svasdssvasds

นายกฯ ฉุนขึ้นค่าแรงขั้นต่ำน้อยเกิน 3 จังหวัดใต้ซื้อไข่ลูกเดียวยังไม่ได้

นายกฯ ฉุนขึ้นค่าแรงขั้นต่ำน้อยเกิน 3 จังหวัดใต้ซื้อไข่ลูกเดียวยังไม่ได้

‘เศรษฐา’ ฉุน ไม่เห็นด้วยขึ้นค่าแรงขั้นต่ำน้อยเกิน ค่าแรง 3 จังหวัดชายแดนใต้ขึ้นแค่ 2 บาท ซื้อไข่ลูกหนึ่งยังไม่ได้ เล็งคุยทุกฝ่ายปรับแนวทางเหมาะสม วอนผู้ประกอบการเห็นใจ ลูกจ้าง ชี้ที่ผ่านมารัฐบาลช่วยผู้ประกอบการลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้เปิดตลาดใหม่

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการไตรภาคีมีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ 2-16 บาท ว่า ค่าแรงขั้นต่ำของเราไม่ได้ขึ้นมานานมาก และขึ้นมาน้อยมาก ขณะที่ค่าครองชีพสูงขึ้นทุกวัน โดยรัฐบาลพยายามทำหลายวิธีที่จะให้ลดค่าใช้จ่าย ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน พักหนี้เกษตรกร และอีกหลายอย่างเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความทุกข์ของประชาชน รวมไปถึงการแก้ไขหนี้นอกระบบ และหนี้ในระบบ รัฐบาลพยายามทำอยู่ เพื่อลดค่าใช้จ่าย ขณะที่เรื่องของการเพิ่มรายได้ก็สำคัญ โดยประชาชนหลายสิบล้านคนต้องพึ่งค่าแรงขั้นต่ำจำนวนมาก บางจังหวัด ขึ้นแค่ 7-12 บาทเท่านั้นซึ่งน้อยเกินไป ทั้งที่รัฐบาลพยายามที่จะยกระดับ ให้ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมไฮเทค ประชาชนมีรายได้สูงขึ้น

นายกฯ ฉุนขึ้นค่าแรงขั้นต่ำน้อยเกิน 3 จังหวัดใต้ซื้อไข่ลูกเดียวยังไม่ได้

รัฐบาลเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อเชิญให้นักลงทุนในบริษัทใหญ่ๆ มาลงทุนที่ประเทศไทย และเรื่องของการไปเปิดตลาดการค้าขายใหม่ ในประเทศต่าง ๆ ที่ประเทศไทยยังไม่มีคู่สัญญาการค้า ซึ่งเหล่านี้รัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่แล้ว แต่ว่าผู้ประกอบการ หรือนายจ้าง ตนขออ้อนวอน และวิงวอน พี่น้องแรงงานคือ กลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เมื่อมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น รัฐบาลพยายามทำทุกอย่าง แต่การขึ้นค่าแรงให้กับพวกเขาคือสิ่งที่ต้องพยายามทำ ไม่ใช่ว่ามากดค่าจ้าง และนายจ้างเองก็ไม่ได้พัฒนากิจการของตนเองเลย ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลก็พยามช่วยเหลือในการเปิดตลาดใหม่ๆ ต้องพัฒนาตัวเอง โดยปัจจุบันนายจ้างเองได้ประโยชน์จากการลดค่าไฟ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง
 

วันนี้เราจะยอมให้แรงงานประชาชนคนไทยต่ำติดดินแบบนี้หรือ ประเทศที่ใกล้เคียงกับไทยเช่น สิงคโปร์หรือเกาหลี สิงคโปร์ค่าแรงขั้นต่ำต่อวัน 1,000 บาท เราจะยอมให้พี่น้องประชาชนของเราเป็นพลเมืองชั้น 2 ชั้น 3 ของโลกหรือ ในเมื่อค่าแรงขั้นต่ำติดดินขนาดนี้ เมื่อรัฐบาลพยายามยกระดับภาคอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการก็ควรที่จะทำไปพร้อมๆกัน ถ้าทำเพียงฝ่ายเดียวเป็นไปไม่ได้ นายกรัฐมนตรี กลา่ว

ทั้งนี้ นายเศรษฐา เผยว่าต้องขอทบทวนเรื่องค่าแรงใหม่ และจะต้องไปพิจารณาดูถึงแนวทางความเหมาะสม เราต้องพูดถึงองค์รวมของเศรษฐกิจ และการทำธุรกิจ ไม่ใช่แค่ขึ้นค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการหรือนายจ้างอย่างเดียว แต่ยังมีการเพิ่มรายได้เปิดตลาดที่มากขึ้น ที่ผ่านมาผู้ประกอบการหรือนายจ้างก็ได้ประโยชน์ไปแล้ว ถึงเวลาต้องคืนให้กับคนที่เป็นกำลังสำคัญ ในภาคผลิตด้วยหรือเปล่า พอพ้นจากวันหยุดก็จะมีการเรียกคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่าเรื่องนี้ทุกคนมีความกังวลหมด ขอให้คิดถึงใจเขาใจเรา

ส่วนประเด็นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้รับการปรับขึ้น มานานแต่ขณะนี้ปรับเพียงแค่ 2 บาทจะมีการพิจารณาใหม่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ตนก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้คุยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้พูดคุยกันเรื่องนิคมอุตสาหกรรม การพัฒนาท่องเที่ยว การเปิดด่านสะเดา มีการลงทุนสร้างสะพานไปยังมาเลเซีย สิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไม ถึงขึ้นแค่ 2-3 บาท ยอมรับว่าตนไม่สบายใจ ถึงอยากใช้เวทีนี้สื่อสาร ไปถึง และขอความเป็นธรรมให้กับพี่น้องแรงงาน ไม่อย่างนั้นจะติดกับรายได้ต่ำ ต้องคุยทั้งกับไตรภาคี และในครม.เพราะเรื่องค่าแรงขั้นต่ำเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล 

ส่นควรจะปรับขึ้นไปที่เท่าไรจึงจะเหมาะสมนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะต้องขึ้นไปสูงกว่านี้ โดยจะรอฟังเหตุ และผลของคณะกรรมการค่าจ้าง และคณะกรรมการ 3 ฝ่ายด้วย แต่เห็นว่า จังหวัดใหญ่ ๆ ค่าแรงควรจะถึง 400 บาท จังหวัดเล็ก ๆ อาจจะต้องพิจารณาตามความเหมาะสม

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่จะมีผู้ประกอบการส่วนหนึ่งให้เหตุผลเรื่องเศรษฐกิจของประเทศที่ซบเซาว่า รัฐบาลก็พยายามช่วยเหลืออยู่ ทั้งการดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ การลดค่าไฟ ที่ทุกคนได้ประโยชน์ จาก 4.50 บาทลงมาเป็น 3.99 - 4.20 บาท ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลักอยู่แล้ว

ส่วนประเด็นที่ผู้ใช้แรงงานจะออกมาเคลื่อนไหว นายเศรษฐา กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้และประกาศชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย ขอให้ผู้ใช้แรงงาน ดูการกระทำว่าตนมีความจริงใจขนาดไหนอย่างไร เราให้ความสำคัญสูงสุด การที่ตนไปพูดที่หอการค้าไทย ขอให้ฟังดูว่าเขาดีใจหรือไม่ที่รัฐบาลขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับสภาอุตสาหกรรม รัฐบาลพยายามสร้างความมั่นใจให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน และเข้ามาอยู่ในประเทศไทยง่ายและปลอดภัยขึ้น ทั้งหมดเพื่อสร้างความมั่นใจ

" วันนี้ผมไม่ได้มาหาเสียง เพราะการหาเสียงจบไปแล้ว แต่เราพูดถึงความเป็นจริงว่าชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ต้องได้รับการดูแลควบคู่กันไปด้วย ขออ้อนวอนไปถึงนายจ้างให้ความเป็นธรรมกับผู้ใช้แรงงานด้วย"

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการนำเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมครม. จะพิจารณาอย่างไร นายกฯกล่าวว่า ต้องดูว่ามีความจำเป็นว่าจะเสนอเข้ามาหรือไม่ ถ้าเสนอเข้ามา ตนไม่ยินยอมไม่เห็นด้วยแน่นอน ตนเชื่อว่านโยบายค่าแรงขั้นต่ำเราดูที่ความเหมาะสม เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้ หลายประเทศ ค่าแรงขั้นต่ำเขามากกว่านี้ วันนี้เราชนะสิงคโปร์ในแง่ดึงดูดนักลงทุน บริษัทใหญ่เข้ามาสร้าง Data Center เป็นนิมิตรหมายอันดีว่าประเทศเรามีศักยภาพสูง แต่ทำไมจึงไปกดผู้ใช้แรงงานที่จะมาช่วยพัฒนาประเทศ

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรี รู้สึกเหมือนมีความฉุนเฉียวที่พูดถึงเรื่องนี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับฉุน เพราะการที่เป็นนายกรัฐมนตรีต้องดูแลประชาชน 60 ล้านคน ไม่ใช่ดูแลแค่มาเอาคะแนนเสียงกับผู้ใช้แรงงานอย่างเดียว แต่นายจ้างและผู้ประกอบการก็ไปรับฟังความเห็นตลอด และพร้อมจะช่วยเหลือ สิ่งเหล่านี้ค่อนข้างเป็นรูปธรรมอยู่แล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related