คมสันต์ แซ่ลี จากเด็กเชียงราย สู่ผู้ก่อตั้ง Flash Express ยูนิคอร์นหมื่นล้าน เรื่องราวการสู้ชีวิตทางธุรกิจ สร้างแรงบันดาลใจให้ซีรีส์ สงครามส่งด่วน ทาง Netflix
กำลังเป็นกระแสฮิตที่ชาวโซเชียลกล่าวกล่าวขานกันเป็นวงกว้าง สำหรับ Netflix ซีรีส์ “สงครามส่งด่วน Mad Unicorn” (2025) ที่เล่าชีวิตดราม่าของนักธุรกิจหนุ่มผู้เริ่มต้นจากศูนย์ สู่เจ้าของสตาร์ทอัปขนส่งด่วนระดับยูนิคอร์นคนแรกของไทย
จุดเริ่มต้นของ "คมสันต์" คือการลุกขึ้นเปลี่ยนวงการขนส่งไทย จากประสบการณ์ตรงในการเห็นระบบโลจิสติกส์จีนที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และเข้าถึงได้ โดยได้นำโมเดลนั้นมาปรับใช้กับธุรกิจในประเทศไทย จนในปี 2561 คมสันต์เปิดตัว Flash Express ด้วยค่าขนส่งเริ่มต้นเพียง 19 บาท โดยไม่พึ่งแฟรนไชส์หรือเอาต์ซอร์ส ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนของวงการโลจิสติกส์ไทยอย่างแท้จริง
คมสันต์ ลี เกิดและเติบโตที่ดอยวาวี จังหวัดเชียงราย ในครอบครัวที่มีสายเลือดจีน พ่อเป็นนักธุรกิจ แม่เป็นครูสอนภาษาจีน เขาเป็นลูกชายคนโตและมีน้องอีก 2 คน
จุดเปลี่ยนแรกของการก้าวสู่การทำธุรกิจ คมสันต์สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ระหว่างที่เรียนอยู่ เขาได้ริเริ่มทำธุรกิจเล็กๆ ด้วยการนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนมาขายให้กับนักศึกษา โดยเฉพาะนักศึกษาแลกเปลี่ยนชาวจีนที่มาเรียนในไทย ทำรายได้ประมาณเดือนละ 10,000 บาท เวลาว่างทำงานพาร์ทไทม์เป็นพนักงานในบริษัทของคนจีน และรับจ้างสอนภาษาจีนควบคู่ไปด้วย
ปี 2560 ซึ่งเป็นช่วงยุคแรกๆ เริ่มที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นช่วงรอยต่อที่สำคัญของเหตุการณ์โควิดระบาด และสิ่งที่ทำให้ธุรกิจเขาเหนือคู่แข่งเจ้าอื่นๆ ได้ในช่วงนั้นแม้จะเป็นผู้เล่นที่มาทีหลังคือ “การเปลี่ยนจุดอ่อนของคู่แข่งให้เป็นจุดแข็งของตัวเอง”
ความท้าทายในช่วงแรก แน่นอนว่าคือการต้องสู้กับเจ้าตลาดเดิมที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ไปรษณีย์ไทย หรือ Kerry Express ดังนั้น สิ่งที่เขาสร้างในช่วงแรกนอกเหนือจากการสร้างการรับรู้ในแบรนด์ใหม่แล้ว เรื่องสำคัญอีกประการก็คือ “การสร้างความน่าเชื่อถือในฐานะบริษัทใหม่”
“คมสันต์ ลี” ตัดสินใจก่อตั้ง Flash Express เมื่อปี 2560 โดยใช้เงินทุนส่วนตัว และระดมทุนจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนระดับภูมิภาค
Flash Express เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อ 9 พฤษภาคม 2561 โดยเลือกใช้โมเดลธุรกิจไม่พึ่ง Out Source และไม่ใช้ระบบแฟรนไชส์ พร้อมพัฒนาระบบไอทีหลังบ้านเองทั้งหมด ใช้งบลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท และใช้จุดขายค่าจัดส่งเริ่มต้นเพียง 19 บาท ซึ่งถูกที่สุดในตลาดตอนนั้น ในขณะที่คู่แข่งรายอื่นคิดค่าบริการส่งพัสดุเริ่มต้นประมาณ 60 บาท
ภายในเวลาเพียง 4 ปี ช่วงกลางปี พ.ศ. 2564 Flash Express ภายใต้บริษัทแม่ Flash Group สามารถระดมทุนรอบ Series D+ และ E รวม 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 4,600 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่ากิจการทะยานเกิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็น “สตาร์ตอัปยูนิคอร์น” รายแรกของประเทศไทย
Flash Express สร้างเครือข่ายการให้บริการครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย มีจุดให้บริการรับ-ส่งพัสดุกว่า 2,500 จุด มีจำนวนพนักงานมากกว่า 10,000 คน กระจายอยู่ทั่วประเทศเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ
ในปีแรกที่เปิดให้บริการ บริษัทจัดส่งพัสดุได้มากกว่า 100 ล้านชิ้น และหลังจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตสูงในช่วงการระบาดของโควิด ปริมาณพัสดุที่จัดส่งสะสมก็เพิ่มขึ้นเกิน 300 ล้านชิ้น ในเวลาไม่นาน ปัจจุบันมีสถิติจัดส่งพัสดุมากกว่า 1 ล้านชิ้นต่อวันเป็นมาตรฐาน ช่วงพีคสูงสุดสามารถรองรับได้ถึงประมาณ 2 ล้านชิ้นต่อวัน
หลังจากยึดตลาดในประเทศ คมสันต์ได้วางวิสัยทัศน์ให้ Flash Express ก้าวสู่การเป็นผู้นำโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในปี 2565 บริษัทได้เริ่มขยายบริการไปยังต่างประเทศใกล้เคียง อาทิ สปป.ลาว และ ฟิลิปปินส์ และต่อมาได้เปิดดำเนินการใน มาเลเซีย เต็มรูปแบบในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565
ปัจจุบันเครือข่ายของ Flash Express ได้ให้บริการในหลายประเทศทั่วภูมิภาค ได้แก่ ลาว ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม พร้อมทั้งมีบริการขนส่งข้ามพรมแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย
แผนระยะยาวของคมสันต์คือการขยายตลาดครอบคลุมทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของภูมิภาคตามที่ได้ตั้งเป้าไว้