svasdssvasds

True ดำเนินคดี "ถูกใส่ร้าย" ตัดสัญญาณมือถือ "พิธา" บอกย้ายไปใช้ AIS

True ดำเนินคดี "ถูกใส่ร้าย" ตัดสัญญาณมือถือ "พิธา" บอกย้ายไปใช้ AIS

True ดำเนินคดี "ถูกใส่ร้าย" ตัดสัญญาณมือถือ "พิธา" บอกย้ายไปใช้ AIS ชี้เป็นการสร้างข่าว Fake News ทำให้เกิดความเสียหาย และเข้าใจผิดในวงกว้าง

จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ Fake News ในเพจกลุ่มพรรคก้าวไกล - Move Forward Party ว่า

"คุณพิธา ถูกตัด สัญญาณโทรศัพท์จากทรู Fc คุณพิธาเปลี่ยนเป็น เอไอเอสหรือยัง"

ซึ่งจากการตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่าหมายเลขดังกล่าวของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยังสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องตามปกติ และ ทรู (True) ขอยืนยันว่าไม่มีการตัดสัญญาณตามที่ถูกใส่ร้ายแต่อย่างใด

โดยทีมงานของทรูได้ติดต่อแจ้งข้อเท็จจริงต่างๆโดยตรงกับแอดมินเพจกลุ่มพรรคก้าวไกล - Move Forward Party แล้ว ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีช่วยลบโพสต์ดังกล่าวด้วยความเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

ทั้งนี้ ทรู (TRUE) ระบุว่า การสร้างสังคมออนไลน์ที่สะอาดปราศจากการโกหกบนอินเตอร์เนต เป็นแนวทางในการสร้างสังคมที่ดี ซึ่งการดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุดและสืบสวนต่อถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง จะเป็นกรณีตัวอย่างให้สังคมหลีกเลี่ยงการใช้เฟคนิวส์

ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย เป็นความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14 (1) โดยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ซึ่งในกรณีนี้โพสต์ดังกล่าวไม่เป็นความจริง ซึ่งเข้าข่าย Fake News  

เราจึงได้ดำเนินการแจ้งความเอาผิดกับผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ได้โพสต์ข้อความสร้างความเสียหายให้แก่บริษัท โดยไม่มีมูลความจริง ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อวันที่  11 ก.ค. ที่ผ่านมา

True ดำเนินคดี "ถูกใส่ร้าย" ตัดสัญญาณมือถือ "พิธา" บอกย้ายไปใช้ AIS

สำหรับสาเหตุที่จำเป็นต้องแจ้งความดำเนินคดี เนื่องจากข้อความที่มีการโพสต์เป็นลักษณะการโฆษณาต่อบุคคลอื่นที่ได้พบหรือได้อ่านข้อความดังกล่าว อันเป็นเหตุต่อเนื่องให้มีการแสดงความคิดเห็นที่เป็นการใส่ความต่อบริษัท  

โดยเผยแพร่ต่อสาธารณะ ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือโซเชียลมีเดียในเพจกลุ่มก้าวไกล ปลุกปั่นให้เชื่อว่าบริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยความสุจริตเป็นผู้ฝักใฝ่ทางด้านการเมือง

และได้ดำเนินการกลั่นแกล้งทางการเมือง อันทำให้บริษัทได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงเกียรติยศเป็นการดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังและกระทบต่อธุรกิจของบริษัท

บริษัทจึงจำเป็นต้องดำเนินคดีถึงที่สุด เพื่อป้องกันมิให้เกิดการกระทำที่เข้าข่าย Fake News เช่นนี้ เกิดขึ้นอีกในอนาคต

related