svasdssvasds

เช็กจุดดู ฝนดาวตกเจมินิดส์ กลุ่มดาวคนคู่ ตก 120-150 ดวง/ชั่วโมง 14-15 ธ.ค. 66

เช็กจุดดู ฝนดาวตกเจมินิดส์ กลุ่มดาวคนคู่ ตก 120-150 ดวง/ชั่วโมง 14-15 ธ.ค. 66

NARIT ชวนคนไทยชมปรากฏการณ์ “ฝนดาวตกเจมินิดส์” 14-15 ธ.ค. 2566 คาดมีอัตราการตกเฉลี่ยสูงสุดช่วงหลังเที่ยงคืน 120-150 ดวง/ชั่วโมง มองเห็นด้วยตาเปล่า สังเกตได้ตั้งแต่ 20:00 น. พร้อมย้อนตำนาน กลุ่มดาวคนคู่ ดวงดาวแห่งฤดูใบไม้ผลิ

ฝนดาวตกเจมินิดส์ หรือฝนดาวตกกลุ่มดาวคนคู่ คืน 14 - รุ่งเช้า 15 ธันวาคม 2566 เริ่มสังเกตได้เวลาประมาณ 20:00 น. เป็นต้นไปจนถึงรุ่งเช้า คาดมีอัตราการตกเฉลี่ยสูงสุดช่วงหลังเที่ยงคืน ประมาณ 120-150 ดวงต่อชั่วโมง เผยปีนี้เหมาะแก่การสังเกตการณ์เป็นอย่างยิ่งเนื่องจาก เป็นคืนที่ไร้แสงจันทร์รบกวนผู้สนใจติดตามชมได้ด้วยตาเปล่าในพื้นที่โล่ง และมืดสนิท ปราศจากแสงรบกวนดูได้ทุกภูมิภาคทั่วไทย

ฝนดาวตกเจมินิดส์ หรือ ฝนดาวตกกลุ่มดาวคนคู่ จะเกิดในช่วงระหว่างวันที่ 4 - 20 ธันวาคม ของทุกปี มีศูนย์กลางการกระจายบริเวณกลุ่มดาวคนคู่ ปีนี้นักดาราศาสตร์คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการตกสูงสุดในช่วงหลังเที่ยงคืนวันที่ 14 ถึงรุ่งเช้า 15 ธันวาคม 2566

ฝนดาวตกเจมินิดส์ หรือฝนดาวตกกลุ่มดาวคนคู่ คืน 14 - รุ่งเช้า 15 ธันวาคม 2566

อย่างไรก็ตาม สามารถรอชมปรากฏการณ์ได้ตั้งแต่ช่วงที่กลุ่มดาวคนคู่ขึ้นจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออก เวลาประมาณ 20:00 น. เป็นต้นไป ฝนดาวตกจะปรากฏให้เห็นเป็นลำแสงวาบพาดผ่านทั่วท้องฟ้าเป็นบริเวณกว้าง ดูได้ด้วยตาเปล่าในที่มืดสนิท ซึ่งปีนี้ไร้แสงจันทร์รบกวน จึงเหมาะแก่การสังเกตการณ์เป็นอย่างยิ่ง

ฝนดาวตกเจมินิดส์ เกิดจากการที่โลกเคลื่อนเข้าผ่านสายธารของเศษหินและฝุ่น ขนาดน้อยใหญ่ที่ดาวเคราะห์น้อย 3200 เฟธอน (3200 Phaethon) หลงเหลือทิ้งไว้ ขณะเคลื่อนผ่านเข้ามาในระบบสุริยะชั้นใน เมื่อโลกโคจรผ่านสายธารดังกล่าว แรงโน้มถ่วงของโลกจะดึงดูดเศษหินและฝุ่นเหล่านั้นเข้ามาในชั้นบรรยากาศ ทำให้เกิดการเสียดสีและเผาไหม้ ปรากฏให้ผู้สังเกตการณ์บนโลกเห็นเป็นลำแสงคล้ายลูกไฟสว่างวาบเคลื่อนผ่านท้องฟ้า หรือในบางครั้งเกิดเป็นลูกไฟขนาดใหญ่เรียกว่า Fireball

ซึ่ง “ฝนดาวตก” จะแตกต่างจาก “ดาวตก” ทั่วไป คือเป็นดาวตกที่มีทิศทางเหมือนมาจากจุดๆ หนึ่งบนท้องฟ้า เรียกว่า จุดศูนย์กลางการกระจาย (Radiant) เมื่อจุดศูนย์กลางการกระจายตรงหรืออยู่ใกล้เคียงกับกลุ่มดาวใด ก็จะเรียกชื่อฝนดาวตกตามกลุ่มดาวนั้นๆ

NARIT จัดกิจกรรมสังเกตการณ์ “ฝนดาวตกเจมินิดส์” คืนวันที่ 14 ถึงรุ่งเช้า 15 ธันวาคม 2566 เชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรม

 

จุดสังเกตการณ์หลัก “ฝนดาวตกเจมินิดส์” 5 แห่ง ดังนี้

  • เชียงใหม่ : กิจกรรม “แอ่วสวน ผ่อดาวกลางดอย นอนกอยฝนดาวตกเจมินิดส์” ภายในสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อ. แม่ริม จ. เชียงใหม่ ตั้งแต่เวลา 17:00 - 02:00 น. สอบถามกิจกรรม โทร. 081-8854353 หากประสงค์ค้างคืน สอบถามที่พัก โทร. 062-5942963 (ลานกางเต็นท์สวนพฤกษ์)

สำหรับภูมิภาคอื่นๆ จัดขึ้น ณ หอดูดาวภูมิภาคสำหรับประชาชน กิจกรรมเริ่มตั้งแต่เวลา 17:00 น. เป็นต้นไปจนถึงรุ่งเช้า

  • โคราช : หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา นครราชสีมา โทร. 086-4291489
  • ขอนแก่น : หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ขอนแก่น โทร. 063-8921854
  • ฉะเชิงเทรา : หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ฉะเชิงเทรา โทร. 084-0882264
  • สงขลา : หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา สงขลา โทร. 095-1450411

ลักษณะการจัดกิจกรรมจะแตกต่างละพื้นที่ ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเพจเฟซบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ

ย้อนตำนาน กลุ่มดาวคนคู่ ดวงดาวแห่งฤดูใบไม้ผลิ 

ย้อนตำนาน กลุ่มดาวคนคู่ ดวงดาวแห่งฤดูใบไม้ผลิ 

ฝนดาวตกเจมินิดส์ มีศูนย์กลางการกระจายอยู่ที่ กลุ่มดาวคนคู่ หรือพี่น้องฝาแฝดพอลลักซ์กับคาสเตอร์ตามตำนานเทพปกรณัมกรีก ดังนั้น ในวันนี้เราจึงมีนิทานของกลุ่มดาวคนคู่มาฝากก่อนที่จะไปดูฝนดาวตกกัน

ตำนานนี้มีอยู่ว่า...

ที่เมืองแห่งหนึ่ง ปกครองโดยท้าวทินดารูส (Tyndareus) มีมเหสีแสนสวยชื่อว่า ลีดา (Leda) วันหนึ่งนางลีดาได้ลงไปอาบน้ำในแม่น้ำ และเทพซุสผ่านมาเห็นเข้าก็ถูกใจนางขึ้นมา จึงเดินทางไปหาเทพเฮอร์เมสเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยมีแผนการว่าให้เทพเฮอร์เมสแปลงกายเป็นนกอินทรี แล้วไล่ล่าตนที่แปลงกายเป็นหงส์ หงส์แปลงตัวนี้ทำทีบินหนีนกอินทรีแปลงเข้าไปหานางลีดาให้ช่วย นางจึงอ้าแขนรับหงส์แล้วก็ขับไล่นกอินทรีย์ไป ทั้งหมดจึงเข้าแผนการของเทพซุส

ต่อมานางลีดาได้ตั้งครรภ์และคลอดลูกออกมาเป็นไข่ 2 ฟอง ฟองหนึ่งเกิดจากท้าวทิสดารูส และอีกฟองหนึ่งเกิดจากเทพซุส ภายในไข่ทั้ง 2 ฟองมีทารกแฝดชายหญิงอยู่ฟองละคู่ คู่ที่เกิดจากท้าวทินดารูสได้ชื่อว่า ไคลเทมเนสตรา (Clytemnestra) และคาสเตอร์ (Caster) ส่วนคู่ที่เกิดจากเทพซุสมีชื่อว่า เฮเลน (Helen) และพอลลักซ์ (Pollux)

พอลลักซ์กับคาสเตอร์ แม้จะเป็นแฝดที่เกิดจากคนละพ่อ แต่ทั้งสองก็รักกันมาก ชนิดที่ไม่เคยแยกออกจากกันเลย เมื่อเติบโตขึ้น ทั้งสองก็มีวิชาที่ถนัดแตกต่างกัน พอลลักซ์นั้นมีความสามารถในการต่อสู้ ส่วนคาสเตอร์เก่งกาจในการควบคุมม้าเป็นอย่างมาก อยู่มาวันหนึ่ง ทั้งสองได้รับเชิญไปงานแต่งงานของลินซัส (Lynceus) และไอดัส (Idas) ซึ่งเป็นเพื่อนในสมัยที่ออกเรืออาร์โก้ไปชิงขนแกะทองคำ เพียงทั้งสองพบเจ้าสาว ก็เกิดตกหลุมรักขึ้นมา ทั้งคู่วางแผนที่จะฉุดเจ้าสาว

เมื่อทั้งคู่ทำตามแผน โดยให้คาสเตอร์พาเจ้าสาวขึ้นม้าแล้วหนีไป ส่วนพอลลักซ์นั้นต่อสู้กับเจ้าบ่าว ไม่ให้ตามคาสเตอร์ไป จนแล้วจนรอด คาสเตอร์ก็ไม่สามารถพาเจ้าสาวหนีพ้นไปได้ เกิดการต่อสู้ของทั้งสี่ขึ้น คาสเตอร์นั้นได้ฆ่าลินซัสตาย แต่ก็พลาดท่าให้กับไอดัสจนตาย พอลลักซ์เห็นว่าคาสเตอร์ถูกฆ่าตาย ก็โกรธแค้นและฆ่าไอดัสตายไปด้วยอีกคน พอลลักซ์เสียใจเป็นอย่างมากจนอยากจะตายตามคาสเตอร์ไป แต่ก็ทำไม่ได้ เนื่องจากพอลลักซ์นั้นเป็นลูกครึ่งเทพ จึงทำให้มีชีวิตเป็นอมตะ

พอลลักซ์เดินทางไปหาเทพซุส ขอให้เทพซุสฆ่าตัวเองให้ตายตามไปหรือไม่ก็ทำให้คาสเตอร์ฟื้นคืนชีพและเป็นอมตะเหมือนกับตัวเอง เทพซุสเห็นใจลูกใจมาก จึงบอกกับพอลลักซ์ว่า ข้าจะทำให้คาสเตอร์ฟื้นคืนชีพและเป็นอมตะ แต่มีเงื่อนไขว่า ในระหว่างที่คนหนึ่งอยู่บนโลก อีกคนต้องอยู่ในยมโลก สลับกันคนละ 6 เดือน

เทพซุสเห็นว่าทั้งสองพี่น้องมีความรักกันมั่นคงไม่ปรวนแปร จึงนำทั้งคู่ขึ้นไปเป็นกลุ่มดาวบนท้องฟ้า ที่ชื่อว่า เจมินิดส์ (Gemini) กลุ่มดาวประจำจักรราศีเมถุน

ที่มา : NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

related