svasdssvasds

ศิริกัญญา ชี้ เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท อาจถึงทางตัน แนะทบทวนนโยบายใหม่

ศิริกัญญา ชี้ เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท อาจถึงทางตัน แนะทบทวนนโยบายใหม่

"ศิริกัญญา"ชี้ เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท อาจถึงทางตัน รัฐบาลเจอปัญหางบประมาณเป็นตอใหญ่ แนะทบทวนนโยบายใหม่ บอกความจริงประชาชน ลั่นหากทำได้เพียงแจกผู้ถือบัตรสวัสดิการรัฐ ก็แค่เยียวยา ไม่ใช่กระตุ้นเศรษฐกิจ เตือนหาก ออกพ.ร.ก.เงินกู้ เป็นการฆ่าตัวตายทางการเมือง

เงินดิจิทัลวอลเลท 10,000 บาทมีปัญหา

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่จะมีการคัดกรองบุคคลที่จะได้รับว่า ปัญหาสำคัญที่มีการปรับหลักเกณฑ์โดยที่มีการคัดกรองคนรวยออก ไม่ว่าจะ บุคคลที่ได้รับเงินเดือน 25,000 บาท บุคคลที่ได้รับเงินเดือนเกิน 50,000 บาท และอีกหลักเกณฑ์ที่จะแจกเฉพาะผู้ที่มีบัตรสวัสดิกานแห่งรัฐ ก็ชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลน่าจะมีปัญหาการเงินที่จะนำมาใช้กับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แน่นอน เลยจำเป็นที่จะต้องทำให้คนที่ได้รับผลประโยชน์มีจำนวนลดลง ถึงแม้จะพยายามลดลงแล้ว แต่ก็ยังมีคนได้รับเงินตรงนี้อยู่ประมาณ 43-49 ล้านคนอีก ซึ่งเป็นเกณฑ์ความรวย ถ้าเป็น 43 ล้านคนใช้งบประมาณ 430,000 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณปี 2567 ไม่พอในปีเดียว

เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะใช้เงินงบประมาณประจำปี 2567 ก็มีค่อนข้างน้อยและมีข้อเสนอออกมาอีกว่าจะใช้เป็นงบผูกพัน ผูกพันปีละ 100,000 ล้านบาทไป 4 ปี ก็ยิ่งชัดเจนว่า หลังจากที่ได้คำนวณมาแล้ว แสดงว่างบประมาณปี 67 มีที่ว่างให้ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพียงแค่ 100,000 ล้านบาทเท่านั้น และในกรณีที่จำเป็นจะต้องผูกพันไปจนถึง 4 ปีก็เท่ากับว่าจะมีร้านค้าบางส่วนจะไม่ได้เงินสดทันที และต้องรอแลกเป็นรายรอบปีงบประมาณไป

โครงการดิจิทัลวอลเล็ต มาถึงทางตัน

ซึ่งส่วนนี้จะกระทบกับร้านค้าที่อาจจะไม่มีแรงจูงใจมากพอ ที่ต้องการเงินสดมาหมุนเวียนในร้านค้าของตนเองจนไม่เข้าร่วมโครงการ จึงเป็นการตอกย้ำว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต มาถึงทางตันแล้ว ไม่สามารถที่จะให้ธนาคารของรัฐหรือธนาคารออมสินดำเนินโครงการนี้ออกไปก่อนได้ เพราะติดข้อจำกัดหลักที่เป็นตอใหญ่ นั่นคือเรื่องของงบประมาณและที่มาของเงินที่จะต้องใช้ แต่การปรับเงื่อนไขในครั้งนี้ต้องพิจารณาด้วยว่ายังคงทำตาม วัตถุประสงค์ดั้งเดิมและผลที่คาดว่าจะได้รับดั้งเดิมของโครงการนี้หรือไม่ ถ้าเปลี่ยนไปหมดแล้วก็อาจจะต้องมีการทบทวนนโยบายใหม่ทั้งหมดด้วยซ้ำ

สำหรับการคัดกรองคนที่มีเงินเดือน 25,000 บาทและ ผู้ที่มีเงินฝากนั้นความจริงแล้วลดจำนวนลงไปได้นิดเดียวเพียงแค่13 ล้านคน  ถ้าเป็นคนที่มีเงินเดือน เกิน 50,000 บาท ก็ลดไปได้เพียงแค่ 7 ล้านคน

ศิริกัญญา ชี้ เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท อาจถึงทางตัน แนะทบทวนนโยบายใหม่

ดังนั้นความจริงแล้วไม่ได้ช่วยอะไรมากนักในแง่ของการที่จะประหยัดงบประมาณลง ซึ่งนี่เป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลต้องคำนึงถึงว่าจะทำอย่างไรกันต่อ แต่สุดท้ายแล้ว กลับไปที่ทางเลือกที่ 3 ทางเลือกที่ให้เฉพาะคนที่ได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็เขียนไว้ชัดเจนว่าอาจจะไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยซ้ำไป อาจจะเป็นแค่การประคับประคองเยียวยาค่าครองชีพ ให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อยหรือผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแทน

 

เป็นนโยบายที่เพื่อไทยหาเสียงไว้

ศิริกัญญา ชี้ เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท อาจถึงทางตัน แนะทบทวนนโยบายใหม่

ซึ่งนี่เป็นการเริ่มที่จะเปลี่ยนรูปแบบของโครงการ เปลี่ยนวัตถุประสงค์เปลี่ยนคนที่จะได้รับไปอย่างชัดเจน ดังนั้นถ้าจะคงเพียงแค่รูปแบบว่าเป็นการแจกเงินเอาไว้ แต่วัตถุประสงค์ไม่ได้เป็นไปอย่างที่พูดไว้ ก็จำเป็นที่จะต้องทบทวนจนเข้าใจดีว่า นโยบายนี้เป็นนโยบายที่เพื่อไทยได้หาเสียงไว้แต่ถ้าสามารถที่จะบอกกับ ประชาชนอย่างตรงไปตรงมาว่าติดปัญหาในเรื่องอะไรงบประมาณ มีไม่พออย่างไรตนคิดว่าประชาชนน่าจะเข้าใจได้ ว่ารัฐบาลได้ พยายามอย่างเต็มที่แล้วที่จะทำโครงการนี้ แต่มีอุปสรรคชิ้นใหญ่นั่นก็คืองบประมาณ

ส่วนโครงการนี้อาจจะถูกยกเลิกไปหรือไม่ ตนเรียกว่าเปลี่ยนวิธีการมากกว่าอย่าเรียกว่ายกเลิก ตนเข้าใจดีว่า สัญญาทางใจที่มีไว้กับโหวตเตอร์หรือผู้สนับสนุนสำคัญ แต่เพื่อ ให้ได้ผลลัพธ์เดียวกันเรามีวิธีการที่จะไปได้หลายทาง 

ส่วนสุดท้ายจะจบแค่เป็นโครงการเยียวยาหรือไม่ ก็ต้องรอดูว่าจะกลายเป็นรูปแบบนั้นหรือไม่ ต้องบอกว่าตอนนี้ งบประมาณที่ไปทบทวนกันของแต่ละหน่วยงานรัฐเขา ทำกันเสร็จแล้วและเริ่มทยอยส่งกลับมายังสำนักงบประมาณแล้ว ดังนั้น สำนักงบประมาณมีข้อมูลอยู่ในมือแล้วว่าจะสามารถตัด ลด เกลี่ย งบประมาณ ของปี 67 ได้เท่าไหร่ แล้วปรากฏว่า ก็ได้แค่แสนล้าน ดังนั้น ถ้าจะไม่ทำงบประมาณผูกพันข้ามปีทางออกเดียว คือให้เฉพาะคนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

ดังนั้น ก็จะไม่ใช่โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกต่อไป เพียงแค่เยียวยาค่าครองชีพ จึงต้องบอกกับรัฐบาลว่าต้องมาทบทวนวัตถุประสงค์ของโครงการนี้ อย่างจริงจังอย่ายึดติดที่รูปแบบ ให้ดูที่เป้าหมายมากกว่าว่าผลลัพธ์เราอยากจะได้อะไร แล้วออกแบบนโยบายให้เป็นไปตามนั้นมากกว่า 

อย่างไรก็ตาม ก็ต้องรอให้คณะกรรมการชุดใหญ่ ของดิจิทัลวอลเล็ต มีมติออกมาก่อน ที่มีข่าวออกมาเป็นเพียงความคิดเห็นของอนุกรรมการเท่านั้น เราก็ยังคงใจดีให้เวลารัฐบาลกลับไปคิดทบทวนลงรายละเอียดทุกอย่าง แล้วให้คณะกรรมการชุดใหญ่มีข้อเสนอ เสนอต่อนายกรัฐมนตรีเข้ามา เราก็จะได้ทำการตรวจสอบกันต่อไปซึ่งหลายคณะกรรมาธิการ ตั้งท่ารอที่จะเรียกเข้าไปพูดคุยในรายละเอียดอยู่ กระทู้สดยังรออยู่แม้จะเป็นในช่วงปีสมัยประชุม แต่เปิดมาเมื่อไหร่ก็คงจะได้พูดคุยกันเรื่องนี้แน่นอน พร้อมฝากให้สื่อสอบถามประชาชน รวมถึงร้านค้าว่าหาก จะต้องทยอยจ่าย เป็นหลายปีงบประมาณเงินสดจะไม่ได้ทันที ร้านค้า แต่ยังคงเข้าร่วมโครงการหรือไม่

ส่วนการคัดกรองของโครงการนี้สามารถทำได้จริงหรือไม่นั้น น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ตนไม่อยากให้สับสนกับเรื่องนี้เพราะปัญหาใหญ่ คือเรื่องของงบประมาณมากกว่าส่วนเรื่องหลักเกณฑ์ ว่าจะเป็นหลักเกณฑ์เดียวกับคนที่จะได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คือดูรายได้จากการยื่นสรรพากร และดูทรัพย์สินจากธนาคารพาณิชย์โดยแจ้งผ่านไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย ว่ามีเงินฝากเท่าไหร่ซึ่งเรื่องนี้ไม่น่าจะยาก แต่แน่นอนว่าจะมีความผิดพลาดในเรื่องของอาจจะมีคนที่มีรายได้มากแต่ไม่ได้ยื่นสรรพากร มีสินทรัพย์อย่างอื่นแต่ไม่ได้มีเงินฝาก 

ส่วนที่มีการหารือกับ ธนาคารกรุงไทยไม่ใช่ธนาคารออมสินนั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลย น่าจะหารือกับธนาคารกรุงไทยเกี่ยวกับแอพพลิเคชั่นมากกว่า เพราะกรุงไทย มีประสบการณ์ในการทำเป๋าตังค์มา อาจจะเป็นธนาคารกรุงไทยที่จะดำเนินการทำแอพพลิเคชั่นได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการหารือกับออมสินก็เป็นไปไม่ได้เพราะติดข้อกฎหมาย ซึ่งไม่มีข้อไหนที่จะทำให้ดำเนินการแจกเงินได้เลยแม้แต่ข้อเดียว ถ้ายังคงใช้ออมสินอยู่ก็จะต้องมาแก้ไขกฎหมายและต้องผ่านสภา

ออก พ.ร.ก.เงินกู้ เป็นการฆ่าตัวตายทางการเมือง

เมื่อถามว่าหากทางออกสุดท้ายของรัฐบาลอาจจะต้องใช้ พ.ร.ก.เพื่อดำเนินโครงการนี้นั้น น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ในทางเทคนิค ทางออกสุดท้ายคือการ ออก พ.ร.ก.เงินกู้ เหมือนกับช่วงโควิดที่ให้กระทรวงการคลังกู้เงินเป็นทางออกทางเทคนิคที่ง่ายที่สุด แต่รัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจนว่า พ.ร.ก.จะออกได้จะต้องมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น แต่ก็ต้องถามสำนักบริหารหนี้ว่าจะยอมกู้ให้หรือไม่ ในกรณีที่ไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนและเสี่ยงต่อการขัดรัฐธรรมนูญ และในทางการเมือง ก็ต้องยอมรับว่าการจะออก พ.ร.ก. เงินกู้ ณเวลานี้ ที่ไม่ได้ เผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจหนักขนาดนั้น ต้องเจอแรงต้านมหาศาลแน่นอน ตนก็ขอเตือนไว้ว่าถ้าออกเป็น พ.ร.ก. เงินกู้เมื่อไหร่ อาจจะเป็นการฆ่าตัวตายทางการเมืองได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related