svasdssvasds

ประกันรถไฟฟ้าและประกันชั้น 1 ทั่วไป ต่างกันยังไง

ประกันรถไฟฟ้าและประกันชั้น 1 ทั่วไป ต่างกันยังไง

ไขข้อสงสัยประกันรถยนต์ไฟฟ้าต่างจากประกันรถยนต์ชั้น 1 ทั่วไปยังไง ค่าเบี้ยเริ่มต้นก็แพงกว่าหลายพัน มีเงื่อนไขอะไรที่เหมาะกับรถไฟฟ้าบ้าง

ประกันรถไฟฟ้าและประกันชั้น 1 ทั่วไป ต่างกันยังไง

ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้าเป็นที่ได้รับความนิยมใกล้เคียงกับรถยนต์สันดาป ทำให้บริการต่างๆ ที่เกี่ยวกับรถประเภทนี้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงประกันรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มมีค่าเบี้ยถูกลงมากกว่าเมื่อก่อน แต่ก็ยังอยู่ในเรตที่สูงกว่าประกันชั้น 1 ทั่วไปอยู่ไม่น้อย คนส่วนใหญ่อาจสงสัยว่าประกันทั้ง 2 ตัวนี้มันต่างกันยังไง ทั้งๆ ที่เป็นประกันชั้น 1 เหมือนกันทั้งคู่ วันนี้เราจะมาเจาะลึกรายละเอียดกันว่ามีจุดไหนบ้างให้ความคุ้มครองแตกต่างกัน

ความคุ้มครองของประกันรถไฟฟ้า

อย่างที่ได้เกริ่นไปว่าประกันรถยนต์ไฟฟ้าก็คือประกันชั้น 1 ประเภทนึง ในแง่ของความคุ้มครองเรียกได้ว่าถอดแบบกันมาเป๊ะๆ ไม่ว่าจะเป็น

  • คุ้มครองการชนแบบมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี

  • คุ้มครองทั้งตัวผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และคู่กรณีเมื่อเกิดการบาดเจ็บ

  • คุ้มครองกรณีสูญหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม และความเสียหายจากภัยธรรมชาติ

  • สิทธิ์ในการซ่อมศูนย์สำหรับรถอายุไม่เกิน 5 ปี

โดยความคุ้มครองที่เพิ่มเติมเข้ามาจะมีทั้งหมด 3 ประเด็นหลักๆ เพื่อรองรับคุณสมบัติของรถยนต์ไฟฟ้าที่แตกต่างจากรถยนต์สันดาปดังนี้

  • คุ้มครองความเสียหายหรือสูญหายต่อสายชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (คุ้มครองเริ่มต้น 10,000 บาท แล้วแต่เงื่อนไขของบริษัทประกัน)

  • คุ้มครองความเสียหายหรือสูญหายต่อเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน (คุ้มครองเริ่มต้น 40,000 บาท แล้วแต่เงื่อนไขของบริษัทประกัน)

  • รับผิดชอบบุคคลภายนอกจากอุบัติเหตุเนื่องจากการใช้งานเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั้งที่บ้านและสถานีชาร์จสาธารณะ (คุ้มครองเริ่มต้น 1,000,000 บาท แล้วแต่เงื่อนไขของบริษัทประกัน)

ความคุ้มครองของประกันรถไฟฟ้า

ความแตกต่างระหว่างประกันรถไฟฟ้าและประกันชั้น 1 ทั่วไป

แม้ว่าเงื่อนไขความคุ้มครองจะเหมือนกัน แต่ในแง่ของทุนประกันถือว่าต่างกันพอสมควร โดยประกันรถยนต์ชั้น 1 ทั่วไปจะให้วงเงินความคุ้มครองเริ่มต้นที่ 400,000 บาท แต่สำหรับประกันรถไฟฟ้าทุนประกันเริ่มต้นที่ 1,000,000 บาท เบี้ยประกันรายปีเริ่มต้นก็แตะ 20,000 บาทตามไปด้วย เหตุผลที่ตัวเลขสูงขนาดนี้ เพราะในปัจจุบันค่าเซอร์วิซต่างๆ ของรถยนต์ไฟฟ้ายังมีราคาสูงกว่าไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่ มอเตอร์ อะไหล่ส่วนต่างๆ รวมไปถึงจำนวนช่างซ่อมเฉพาะทางและศูนย์บริการของรถยนต์ไฟฟ้า ยังมีสัดส่วนที่น้อยกว่าศูนย์บริการรถยนต์สันดาป

ไขข้อสงสัยประกันรถยนต์ไฟฟ้าต่างจากประกันรถยนต์ชั้น 1 ทั่วไปยังไง

ถึงประกันรถยนต์ไฟฟ้ายังมีค่าเบี้ยที่ค่อนข้างสูง แต่ถ้าให้เทียบกับค่าเซอร์วิซหลังการขายและปัจจัยเสี่ยงๆ ที่ต้องเจอ ยังไงก็คุ้มกว่า เอาแค่ตัวแบตเตอรี่ราคาเริ่มต้นก็ใกล้หลักแสนเลยทีเดียว ใครกำลังวางแผนออกรถไฟฟ้า อย่ามองข้ามเรื่องนี้เด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นประกันรถไฟฟ้า Ora Good Cat, BYD Seal หรือ Tesla Model 3 ก็สามารถช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายและภาระต่างๆ ให้คุณได้อย่างแน่นอน

related