” นายชูวิทย์กล่าว

 นายชูวิทย์ ยังระบุว่า บริษัท แสนสิริ ไม่เคยซื้อที่ดินโดยตรงจากเจ้าของ แต่ให้บริษัทในเครือมาซื้อ แล้วก็ทำธุรกรรมอำพรางจนทำให้มีราคาที่ดินสูงขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัท แสนสิริ เคยมาติดต่อซื้อที่ดินของนายชูวิทย์ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท มาแล้ว แต่ไม่ขายให้เนื่องจากติดสัญญาซื้อขายกับบริษัทอื่นอยู่ และได้ขายไปให้กับบริษัทดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว 

 นายชูวิทย์ยืนยันว่า การที่ออกมาเปิดเผยในครั้งนี้ ไม่มีอะไรแอบแฝง และไม่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ดินกับบริษัทแสนสิริ และไม่ได้มีเรื่องโกรธเคืองกับนายเศรษฐา แต่เป็นการออกมาพูดเพื่อประโยชน์สาธารณ ที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ 

 นายชูวิทย์ ยังระบุอีกว่า บริษัทอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ในไทย มักจะหลีกเลี่ยงภาษีด้วยวิธีนี้ แต่บริษัท แสนสิริ ทำเยอะกว่าบริษัทอื่น จึงไม่เห็นด้วยที่จะเสนอให้นายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี

 เหตุผลที่ต้องออกมาแฉ เพราะนายเศรษฐา มาจากเพื่อไทย และการที่เพื่อไทยตระบัดสัตย์เอานายเศรษฐามาเป็นหุ่นเชิด จำเป็นต้องออกมาพูดเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะชน ไม่ได้มีเรื่องโกรธเครื่องส่วนตัวกับนายเศรษฐา และการที่ตนออกมาพูด นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นที่ประจักษ์เรื่องของความซื่อสัตย์ และเมื่อตนรู้ว่านายเศรษฐามีพฤติกรรมแบบนี้ ยังจำเป็นต้องเก็บไว้อีกหรือไม่ ซึ่งการแฉแบบนี้ เป็นการแฉเพื่อชาติ และพรรคเพื่อไทยก็ยังมี อุ๊งค์อิ๊ง แพทองธาร และมี นายชัยเกษม นิติสิริ เป็นแคนดิเดต ก็ให้เสนอกันไป แต่ต้องไม่ใช่นายเศรษฐา

 เมื่อถามว่า ในบัญชีแคนดิเดตนายกฯ มีคนที่มีความซื่อสัตย์ เป็นที่ประจักษ์แบบที่นายชูวิทย์ ระบุหรือไม่ ทำให้นายชูวิทย์ ดีดนิ้ว ตอบทันที “อาจารย์ชัยเกษม เพราะอาจารย์ชัยเกษม เป็นคนมีความรู้เรื่องกฎหมาย อายุนาดนี้แล้ว คงไม่ได้หวังเงินทอง 

 ส่วนคุณอุ๊งค์อิ๊ง มีconflict of interest เพราะเป็นลูกทักษิณ หากเป็นนายก ก็จะกระทำการทุกอย่างให้ ทักษิณกลับ และเดิมคุณหญิงพจมาน กับนายทักษิณ เลือกนายชัยเกษม แต่นายเศรษฐา ไปกราบกราน โดยการกำชับของยิ่งลักษณ์

 สำหรับการออกมาเปิดเผยข้อมูลครั้งนี้ นายชูวิทย์ ระบุว่าเป็นการแฉเพื่อชาติ และเป็นเพียงเรื่องแรก ยังมีอีก 11 เรื่อง ที่ยังรอการเปิดเผย 

 ในช่วงท้ายของการแถลง นายชูวิทย์ ยังได้เปิดแผ่นไวนิล ที่เป็นข้อมูลของการ โอน ซื้อโอนที่ดิน ที่เป็นประเด็นกับเศรษฐาต่อสื่อมวลชน พร้อมยืนยันว่า นายทักษิณ จะยังไม่เดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ อย่างแน่นอน เพราะทุกอย่างยังไม่ลงตัว เนื่องจากพรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล และแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี

 หากยังจัดตั้งรัฐบาลไม่เรียบร้อย ฟันธงว่าร้อยทั้งร้อย นายทักษิณ เลื่อนกลับบ้านอย่างแน่นนอน สืบเนื่องจากการแถลงจับขั้วรัฐบาลเพื่อไทยเมื่อวานนี้ ระบุว่า 2 พรรคลุงไม่มา การไม่มาคือพยายามให้กระแสสงบ เพราะถ้าบอกว่า 2 ลุงมา นายชูวิทย์ใช้คำว่า “ตายห่าพอดี”

 แต่ในการโหวตนายกฯ เขาโหวตนายก ไม่ได้โหวตรัฐบาล เมื่อโหวตนายกฯ ได้เมื่อไหร่หลังจากนั้น 2 พรรคลุงจะมา เพราะถ้าไม่มา ส.ว.จะโหวตผ่านให้ได้อย่างไร เพราะฉะนั้นเป็นไฟกระพริบใต้โต๊ะที่บอกว่ามา แต่มาหลังโหวตแล้วเสร็จ ก่อนจะถามว่าแผนเป็นแบบนี้ชัดเจนหรือไม่?”

 ส่วนกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันกำหนดการหลับบ้านนายทักษิณยังเหมือนเดิมนั้น นายชูวิทย์ บอกว่า ไม่เป็นไร จะพูดยังไงก็พูดได้

related